ตอนที่ 88 น้ำตาแห่งความสุข

ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

ที่ด้านนอกหน้าต่างรถ มันเป็นฉากที่คุ้นเคยของเมืองเจียงเฉิงในเวลากลางคืน เสี่ยวหลัวนั่งอยู่ที่เบาะหลังและชื่นชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนอย่างผ่อนคลาย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาวรและความโศกเศร้า ในเวลาเดียวกันเขาก็มีความกล้าที่จะมองไปที่โลกและเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆในอนาคต

การเดินทางของเขาที่หัวเย่ นั้นสิ้นสุดลงแล้ว และการเดินทางครั้งใหม่ก็กำลังจะต้นเริ่มขึ้น!

นอกจากความผูกพันทางอารมณ์ของเขากับจูเสี่ยวเฟยจูและพวกเพื่อนๆของเขาแล้ว เสี่ยวหลัวกำลังตั้งตารอคอยอนาคตที่กำลังจะมาถึง เขาเป็นเช่นเดียวกับพวกเหล่าอาจารย์ศิลปะการต่อสู้ที่กลับบ้านมาจากการฝึกฝน ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้แสดงทักษะและความสามารถที่เขามีให้แก่ผู้คนได้ประจัก

ในขณะเดียวกันเมื่อกลับมาที่หัวเย่ พวกผู้หญิงจากสาขาภาษาอังกฤษล้วน ต่างก็ล้วนแต่วุ่นวาย ราวกับมดที่ตกลงไปในกระทะร้อน

“ฉันติดต่อหาเขาไม่ได้! พี่หลัวปิดโทรศัพท์มือถือไปแล้ว!” จูเสี่ยวเฟย ขมวดคิ้วขณะที่นำโทรศัพท์ออกจากหู

เกิดอะไรขึ้น?

ทุกคนรู้สึกงุนงง ทำไมเสี่ยวหลัวถึงตัดสินใจที่จะหายตัวไปโดยไม่มีเหตุผลอะไรเลย? และที่ยิ่งแปลกไปกว่านั้น เขาหายตัวไประหว่างการแสดงของคณะนักร้องประสานเสียง

“นายลองติดต่อเขาทาง WeChat กับ QQ หรือยัง” ชูเยว่ รีบถาม

จูเสี่ยวเฟยแบมือของเขาออกพร้อมกับตอบกลับว่า“ฉันพยายามแล้ว แต่มันก็ไม่มีการตอบรับใดๆเลย”

“อย่าบอกฉันนะว่า มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเขา” หวัง หลิงหลิง พูดสันนิษฐาน

“อย่ามาพูดถึงเรื่องร้ายๆแบบนั้น!”

“เทพหลัว เก่งกาจมาก มันไม่น่าจะมีเรื่องเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นกับเขา!”

“ใช่แล้ว ถ้าเธอคิดในเรื่องที่ดีๆ ไม่ได้เธอก็อย่างเพิ่งพูดเลย หวัง หลิงหลิง!”

ผู้หญิงหลายคนเริ่มวิจารณ์ หวัง หลิงหลิง แต่หลังจากที่ต่อว่าไปแล้ว พวกเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับคำถามเช่นเดิมคือ เทพหลัว เขาหายไปไหน

ฮวาง รั่วหราน หันไปพูดกับ จูเสี่ยวเฟย ว่า “ไปที่หอพักและดูว่าเสี่ยวหลัวอยู่ที่นั่นไหม”

เสี่ยวเฟยจูพยักหน้า ในขณะที่เขากำลังเตรียมที่จะกลับไปที่หอพักเพื่อตามหา อันหวน ผู้ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดอะไร เธอก็พูดขึ้นพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำว่า “นายไม่จำเป็นต้องไปตามหา เทพหลัว แล้ว เขาจากไปแล้ว”

จากไป?

สำหรับคนอื่นๆ คำพูดเหล่านี้ราวกับเป็นลูกระเบิดขนาดใหญ่ พวกเธอหันไปมอง อันหวน อย่างรวดเร็วในทันที

อันหวน เงยหน้าขึ้น พร้อมกับกัดริมฝีปากแล้วอธิบายว่า“เทพหลัว นั้นแตกต่างไปจากพวกเรา เขาไม่ใช่นักศึกษา เหตุผลเดียวที่เขามาที่มหาลัยของเรา ก็คือปกป้องราชินีชู”

อะไรนะ…

ทุกคนเบิกตากว้างพวกเธอไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่อันหวน เพิ่งพูดออกมา เขาไม่ใช่นักศึกษางั้นเหรอ ถ้าเขามาที่นี่เพื่อปกป้องชูเยว่ งั้น เสี่ยวหลัว เขาก็เป็นบอดี้การ์ดงั้นเหรอ?

เมื่อลองมาคิดๆดูแล้ว ที่เสี่ยวหลัวจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ชมรมซานต้าได้อย่างง่ายดาย มันก็ดูสมเหตุสมผลอยู่ ดูเหมือนว่า อันหวน จะไม่ได้แต่งเรื่องนี้ขึ้นมา มันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ

ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่รู้สึกชมชอบ เสี่ยวหลัว ก็เดินไปข้างหน้าและตั้งคำถามอย่างกระตือรือร้นกับชูเยว่ว่า “ราชินีชู มันเป็นความจริงอย่างที่อันหวนพูด ไหม?”

อย่างไรก็ตาม ความคิดของชูเยว่ ทั้งหมดตอนนี้มันว่างเปล่าไปหมดแล้ว

จากไป? เขาจากไปแบบนั้นจริงๆงั้นเหรอ?

ชูเยว่ ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณของเธอหลุดลอยออกไปจากร่างกายของเธอ เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่อยู่ข้างใน มันไม่สามารถอธิบายอารมณ์ของเธอตอนนี้ออกมาเป็นคำพูดได้เลย เธอยังไม่ทันจะได้แสดงความขอบคุณต่อเสี่ยวหลัวเลย ทำไมเขาจึงต้องจากไปแบบนี้ด้วย? ทำไมมันฉับพลันแบบนี้?

“นั่นเป็นไปไม่ได้เลยอันหวน เธอหยุดหลอกคนอื่นสักวันจะได้ไหม?” จูเสี่ยวเฟย พูดขึ้น เขาไม่อยากที่จะยอมรับความจริงที่ว่า เสี่ยวหลัว นั้นได้จากไปแล้ว

“ฉันก็หวังว่าฉันจะพูดล้อเล่น แต่มันเป็นความจริง เทพหลัว เป็นคนบอกฉันด้วยตัวเอง” น้ำตาเริ่มไหลลงบนแก้มของอันหวน เนื่องจากเธอไม่สามารถกลั้นความรู้สึกของเธอเอาไว้ได้แล้ว

“ฉันไม่เชื่อ!”

จูเสี่ยวเฟย หันหลังกลับและวิ่งไปที่หอพักของเขา เขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเสี่ยวหลัวได้จากไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไร และเขาก็ไม่เชื่อด้วยว่าเสี่ยวหลัว นั้นเป็นบอดี้การ์ดของชูเยว่

“เสี่ยวจู!” เติ้งไค ตะโกน พร้อมกับวิ่งตามเขาไป

ฮวาง รั่วหราน เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มีสีดำสนิท เธอเหยียดมือออกไปและน้ำฝนก็ตกลงบนฝ่ามือของเธอ “ฝนตกงั้นเหรอ.”

ละอองฝนอันเงียบสงัดเป็นเหมือนกับหยดน้ำค้างที่ตกลงมาจากท้องฟ้าอย่างช้าๆ

ตอนนี้ในหัวใจของเหล่านักศึกษาสาขาภาษาอังกฤษ รู้สึกหนักอึ้งมาก

อาจารย์คนหนึ่งเดินออกจากหอประชุม ด้วยความตื่นเต้นที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ เธอประกาศต่อเหล่านักศึกษาจากสาขาภาษาอังกฤษว่า:“ผลการประเมินได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และสาขาวิชาภาษาอังกฤษของพวกเธอได้ลำดับที่หนึ่งในการแข่งขันร้องเพลงประสานเสียง!”

ที่หนึ่ง?

ถ้าได้ยินเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ มันจะเป็นการฉลองชัยชนะที่มีค่า ที่ทุกคนได้ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อให้ได้รับชัยชนะนี้ อย่างไรก็ตามในตอนนี้ความรุ่งโรจน์ได้สูญเสียคุณค่าของมันไปแล้ว เนื่องจากการจากไปของ เสี่ยวหลัว ทุกอย่างคงจะสมบูรณ์แบบ ถ้ามีเสี่ยวหลัว อยู่ที่นี่เพื่อฉลองความสำเร็จนี้กับพวกเธอ

ชูเย่สะบัดมือของเธอออกจากมือของไป่หลิง พร้อมกับวิ่งผ่านเพื่อนๆของเธอเพื่อที่จะออกไปจากมหาลัย

“คุณหนูชู! เธอกำลังทำอะไร” ไป่หลิง ตะโกนถามอย่างกระวนกระวาย

“เดี๋ยวฉันกลับมา!”

ชูเยว่วิ่งออกไปด้วยกำลังทั้งหมดของเธอ เธอต้องการให้เสี่ยวหลัวกลับมาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ความรุ่งโรจน์นี้จะต้องถูกแบ่งปันให้กับเสี่ยวหลัวด้วย แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่หนึ่งนาทีหรือแค่วินาทีเดียวก็ตาม เขาจะจากไปโดยไม่พูดอะไรเลยได้อย่างไร?

อาจารย์รู้สึกสับสนและคิดกับตัวเอง: นักศึกษาในสาขาภาษาอังกฤษมีเรื่องอะไรผิดปกติ? พวกเธอชนะและได้ที่หนึ่ง ทำไมพวกเธอถึงดูไม่มีความสุข?

ในขณะนั้นหน้าจอของโทรศัพท์ทุกคนก็สว่างขึ้นพร้อมกับเสียงของการแจ้งเตือน

เมื่อมองไปที่หน้าจอพวกเธอทุกคนก็เห็นข้อความที่ถูกส่งมาจากเสี่ยวหลัว

“ฉันคิดว่าฉันควรแสดงความยินดีกับทุกคน การแสดงบนเวทีของพวกเธอยอดเยี่ยมมาก ฉันเชื่อว่าพวกเธอทุกคนจะได้รับผลลัพธ์ที่ดี ฉันค่อนข้างแน่ใจว่า อันหวน ได้บอกเรื่องราวของฉันกับพวกเธอทุกคนไปแล้ว ฉันแตกต่างจากทุกคน ฉันไม่ใช่นักศึกษา ฉันเป็นเพียงแค่บอดี้การ์ด ตอนนี้ฉันทำภารกิจสำเร็จแล้ว ดังนั้นมันจึงถึงเวลาแล้วที่ฉันจะจากไป ชีวิตมันก็เหมือนกับการเดินทาง ถึงแม้ทุกคนจะมีเส้นทางที่แตกต่างกันออกไป แต่ระยะทางมันก็ไม่อาจที่จะไม่ลบล้างมิตรภาพของเราลงไปได้ ลาก่อนนะทุกคน!”

“เทพหลัว… ”

ผู้หญิงเป็นสัตว์ประเภทที่บอบบาง หลังจากอ่านข้อความของเสี่ยวหลัวแล้ว หลายคนเริ่มร้องไห้

ฮวาง รั่วหราน ก็เช่นกัน แม้ว่าดวงตาของเธอจะเป็นสีแดง แต่เธอก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ได้

“มีอะไรผิดปกติกับพวกเธอทุกคนเหรอ? พวกเธอมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” อาจารย์อุทานออกมาด้วยความสับสนพร้อมกับขมวดคิ้วของเธอ เธอมีคำถามเป็นพันข้ออยู่ในหัว เธอไม่รู้เลยว่าทำไมเหล่านักศึกษา ถึงต้องร้องไห้กันหนักขนาดนี้

“พวกเราชนะเลิศอันดับหนึ่ง ดังนั้นเราจึงมีความสุข มีความสุขมากจนพวกเราร้องไห้ ฮือฮือฮือ …” อันหวน พูดข้อแก้ตัว จากนั้นเธอจึงร้องไห้ต่อ

ผู้หญิงคนอื่นๆก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เช่นกัน พวกเธอได้แต่ร้องไห้

อาจารย์รู้สึกประหลาดใจและคิดว่า: โอ้ มันช่างเป็นเรื่องที่แปลกซะจริง อย่าบอกฉันนะว่าตอนนี้เด็กๆเหล่านี้ จะร้องไห้เมื่อพวกเธอมีความสุข?

ในขณะเดียวกันที่โรงแรมศาลาน้ำหอมแห่งสวรรค์ ในห้องส่วนตัวโบราณเสี่ยวหลัวและชู หยุนเชียง นั่งอยู่ตรงโต๊ะขนาดใหญ่ ทั้งโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารและไวน์ที่หลากหลาย

บอดี้การ์ดส่วนตัวของ ชู หยุนเชียง เล้งโจ่วและเล้งหยู่ ก็อยู่ในห้องส่วนตัวเช่นกัน พวกเขาแสดงสีหน้าที่เยือกเย็นออกมา ที่ร่างกายของพวกเขาเปล่งรัศมีอันดุร้ายออกมาตลอดเวลา ชายทั้งสองคนไม่พอใจกับพฤติกรรมของเสี่ยวหลัวมากนัก ทันทีที่เขามาถึง เขาก็นั่งลงบนโต๊ะพร้อมกับเริ่มกินอาหารในทันที เรื่องนี้มันไม่สำคัญ แต่การที่กินอาหารบนโต๊ะโดยไม่คำนึงถึงบอสชู ที่นั่งร่วมอยู่ด้วย นี่มันหยาบคายเกินไปแล้ว

อย่างไรก็ตามในมุมมองของ ชู หยุนเชียง พฤติกรรมแบบนี้ของ เสี่ยวหลัว นั้นเกิดมาจากใจของเขาเอง ซึ่งมันดีกว่าคนที่ปากว่าตาขยิบและสุภาพพวกนั้นเยอะ

“ฉันอิ่มแล้ว!”

เสี่ยวหลัววางชามและตะเกียบลง พร้อมกับหยิบผ้าเช็ดปากออกแล้วเช็ดปากของตัวเอง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

“เสี่ยวหลัวคุณรู้หรือเปล่าว่า ที่นั่งของคุณเป็นอย่างไรถ้าทำตามจารีตธรรมเนียมและประเพณี?” ชู หยุนเชียง ถามพร้อมกับมองไปที่เสี่ยวหลัว

“ผมไม่รู้”

เสี่ยวหลัวส่ายหัวหลังจากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาพร้อมกับพูดว่า“อย่าบอกผมนะว่า นี่คือที่นั่งของผู้อาวุโส”

แม้ว่าเขาจะไม่ทราบว่าตำแหน่งที่นั่งแต่ละตำแหน่งเป็นอย่างไร เขาเป็นเพียงแค่คนที่ออกมาจากพื้นที่ชนบท เขารู้เรื่องพวกนี้เพียงเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็รู้เรื่องเกี่ยวกับที่นั่งที่สวยงามนี้อยู่นิดหน่อย ที่นั่งแบบนี้นั้นจะถูกสงวนเอาไว้สำหรับผู้คนหรือผู้อาวุโสที่มีเกียรติ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่หยาบคายมาก ที่นั่งลง โดยไม่ได้รับคำเชิญก่อน

ชู หยุนเชียง พยักหน้าโดยที่ไม่ได้พูดอะไร