ตอนที่ 255 ดีดลูกคิดคำนวณเป็นอย่างดี
จ้าวเหวินเทาไม่สนใจพวกเด็กหนุ่ม เขาไม่ได้สนใจดื่มเหล้าเพื่อสานสัมพันธ์เลย แต่ก็ช่วยไม่ได้ สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าไม่จำเป็นต้องสานสัมพันธ์อะไร เขาจึงถอนตัวออกมา ปล่อยวงเหล้าให้พี่สามจ้าวเป็นคนจัดการ พี่สามจ้าวก็มีความสุขที่จะได้เป็นเจ้าภาพ ถึงอย่างไรอาหารและเหล้าก็ไม่ต้องให้เขาออกเงินอยู่แล้ว จึงทักทายอย่างกระตือรือร้น
จ้าวเหวินเทามาร่วมสนทนากับเลขา คุณพ่อจ้าวและผู้อาวุโสอีกสามสี่คน
“กระต่ายข้าวซานถุนของพวกเรามีชื่อเสียงแล้วนะ แต่ในใจของฉันก็ยังรู้สึกไม่มั่นคงอยู่ดี” เลขาม้วนบุหรี่พลางกล่าว “คำพูดสมัยก่อนนี่ดีนะ คนกลัวว่าเมื่อมีชื่อเสียงจะสร้างปัญหาเหมือนหมูจะถูกฆ่าเมื่อมันอ้วน ชื่อเสียงนี้ไม่ได้นำเรื่องดีเข้ามาเสมอไปหรอก”
เหล่าไป๋โถวกล่าว “ก็นั่นน่ะสิ คนเราพอรวยก็เอาแต่อมพะนำ แต่ก็กินเนื้ออยู่ในบ้าน ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป คนอื่นก็ต้องคิดถึง”
คุณพ่อจ้าวพยักหน้า “เหตุผลนี้แหละ คนที่รวยก่อน จะกินของดีอะไรสักอย่างก็ต้องแบกคนอื่นไว้ด้านหลัง ก็เลยไม่กล้าให้คนอื่นรู้”
เลขาหันมาพูดกับจ้าวเหวินเทา “เหวินเทา นายว่าไง”
จ้าวเหวินเทากล่าว “ที่เลขากังวลก็ถูกนะครับ ชื่อเสียงนี้ต้องมีปัญหาแน่นอน แต่พวกเราไม่สามารถย่ำอยู่กับที่เพราะมีปัญหาได้หรอก จริงไหม? พวกเราต่างก็พุ่งเข้าหาชีวิตที่ดี ไม่ได้ทำร้ายใครสักหน่อย ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอก ถึงเวลาเมื่อปัญหามาถึงแก้ปัญหาก็สิ้นเรื่อง!”
“เฮ้อ สุดท้ายก็คือเด็กหนุ่มสินะ มีความกระฉับกระเฉงและมีพลัง ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” เลขาพูดพลางถอนหายใจ “ไม่เหมือนคนแก่ ๆ แบบพวกเราหรอก ห่วงหน้าพะวงหลัง ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ!”
“เลขาอย่าพูดแบบนี้สิ พวกคนหนุ่มสาวแบบพวกเราพุ่งตัวไปข้างหน้า ก็ต้องพึ่งพาผู้อาวุโสแบบพวกคุณคอยพยุงอยู่ด้านหลัง ไม่งั้น ต่อให้กระฉับกระเฉงมีพลังกว่านี้ก็ไม่กล้าพุ่งออกไปหรอก!” จ้าวเหวินเทากล่าวเยินยออีกครั้ง
การเยินยอนี้ไม่เพียงแค่ทำให้เลขารู้สึกสบายใจ แต่พวกคนแก่ ๆ ที่นั่งอยู่ก็รู้สึกสบายใจมากด้วย คนสูงวัย สิ่งที่กลัวมากที่สุดก็คือการอยู่อย่างไร้ประโยชน์ สิ่งที่ต้องการมากที่สุดก็คือความต้องการและการยืนยันของพวกหนุ่มสาว หากพึงพอใจจุดนี้แล้ว ให้พวกเขาทำอะไรก็ยอมทำให้ทั้งนั้น!
เลขาพูดอย่างมีความสุข “งั้นพวกเราคนแก่ ๆ ก็จะสนับสนุนนายเอง นายก็พุ่งตัวไปเถอะ พาพวกเด็กหนุ่ม ๆ ในหมู่บ้านของเราไปด้วย ทางที่ดีที่สุดให้พุ่งทะยานออกนอกประเทศไปถึงต่างประเทศเลย!”
จ้าวเหวินเทามีความสุข คิดไม่ถึงเลยว่าเลขาจะมีความทะเยอทะยานแบบนี้
มื้ออาหารหลังการเชือดหมูมื้อนี้เสร็จสิ้นในช่วงค่ำ นี่เป็นอาหารหลังการเชือดหมูหนึ่งมื้อที่คนในหมู่บ้านไม่ได้สนใจในช่วงระยะเวลาหลายปีมานี้ เมื่อผู้คนกลับบ้านก็พูดถึงเรื่องเนื้อหมูอร่อยหรือไม่ไปแค่เล็กน้อย จากนั้นก็รอไม่ไหวที่จะพูดถึงเรื่องที่จ้าวเหวินเทาจะจ้างคน
คงเป็นเพราะฤทธิ์เหล้า พี่สามจ้าวจึงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ตอนที่กลับมาถึงบ้าน ก็นอนแผ่หลาอยู่บนกองผ้าห่ม จากนั้นก็หยิบสมุดและปากกามาขีด ๆ เขียน ๆ ทั้งยังมองพี่สะใภ้สามจ้าวที่กำลังเย็บผ้าห่ม “เจ้าหกนี่เป็นคนสำคัญจริง ๆ นะ ก่อนหน้านี้เลขาเรียกเขาว่าจ้าวเสี่ยวลิ่ว ตอนนี้เอะอะก็เรียกเหวินเทา เรียกซะสนิทสนมขนาดนั้นเลย!”
สิ้นปีในทุก ๆ ปีต้องมีการทำความสะอาดครั้งใหญ่ การทำความสะอาดครั้งใหญ่รวมถึงการซักเสื้อผ้า ที่นอนและผ้าห่มด้วย สำหรับแม่บ้านถือเป็นขั้นตอนครั้งใหญ่จริง ๆ เพื่อประหยัดเวลาและประหยัดแรง ผู้หญิงจำนวนมากจึงถอดผ้าปูที่นอนไปซัก แต่ไม่ได้นำผ้าปูรองด้านบนออกมาด้วย ส่วนผ้าห่มก็จะเย็บผ้าไว้ตรงด้านบนของผ้าห่ม ตอนซักถอดผ้าส่วนนี้ออกมาก็เรียบร้อยแล้ว ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ไม่มีของหรูหราเหมือนกับผ้านวม
งานที่พี่สะใภ้สามจ้าวทำตอนนี้ ก็คือซักผ้าส่วนที่เย็บกับส่วนบนของผ้าห่ม หล่อนรีบร้อยเข็มอย่างรวดเร็ว ปากก็พูดโดยไม่ได้หยุดพัก “จะไม่สนิทได้ไง หมู่บ้านของพวกเรามีชื่อเสียงแล้ว คนที่ได้หน้าที่สุดก็คือเลขา ติดตั้งไฟฟ้า เลี้ยงกระต่าย ติดตั้งโทรศัพท์ ทั้งหมดนี้ทำให้ไล่ตามหมู่บ้านไท่ผิงได้แล้วนะ”
“ก็นั่นน่ะสิ พอมาคิด ๆ ดูแล้วเจ้าหกก็มีความสามารถจริง ๆ” พี่สามจ้าวมองไปยังคานบ้าน เขากลอกตาพลางกล่าว “แต่ผมก็ไม่ได้แย่นะ คนในอำเภอต่างก็มาซื้อเต้าหู้ของผมทั้งนั้น ผมยังจ้างสองครอบครัวมาทำเต้าหู้ให้ด้วย จริงสิ เต้าหู้ของผมก็มีชื่อเสียงเหมือนกัน ผมก็ทำให้เลขาได้หน้าเหมือนกัน ทำไมเขาถึงยังเรียกผมว่าเจ้าสามจ้าวล่ะ?”
พี่สะใภ้สามจ้าวกลอกตาใส่เขา “คุณยังจะไปเทียบกับน้องหกอีก? อีกฝ่ายเป็นคนทำให้ทั้งหมู่บ้านเลี้ยงกระต่าย แต่คุณทำเต้าหู้ของคุณเอง ถ้าคุณสอนทักษะการทำเต้าหู้ให้ทั้งหมู่บ้าน เลขาก็ต้องเรียกชื่อจริงคุณแน่นอน”
พี่สามจ้าวรีบส่ายหน้า “นั่นเป็นงานไว้เลี้ยงปากท้องผมนะ จะสอนคนอื่นได้ไง สอนจนลูกศิษย์เป็นวิชาแต่ทำให้อาจารย์หิวตาย นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ!”
“งั้นคุณก็อย่าเรียกร้องอะไรให้มากมายขนาดนั้น” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว
พี่สามจ้าวแค่นเสียง ‘เหอะ’ สองเสียง “เจ้าหกมีสิทธิ์อะไรได้เป็นคนสำคัญ แต่ผมกลับทำไม่ได้ล่ะ? ผมไม่ได้เป็นคนเลวร้ายสักหน่อย!”
พี่สะใภ้สามจ้าวไม่สนใจเขา ก่อนหน้านี้สามีของหล่อนก็ทำตัวไม่ดีกับน้องหก ปกติก็เอาแต่ดูถูก แต่ภายหลังน้องหกร่ำรวยแล้ว เขาจึงเริ่มเปรียบเทียบอีกครั้ง จนทำให้หล่อนเกือบจะตายอยู่แล้ว แต่ก็ยังดีที่เขาคิดได้จนจ้างบ้านพี่รองกับน้องสี่ หล่อนจึงผ่อนคลายลงนิดหน่อย นี่ไม่รู้ว่าคิดแผลง ๆ อะไรอีก ไม่ว่าจะทำอย่างไร ถึงอย่างไรหล่อนก็จะไม่ทำเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้วที่ให้หล่อนทำงานหนักราวกับเป็นวัวเป็นม้าแบบนั้น!
พี่รองจ้าวในตอนนี้ก็กำลังคุยกับพี่สะใภ้รองจ้าวเกี่ยวกับเรื่องจ้าวเหวินเทา
“เจ้าหกจะจ้างคนเลี้ยงกระต่าย ไม่เพียงแต่จะให้เงินเดือนนะ ปีใหม่ก็จะมีรางวัลให้ด้วย เจ้าหกคนนี้ใช้เงินมือเติบเกินไปแล้ว” พี่รองจ้าวไม่เห็นด้วยอย่างมาก
พี่สะใภ้รองจ้าวชะงัก “น้องหกจะจ้างคนเลี้ยงกระต่าย ให้ค่าจ้างเท่าไร?”
“ไม่ได้บอก แต่ถึงยังไงก็ต้องจ้างแน่นอน เขาทำคนเดียวไม่ไหวหรอก” พี่รองจ้าวกล่าว
พี่สะใภ้รองจ้าวครุ่นคิด “งั้นคุณก็ไปเลี้ยงกระต่ายให้เขาสิ”
พี่รองจ้าวไม่เข้าใจ คุยกันอยู่ดี ๆ ทำไมถึงได้บอกให้เขาไปเลี้ยงกระต่าย
พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “คุณดูสิ เต้าหู้ของน้องสามทำได้แค่ช่วงฤดูหนาว ฤดูร้อนทำไม่ได้ ฤดูร้อนคุณก็ไปช่วยน้องหกเลี้ยงกระต่าย ฤดูหนาวคุณก็ทำเต้าหู้ พวกเราก็มีรายได้ตลอดทั้งปีแล้ว”
ภรรยาของเขาวางแผนไว้ดีจริง ๆ!
“ผมไปเลี้ยงกระต่าย แล้วที่นาล่ะจะทำยังไง คุณทำคนเดียวไหวเหรอ?” พี่รองจ้าวกล่าว
“มันจะทำให้การทำนาล่าช้าเหรอ? ไม่ได้ออกไปไหนไกลสักหน่อย ก็อยู่แค่หน้าบ้านนี่เอง ก็ถือโอกาสทำไปด้วยเลย!” พี่สะใภ้รองจ้าวไม่เห็นด้วย
พี่รองจ้าวกลับพูดว่า “คุณคิดว่าจะมีไม่กี่ตัวเหมือนกับที่บ้านเราเลี้ยงเหรอ เขาจ้างคนก็ต้องมีเยอะอยู่แล้ว แบบนั้นคงต้องมีคนช่วยดูให้แบบระยะยาว”
อย่ามองว่าพี่รองจ้าวเป็นคนซื่อ ๆ แต่เมื่อมองเรื่องต่าง ๆ กลับเข้าใจเป็นอย่างมาก เขาเองก็เลี้ยงกระต่ายมาหนึ่งปีแล้ว ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ถือว่ามีประสบการณ์ เรื่องนี้ไม่ได้ยุ่งยาก แต่ต่อให้ยุ่งยากน้อยกว่านี้ เลี้ยงมาก ๆ ก็ทำให้หนักใจได้เหมือนกัน ที่ดินเยอะขนาดนั้น ตั้งแต่ปลูกยันเก็บเกี่ยวก็ไม่มีเวลาได้หยุดพัก เลี้ยงกระต่ายสิบกว่าตัวก็ถือว่าเลี้ยงไปพร้อมกันได้ แต่ลองดูแลกระต่ายหลายร้อยตัวดูสิ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจ้าวเหวินเทาที่เลี้ยงไว้อาจจะไม่ได้มีแค่ไม่กี่ร้อยตัว ดังนั้นเรื่องนี้ไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย
พี่สะใภ้รองจ้าวยังไม่ยอมแพ้ “ก็แค่ให้หญ้าให้น้ำนิดหน่อยไม่ใช่เหรอ? ฤดูร้อนไม่ต้องเอาหญ้าไปวาง ทำไมจะทำไม่ได้”
“ผมทำไม่ได้ คุณทำได้คุณก็ทำเอง” พี่รองจ้าวพูดอย่างไม่อ้อมค้อม
พี่สะใภ้สี่จ้าวยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ทั้งครอบครัวต่างก็อยู่รับประทานอาหารกับคุณแม่จ้าวทางนี้ พวกเขาย่อมได้ยินเรื่องที่จ้าวเหวินเทาจ้างคนเพื่อเลี้ยงกระต่ายชัดเต็มสองหู หล่อนก็คิดเหมือนกับพี่สะใภ้รองจ้าวว่าการทำเต้าหู้ทำได้แค่ช่วงฤดูหนาว ส่วนฤดูร้อนทำไม่ได้แล้ว ดังนั้นเลี้ยงกระต่ายก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเลี้ยงได้ตลอดสี่ฤดูในหนึ่งปี ที่สำคัญคือจ้าวเหวินเทามีความใจกว้างกว่าพี่สามจ้าว หากพี่สี่จ้าวไปเลี้ยงกระต่าย จ้าวเหวินเทาคงไม่เอาเปรียบพี่สี่จ้าวแน่นอน ดังนั้นหล่อนจึงพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“คุณจะไม่ไปทำนาแล้วเหรอ?” พี่สี่จ้าวย้อนถาม
“มันทำให้การทำนาล่าช้าได้ยังไงกันคะ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดเหมือนกับพี่สะใภ้รองจ้าว
พี่สี่จ้าวขี้เกียจจะสนใจหล่อนแล้ว เมื่อศีรษะถึงหมอนก็ผล็อยหลับไป วันมะรืนก็จะข้ามปีแล้ว ยังมีเรื่องใหญ่ให้ทำอีกนะ!
พี่สะใภ้สี่จ้าวได้ยินเสียงกรนของพี่สี่จ้าว หล่อนก็ใช้เท้าเตะเขาด้วยความโกรธ ไอ้ผู้ชายสมควรตายคนนี้ อยากให้หล่อนโกรธจนตายเลยสินะ!
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ใครจะได้ดูแลกระต่ายให้เหวินเทากันนะ ที่แน่ ๆ พี่รองกับพี่สี่ไม่ทำแล้วสองคน คงคิดมาแล้วว่ามันเป็นงานหนักเกินกำลังมากไป
ไหหม่า(海馬)