บทที่ 57 มายมิ้นท์ยังไม่ตาย

รักหวานอมเปรี้ยว

เมื่อทั้งสามคนเข้าไปดูในวงจรปิดก็พบว่า มายมิ้นท์กับลาเต้ได้เข้าไปในโรงน้ำพุร้อนเมื่อชั่วโมงครึ่งที่แล้ว แต่หลังจากนั้น มายมิ้นท์ก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย

ดังนั้นจะเห็นได้ว่า มายมิ้นท์น่าจะยังอยู่ในโรงน้ำพุร้อน

“ผมจะไปดูที่โรงน้ำพุร้อนสักหน่อย!” พอพูดประโยคนี้จบ ลาเต้ก็ชิงเปิดประตูออกไปเลย

ส้มเปรี้ยวเงยหน้าขึ้นไปมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เปปเปอร์ งั้นเราก็ไม่ต้องไปแล้วใช่ไหมคะ?”

“ไปสิ!” เปปเปอร์ขมวดคิ้วแล้วตอบ “ลาเต้สงสัยว่าการหายตัวไปของมายมิ้นท์มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณ เพื่อที่จะปัดเป่าการเป็นที่ต้องสงสัยในตัวคุณ พวกเราก็ต้องไปด้วย ไปเถอะ”

ส้มเปรี้ยวยิ้มเล็กน้อย “ค่ะ ฉันจะฟังคุณ”

ทั้งสองคนมาถึงหน้าประตูทางเข้าโรงน้ำพุร้อน ลาเต้ก็กำลังเจรจากับยามอยู่

“คุณครับ ผมก็บอกคุณไปแล้ว ว่าตอนนี้เลยเวลาทำการของโรงน้ำพุร้อนแล้ว ด้านในไม่มีคนแล้วครับ” ยามกำลังขวางลาเต้อยู่และห้ามไม่ให้เขาเข้าไป

ลาเต้เอามือจับผม และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังออกมาจากในโรงน้ำพุร้อน และได้ดึงดูดความสนใจของทั้งสี่คนให้เข้าไป

ทั้งสี่คนเห็นคุณป้าที่ทำความสะอาดคนหนึ่งวิ่งออกมาจากข้างในด้วยสีหน้าที่หวาดผวา ในระหว่างวิ่ง ปากของเธอก็พึมพำอะไรบางอย่างกับตัวเองอยู่

ยามจับตัวของเธอเอาไว้ แล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

คุณป้าที่ทำความสะอาดพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า “คน……คนตายแล้ว!”

“อะไรนะ?”

ทุกคนตกตะลึง

แล้วมือที่กำลังสั่นเทาของคุณป้าที่ทำความสะอาดก็ชี้เข้าไปข้างใน และพูดว่า “ในห้องอาบน้ำของบ่อน้ำพุร้อนหญิง มีคนตายไปแล้วหนึ่งคน!”

“มิ้นท์!” สีหน้าของ ลาเต้เปลี่ยนไป และรีบพุ่งตัวเข้าไปในโรงน้ำพุร้อนทันที

เปปเปอร์กับยามก็รีบตามเข้าไปเช่นกัน

ระหว่างทาง สีหน้าของเปปเปอร์ก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมาอย่างมาก และลมปราณที่แผ่กระจายอยู่รอบๆตัวก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจมากขึ้น

ผู้หญิงคนนั้นตายแล้วงั้นเหรอ?

ล้อเล่นอะไรน่ะ คงไม่ใช่การเล่นพิเรนทร์ของเธอหรอกนะ?

เปปเปอร์กัดกรามแน่น หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก ทำให้จังหวะการหายใจของเขาไม่เป็นระเบียบไปหมดแล้ว

ส้มเปรี้ยวรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของความรู้สึกของเขาแล้ว ก็รู้สึกเจ็บแค้นอย่างเงียบๆอยู่ในใจ แต่บนใบหน้ากลับมีน้ำตาคลอเบ้า “เปปเปอร์คะ คุณว่าคุณมายมิ้นท์ยังอายุยังน้อยอย่างนี้ ทำไมถึงได้ประสบอุบัติเหตุแล้วล่ะคะ?”

เธอพูดราวกับว่าเธอรู้สึกเสียดายและเสียใจกับการตายของมายมิ้นท์มากอย่างไรอย่างนั้น

แต่มุมปากของเธอกลับถูกยกขึ้นมาในที่ที่ไม่มีใครมองเห็น

นี่ช่างเป็นข่าวดีจริงๆ

มายมิ้นท์ตายแล้ว เช่นนั้นเธอจะไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังอีกต่อไปแล้ว

คนสามสี่คนมาถึงนอกห้องอาบน้ำแล้ว ก็เปิดประตูตรงเข้าไป โดยที่ไม่สนใจตัวอักษรสี่คำที่เขียนอยู่บนประตูว่า “ผู้ชายห้ามเข้า”เลย พอเข้าไปก็เห็นมายมิ้นท์นอนอยู่บนพื้น และใต้ศีรษะของเธอยังมีเลือดไหลนองอยู่ซึ่งเป็นฉากที่ทำให้ผู้คนตกใจเป็นอย่างมาก

ลาเต้ใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าจะมีสติกลับคืนมา แล้วก้าวเดินไปทางมายมิ้นท์ด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ

เปปเปอร์ยืนอยู่หน้าประตู ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าซีดนั้นของมายมิ้นท์อย่างไม่วางตา แล้วยกมือขึ้นมาทันทีด้วยจิตใต้สำนึก

คิดไม่ถึงว่าจะเป็นมายมิ้นท์จริงๆ!

เธอตายแล้วจริงๆ!

ในเวลานี้เปปเปอร์รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองได้สูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดไปแล้ว หัวใจของเขาไม่เพียงแต่จะรู้สึกเจ็บปวด แต่ยังว่างเปล่าขึ้นมาอีกด้วย

และในขณะนั้นเอง เสียงที่ตื่นเต้นของลาเต้ก็ดังขึ้นมาว่า “ยังมีชีวิตอยู่ มิ้นท์ยังไม่ตาย เธอยังหายใจอยู่!”

ว่าไงนะ?

มุมปากที่โค้งขึ้นของส้มเปรี้ยวก็ชะงักในทันที และภายในดวงตาก็เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

มายมิ้นท์ยังไม่ตายเหรอ?

“จริงแท้แน่นอน มิ้นท์ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ” นิ้วมือของลาเต้กำลังวางอยู่ใต้จมูกของมายมิ้นท์ เขาจึงสามารถรู้สึกได้ถึงลมหายใจอ่อนๆของเธอได้อย่างชัดเจน

ยามเฝ้าประตูถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วมองคุณป้าที่ทำความสะอาดด้วยความไม่พอใจ “คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง คนยังไม่ตายชัดๆ คุณมาบอกว่าตายไปแล้วได้ยังไง?”

คุณป้าที่ทำความสะอาดตอบกลับด้วยความน้อยใจว่า “ฉันเห็นเธอนอนอยู่บนพื้น แถมยังมีเลือดอยู่ใต้ร่างกายอีก แล้วก็ถูกขู่ขวัญให้ตกใจ ดังนั้นก็เลยนึกว่าเธอตายไปแล้ว”

“……” ยามพูดไม่ออก

ส้มเปรี้ยวก็จ้องมองพนักงานทำความสะอาดด้วยความโมโห เพราะคิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะพนักงานทำความสะอาดคนนี้ปล่อยข่าวลือทำให้โกลาหลวุ่นวายไปหมดและทำให้เธอต้องดีใจโดยเปล่าประโยชน์เสียแล้ว

และมายมิ้นท์ ที่เหยียบครีมอาบน้ำที่เธอเทลงไปจนล้มแล้ว ทำไมถึงไม่ล้มจนตายไปเลยล่ะ!

กลัวว่าความคิดทั้งหมดที่อยู่ภายในใจจะถูกใครดูออก ส้มเปรี้ยวจึงจัดการอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เยี่ยมไปเลยค่ะ คุณมายมิ้นท์ยังไม่ตาย นี่ช่างเป็นข่าวดีจริงๆ ใช่ไหมคะเปปเปอร์?”

เปปเปอร์ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับยกฝีเท้าเดินเข้าไปหาลาเต้กับมายมิ้นท์

ลาเต้กำลังเขย่าตัวมายมิ้นท์เบาๆ เพราะต้องการจะปลุกมายมิ้นท์ให้ตื่นขึ้นมา

ในขณะที่เปปเปอร์กำลังมองดูการกระทำทั้งหมดนี้ที่ไม่มีความรู้ทางการแพทย์เลยของเขา ในใจก็รู้สึกโกรธเล็กน้อย จึงบิดหลังคอของเขาโดยตรง และดึงเขาออกไปจากข้างกายมายมิ้นท์

“ลาเต้ คุณทำอะไร?” ลาเต้ขู่คำรามด้วยความโกรธ

เปปเปอร์ยกเปลือกตาขึ้นเบาๆและมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา “เห็นได้ชัดว่าเธอตกอยู่ในอาการโคม่าอย่างรุนแรง คุณจะปลุกเธอแบบนี้ไม่ได้นะ อีกอย่างศีรษะของเธอก็ได้รับบาดเจ็บ การเขย่าของคุณมีแต่จะทำให้เธอยิ่งเจ็บมากขึ้นและเลือดก็ไหลเวียนเร็วขึ้นด้วย ถ้าไม่อยากให้เธอตาย คุณควรโทรหาหมอทันทีจะดีที่สุด”

ในขณะที่ได้ยินคำพูดนี้ ลาเต้ก็ผงะไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็เสียใจมนการกระทำของตัวเองสักพัก

สมควรตาย เขาเป็นห่วงเธอจนทำให้มันยุ่งเหยิงไปหมด คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่เรื่องสำคัญอย่างการโทรเรียกหมอเขาก็ไม่ได้นึกถึงเลยด้วยซ้ำ

ลาเต้จึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรไปหาทางโรงแรม

เปปเปอร์ย่อตัวลง แล้วยกศีรษะของมายมิ้นท์ขึ้นเบาๆ และให้เธอพิงอยู่ในอ้อมแขนของเขา

หลังจากนั้น เขาดึงผ้าออกจากเสื้อเพื่อทำเป็นผ้าพันแผล แล้วดำเนินการพันแผลที่อยู่ด้านหลังศีรษะของมายมิ้นท์และทำการห้ามเลือดอย่างง่าย

และในขั้นตอนของการห้ามเลือด ดวงตาของเขาก็น้ำตาคลอดด้วยความเจ็บปวดใจและความสงสารโดยที่ตัวเขาเองไม่ได้สังเกต

ส้มเปรี้ยวที่อยู่ข้างๆเห็นเช่นนั้น ดวงตาของเธอก็แดงก่ำไปหมด แต่กลับไม่ได้เข้าไปขัดขวางแต่อย่างใด

เธอรู้ดีว่า ถ้าตัวเองไปขัดขวางในเวลานี้ เธอก็จะดูใจแคบไปหน่อย แม้แต่คนบาดเจ็บก็ให้อภัยไม่ได้

ลาเต้โทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว ก็พูดขึ้นมาว่า “ทางโรงแรมบอกว่า คุณหมอได้จัดหมอไปที่ห้องของมิ้นท์แล้ว ตอนนี้เราแค่พามิ้นท์ไปก็พอแล้ว”

พอเปปเปอร์ พันผ้าพันแผลเสร็จแล้ว ก็อุ้มมายมิ้นท์ขึ้นมา

ลาเต้เห็นดังนั้น จึงเอาโทรศัพท์เก็บเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วยื่นมือทั้งสองข้างออกมา “ส่งมิ้นท์มาให้ผมก็พอแล้วครับ”

“คุณอุ้มไม่ได้ จากการกระทำของคุณเมื่อสักครู่นี้เห็นได้ชัดแล้วว่าคุณไม่เหมาะสมที่จะดูแลเธอเลย” เปปเปอร์พูดเย็นชา และไม่ได้ส่งผู้หญิงที่อยู่ในอ้อมแขนไปให้เขา

ลาเต้หัวเราะด้วยความโกรธ แล้วพูดว่า “ผมอุ้มไม่ได้หรือว่าประธานเปปเปอร์คุณอุ้มได้อย่างนั้นเหรอครับ? ประธานเปปเปอร์อย่าลืมนะครับว่า คุณกับมิ้นท์หย่ากันแล้ว ตอนนี้ผมจึงเป็นแฟนของเธอ”

“ก็จริงนะคะเปปเปอร์ คุณลาเต้เป็นแฟนของคุณมายมิ้นท์ คุณก็ส่งคุณมายมิ้นท์ให้คุณลาเต้เถอะ ฉันเชื่อว่าคุณลาเต้จะดูแลคุณมายมิ้นท์เป็นอย่างดีค่ะ” ส้มเปรี้ยวก้าวไปข้างหน้า ดึงเสื้อของเปปเปอร์ไปมา แล้วพูดแนะนำอย่างอ่อนโยน

เปปเปอร์มือที่อยู่ใต้รักแร้และข้อเข่าของมายมิ้นท์จับแน่นแล้วแน่นอีก แต่สุดท้ายก็คลายออก แล้วส่งมายมิ้นท์ไปด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

ลาเต้ทำเสียงฮึดฮัดใส่เขา แล้วอุ้มลาเต้และหันหลังเดินออกไป

ในขณะที่มองดูเงาด้านหลังของทั้งสองคนที่เดินจากไป เปปเปอร์ก็รู้สึกขัดตา ภายในใจก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิด และก็ยกหมัดขึ้นมา แต่หลังจากที่ยกขึ้นมา เขาก็รู้สึกเหนียวเหนอะหนะในฝ่ามือของเขา เขาจึงแบมือออกมาดู นอกจากเลือดในฝ่ามือของเขาแล้ว ยังมีของเหลวที่ไม่สามารถระบุชื่อได้อีกด้วย

ของเหลวนั้นมีกลิ่นหอมจางๆ เปปเปอร์ขยี้ไปมาอยู่พักหนึ่ง ของเหลวนั้นก็มีฟองขึ้นมา น่าจะควรเป็นแชมพูหรือครีมอาบน้ำ เขาเพิ่งจะได้พบกับมายมิ้นท์เมื่อสักครู่ บางทีมันอาจจะเป็นของเหลวที่มาจากบนร่างกายของมายมิ้นท์ก็ได้

ในขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เปปเปอร์ก็มองไปยังตรงที่มายมิ้นท์หมดสติไป ในนั้นมีของเหลวชนิดเดียวกันอยู่จริงๆด้วย

เปปเปอร์ทำเสียงเยาะเย้ย

ผู้หญิงคนนี้ทำของใช้ในห้องน้ำหล่นหมด และยังเหยียบจนล้มอีก โง่จริงๆเลย!

“เปปเปอร์คะ คุณลาเต้กับคุณมายมิ้นท์ก็ไปหมดแล้ว พวกเราก็กลับไปกันเถอะค่ะ” ส้มเปรี้ยวจับแขนของชายหนุ่มเอาไว้

ชายหนุ่มยกแขนขึ้น แล้วดึงออกมา “ผมขอตัวไปล้างมือก่อน”

ในขณะที่กำลังพูดอยู่ เขาก็เดินไปที่หน้าอ่างอาบน้ำ ล้างเลือดและครีมอาบน้ำที่อยู่มือ แล้วจึงออกจากโรงน้ำพุร้อนไป

พอกลับมาถึงห้อง ส้มเปรี้ยวก็หยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมายื่นให้เปปเปอร์ แล้วพูดว่า “เปปเปอร์คะ คุณเพิ่งจะพันแผลให้คุณมายมิ้นท์ บนร่างการเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ไม่อย่างนั้นคุณไปอาบน้ำสักหน่อยเถอะค่ะ”

เปปเปอร์ก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน จึงหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อได้กลิ่นที่คุ้นเคยอยู่ในอากาศ เขาก็หรี่สายตาขึ้นมาในทันที