วันรุ่งขึ้น แสงแดดอันอบอุ่นสาดส่องลงมาที่ข้างเตียงผ่านทางหน้าต่าง

หลินฟาน ลืมตาขึ้นด้วยความงัวเงีย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยควาเคยชิน

ข้อความของธนาคารที่ยังไม่ได้อ่านปรากฏบนหน้าจอแล้ว

“เมื่อเวลา 00:00 น. ยอดเงินเข้าจำนวน 700,000 หยวน”

จากนั้น หลินฟาน ลุกขึ้นไปอาบน้ำ และกินอาหารเช้าในร้านอาหารชั้นล่าง จากนั้นขับรถลัมโบร์กินี ไปที่อาคารเฉียนคุนอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทางไปก็ยังคงดึงดูดความสนใจของใครหลายๆ คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อาคารเฉียนคุนที่ชั้น 7 เป็นพื้นที่ของบริษัท ซินเฟยหยาง จำกัด

หลี่หลานจวนพูดด้วยความเสียดาย”เมื่อกี้ มีรถซุปเปอร์สปอร์ตสีเทาเงินขับเข้าไปในลานจอดรถด้วย”

“เฮ้ น่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นเทพบุตรในรถ”

น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเสียใจ และใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม

ดูเหมือนฉันจะพลาดโอกาศที่จะได้จับเงินหลักร้อยล้าน

เธอหยุดไปชั่วขณะแล้วพูดว่า: “แต่ฉันคิดว่า เศรษฐีคนเมื่อกี้จะต้องเป็นผู้ชายที่สูงหล่อและสมบูรณ์แบบแน่ๆ”

ผู้หญิงรูปร่างอวบข้างๆเธอพูดตาม “ฉันไม่สนหรอกว่าเศรษฐีคนนั้นจะหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ฉันรู้แค่ว่ารถซุปเปอร์สปอร์ตคันนั่นเท่มาก! มันหล่อสุดๆ!”

ในตอนนั้นเอง หลินฟานเดินผ่านมาพอดีและอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “มันก็แค่รถ ไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย”

หลังจากได้ยินสิ่งที่หลินฟานพูด หลี่หลานจวนและหยูกวงเหลือบมองมาที่เขา จากนั้นก็พูดดูอย่างดูถูกว่า “มันจะไม่มีอะไรดีได้ยังไง ฉันเกรงว่านายคงจะไม่สามารถซื้อแม้แต่พวงมาลัยของรถซุปเปอร์คาร์คันนั้นได้ และยังจะมีหน้ามาพูดจาใหญ่โตแถวนี้อีก”

หลังจากพูดจบ หลี่หลานจวนก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีชมพูของเธอ

เธอรู้สึกว่าถ้าเธออยู่ใกล้กับหลินฟานนานขึ้นกว่านี้อีกนิด เกรงว่ามันจะทำให้ตัวตนของเธอดูตกต่ำลง

หลี่หลานจวน มักใช้รูปร่างหน้าตาและรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์ของเธอเพื่อขอให้เพื่อนร่วมงานช่วยทำงาน ทำความสะอาดและอีกหลายอย่าง

อย่างไรก็ตาม วิธีการเหล่านี้ของเธอมันดูไร้สาระต่อหน้าหลินฟาน

เรื่องนี้ทำให้หลี่หลานจวนอารมณ์เสียมาก และเข้าขั้นเกลียดหลินฟ่าน

ในมุมมองของหลินฟาน ถ้าไม่สามารถทำงานให้สำเร็จด้วยตัวเองได้ คุณจะไม่ทำอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นผู้หญิงที่หลินฟานไม่ชอบ ทั้งการแต่งตัว รูปร่าง และการแต่งหน้าหนาๆ

แต่สุดท้ายหลินฟานก็ไม่มีสิทธ์อะไรไปวิจารย์การแต่งตัวของเธอ

หลินฟาน เดินเข้าไปในอาคาร หลังจากจัดการเรื่องเอกสารเสร็จและส่งต่อให้เพื่อนร่วมงานของเขา

เขาหันหลังและเตรียมจะจากไป แต่หลินฟานหันไปเห็น หลี่หลานจวนกำลังยืนอยู่ข้างซงกวงผิง ชายหัวโล้น และกำลังกระซิบอะไรบางอย่าง

จากนั้นซงกวงผิงก็เดินไปและพูด “หลินฟาน นายกำลังจะลาออกใช่ป่าว?”

“ใช่” หลินฟานกล่าวอย่างไม่สนใจ

“ขอฉันดูไฟล์ที่นายเอามาหน่อยสิ…” ซงกวงผิงหยิบเอกสารขึ้นมาและตรวจสอบอย่างรวดเร็ว

จากนั้นตะโกนอย่างเคร่งเครียด “นายเอาห่าอะไรมาให้ฉันเนี่ย กลับไปจัดการเอกสารมาใหม่!”

ขณะพูด เขาขว้างเอกสารใส่หลินฟาน

ดวงตาของหลินฟานเริ่มเย็นชาขึ้น เขาขยับหลบออกไปด้างข้างอย่างรวดเร็ว

เมื่อซงกวงผิงเห็นว่าหลินฟานขยับหลบออกไป มันราวกับว่าศักดิ์ศรีของเขากำลังถูกยั่วยุ เขาหยิบเอกสารอื่นบนโต๊ะข้างๆและขว้างมันใส่หลินฟานอีกครั้ง

หลินฟานขยับตัวของเขาเพียงน้อยนิดเพื่อหลบหลีก

ปาข้าวของใส่เขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

มันเป็นบ้าไปแล้วรึไง?

ใบหน้าของหลินฟาน ถูกปกคลุมด้วยความเย็นชา เขาหยิบแก้วที่อยู่บนโต๊ะข้างๆเขาและฟาดลงไปที่หัวของซงกวงผิงโดยไม่ลังเล

“เพ๊งงง!”

แก้วแตกกระเด็นพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็น

ร่างกายที่แข็งแรงของซงกวงผิง ล้มลงกองกับพื้น เขาขดตัวเหมือนกับลูกหมา กุมศีรษะและร้องคร่ำครวญ

“อ๊าาา หัวฉัน…”

“เจ็บโว้ย…”

เสียงลมหายใจ แผ่วเบาในสำนักงาน

ซงกวงผิง ยังคงจับหัวของเขาและหลังจากพยายามอย่างมากเขาก็ลุกขึ้นอย่างช้าๆและพูดว่า “หลินฟาน แกกล้ามาก… ”

เขากำลังจะด่าด้วยคำหยาบ แต่เมื่อมองไปที่การแสดงออกที่เย็นชาของหลินฟาน เขาก็รีบเปลี่ยนคำพูดของเขา “แก…แกกล้าตีฉัน”

“ตีนายเหรอ ฉันตีนายตอนไหน” หลินฟานพูดเสียงเบา

ขณะที่พูด เขาก็เดินเข้าไปใกล้ซงกวงผิง

ความเร็วของการก้าวไปข้างหน้าของ หลินฟาน นั้นธรรมดามาก

แต่ซงกวงผิง สั่นกลัวมากจนค่อยๆถอยห่างออกไปเรื่อยๆ เขาพูดด้วยความตื่นตระหนก “แก… อย่าเข้ามานะ…”

ในขณะเดียวกัน เขาก็มองไปรอบๆสำนักงาน และต้องการขอความช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ซงกวงผิงจะมีอำนาจแต่เขาก็ไม่ได้เป็นที่รักของคนในบริษัทเลย ใครก็ได้ช่วยที

ซงกวงผิงตะโกนด้วยความตกใจ “ถ้าแกยังเข้ามาอีก ฉันจะแจ้งตำรวจ!”

แต่หลินฟานดูเหมือนจะไม่ได้สนใจคำขู่ของซงกวงผิงและเดินต่อไป

“ตึกๆ!”

ในเวลานี้มีเสียงฝีเท้าตึกตักก็ดังเข้ามา

จากนั้นชายในชุดสูท สวมรองเท้าหนังก็เดินเข้ามา

เขามองเข้าไปข้างในสำนักงานพลางขมวดคิ้วและพูดอย่างเคร่งขรึม “เกิดอะไรขึ้น?”

ก่อนหน้านี้ พฤติกรรมของหลินฟานทำให้ หลี่หลานจวนกลัวมากจนเธอต้องไปซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้องและไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา

ในขณะนั้น หลังจากที่ได้ยินเสียงของฉางกุยดังเข้ามา สีหน้าของหลี่หลานจวงก็กลายเป็นดีขึ้นและรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

“ประธาน ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พนักงานที่ชื่อหลินฟาน ต้องการจะลาออก และผู้อำนวยการซง ขอให้เขาส่งเอกสารของงานตามระเบียบ”

“แต่หลินฟานกลับเอาเอกสารอะไรมาก็ไม่รู้ และผู้อำนวยการซงก็ได้ขอให้เขาไปจัดการเรื่องเอกสารมาใหม่ แต่ผลที่ตามมาก็คือ หลินฟานเริ่มโกรธและใช้กำลังทำร้ายร่างกายของผู้อำนวยการซงอย่างบ้าคลั่ง…”

ขณะที่หลี่หลานจวนพูดเรื่องนี้ เธอก็ทำหน้าตายั่วยวน อ่อนแอ และเศร้าใจ

นี่เป็นเคล็ดลับประจำตัวของเธอ มันใช้กระตุ้นความปรารถนาที่อยากจะปกป้องของผู้ชายและเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับผู้ชายให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้ หลี่หลานจวนไม่เคยมีโอกาสได้ใช้เคล็ดลับนี้กับฉางกุย

และตอนนี้เธอก็เจอโอกาสแล้ว เธอจะไม่พลาดแน่นอน

ในตอนนั้นเอง หลี่หลานจวนเริ่มจินตนาการชีวิตที่สวยงามหลังจากได้อยู่กับฉางกุยในใจของเธอ

ซงกวงผิงเดินเข้ามาพลางร้องโอดครวญ “ท่านประธาน ท่านต้องช่วยผมด้วยนะ!”

หลังจากที่ฉางกุยได้ยินเรื่องทั้งหมด คิ้วของเขาก็เริ่มขมวดเข้าหากัน

เขาไม่ได้ขมวดคิ้วเพราะเรื่องที่พวกเขาทะเลาะกัน

แต่เป็นเพราะว่าเขารู้สึกว่าชื่อ ‘หลินฟาน’ ดูเหมือนว่าเขาจะเคยได้ยินชื่อนี้มาจากไหนสักแห่ง

ในเวลาต่อมา รูม่านตาของฉางกุยก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว เขาเร่งฝีเท้าปละเดินไปข้างหน้าหลิน ฟาน เขาโค้งตัวลงเล็กน้อยแล้วยื่นมือออกไป “คุณหลิน สวัสดีครับ”

ในที่สุดฉางกุยก็จะได้ว่าเขาเคยได้ยินชื่อ “หลินฟาน” มาจากไหน

เจ้าของคนใหม่ของอาคารเฉียนคุน แล้วคนคนนั้นก็คือหลินฟาน!

เมื่อวานเขาก็พึ่งได้เห็นรูปของหลินฟาน!

หลี่หลานจวนรู้สึกสับสน เมื่อเห็นฉางกุยพูดกับหลินฟานด้วยน้ำเสียงชื่นชม

ชื่นชม?

เดี๋ยวก่อน! ไม่ใช่ด้วยความชื่นชม!

แต่มันเหมือนกับว่าเขาพูดด้วยความเคารพมากกว่า

หลี่หลายจวน ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างและอธิบายว่า: “ประธาน คุณจำคนผิดรึเปล่าคะ หลินฟานเป็นเพียงแค่พนักงานธรรมดาในบริษัทของเราไม่ใช่หรอ”

“หลินฟานเพิ่งใช้กำลังทำร้ายผู้อำนวยการซง เขาป่าเถื่อนมาก ท่านประทานระวังตัวด้วยนะ”

พูดต่อว่าเจ้าของอาคารเฉียนคุน ด่าว่าเขาป่าเถื่อน แถมยังต่อหน้าเจ้าตัว?

นี่เธอกล้าดียังไง?

ถ้าเพราะคำพูดที่หลี่หลานจวนพูดออกมา ทำให้หลินฟานไม่อนุมัติเรื่องการต่อสัญญาในอาคารเฉียนคุน เขาจะต้องสูญเสียมากขนาดใหน?

เมื่อฉางกุยคิดคิดถึงเรื่องนี้ หัวใจของเขาก็ลุกเป็นไฟ

ถ้าตอนนี้หลินฟานไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา ฉางกุยอยากจะด่าหลี่หลานจวงสักหลายประโยคแน่นอน

แล้วยังจะมาพูดว่าฉันจำคนผิดงั้นเหรอ?

เป็นไปไม่ได้!

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงชื่อของหลินฟาน แค่รูปร่างหน้าตาอย่างเดียว ก็เหมือนกับคนที่ฉันเห็นในรูปเมื่อวานนี้อย่างกับแกะแล้ว

แค่มองไปที่แบรนด์เสื้อผ้าที่หลินฟานใส่อยู่ ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเห็นได้อย่างชัดเจนว่า หลินฟานสวม วาเชอรอง คอนสแตนติน ตูร์เดล ซึ่งเป็นนาฬิการาคาหลายสิบล้านหยวนอยู่

ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเขาจะต้องเป็นเจ้าของอาคารเฉียนคุนอย่างแน่นอน!