องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 278 ไม่ยอมไป
“หนานกงเย่ เจ้าหยุดนะ นางเป็นพระชายาของข้า หากจะต้องลงโทษ ข้าจะเป็นคนลงโทษเอง เจ้าไม่มีสิทธิ์”
หนานกงเย่ชี้กระบี่ไปที่หนานกงเหยี่ยน “พี่รอง ท่านกับข้าต่างเป็นบุรุษเหมือนกัน แม้ว่าข้าจะเกรงกลัวภรรยาเหมือนกัน แต่ข้าจะไม่มีวันยอมให้อวิ๋นอวิ๋นออกไปทำเรื่องชั่ว อวิ๋นอวิ๋นช่วยพวกท่านด้วยความหวังดี แต่นางกลับเนรคุณ หากไม่ได้ปลิดลมหายใจทิ้ง ข้าคงจะรู้สึกผิดต่ออวิ๋นอวิ๋นและรู้สึกผิดต่อลูก
ทางที่ดีท่านหลบไปเสีย ข้าปลิดชีพนางไปก็ไม่เกิดอะไรขึ้น เช่นนั้น…”
หนานกงเย่หันไปมองท้องของอวิ๋นหลัวฉวน อวิ๋นหลัวฉวนเอามือป้องท้องของตนตามสัญชาตญาณ ทว่าทันใดนั้นนางกลับเอ่ยว่า “เช่นนั้นท่านก็เอาไปเถิด เมื่อเป็นหนี้ย่อมต้องชดใช้ ข้าเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเด็กคนนี้ได้อย่างไร คงจะดีกว่าถ้ามอบให้ท่าน ยุติธรรมดีแล้ว”
“หาเรื่อง”
หนานกงเหยี่ยนดุและหันไปมองอวิ๋นหลัวฉวนอย่างเอาเรื่อง แม่นมเว่ยรีบส่งคนให้เข้าไปกราบทูลที่วัง
ในเวลานั้นแม่นมเว่ยก้าวมาข้างหน้า “ท่านอ๋องเย่ เวลานี้พระชายาเย่เป็นอย่างไรบ้างเพคะ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการกลับไปช่วยพระชายาเย่ สำหรับบางคน ยังไม่สายไปที่จะจัดการทีหลังนะเพคะ”
“ข้ารอไม่ไหวแล้ว”
หนานกงเย่ขยับกระบี่ไปตรงหน้าจวินฉูฉู่ “เจ้าจะออกมาหรือให้ข้าไปหา”
จวินฉูฉู่โกรธจนทนไม่ไหว “หนานกงเย่ ท่านอย่าหลอกคนอื่นนักเลย ข้าจำปิ่นสีชาดอะไรนั่นไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนไปที่นั่นฉีเฟยอวิ๋นก็ยังดีอยู่ ตอนนี้ท่านกลับคิดจะหาเรื่องเล่นงานข้า ท่านเห็นข้าเป็นอะไรรึ
แม้ว่าข้าอยากจะทำร้ายนาง แต่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ด้วยหรือ ให้คนใช้มาลงมือแทนไม่ดีกว่าหรืออย่างไร”
“พระชายาตวน เหตุใดท่านจึงพูดออกมาได้ ท่านเป็นคนมอบกล่องปิ่นสีชาดให้พระชายา ข้าเองก็อยู่ที่นั่นด้วย เห็นกันอยู่ว่าท่านเป็นคนให้ปิ่นสีชาดนี้มา เรื่องราวจึงกลายเป็นเช่นนี้”
อาอวี่ลุกขึ้นอย่างโกรธจัด หนานกงเย่หรี่ตาลงเล็กน้อย “ข้าจะเอาเจ้าไปประณาม หลังจากฆ่าเจ้าแล้วข้าจะยอมรับโทษ”
“ท่านอ๋อง” จวินฉูฉู่ดึงอ๋องตวนไว้พลางร่ำไห้ร้องทุกข์ อ๋องตวนหันไปมอง
“กล่องปิ่นสีชาดนั่น เจ้าไม่ได้เป็นคนมอบให้จริงๆ รึ” แววตาของหนานกงเหยี่ยนเต็มไปด้วยความจริงจัง ใบหน้างดงามที่ดูอ่อนโยนอยู่เสมอแฝงไปด้วยความเย็นชา
จวินฉูฉู่อดประหลาดใจไม่ได้ “ท่านเป็นอะไรไป”
“ข้าถามท่าน กล่องปิ่นสีชาดนั่นตกลงแล้วเป็นท่านใช่หรือไม่” อ๋องตวนไม่ตอบและยังคงถามคำถามเดิม
จวินฉูฉู่ส่ายหน้า “ท่านอ๋อง ท่านไม่เชื่อฉูฉู่หรือเพคะ”
จวินฉูฉู่น้ำตาไหลพรากและร้องไห้อย่างน่าเวทนายิ่งนัก
อ๋องตวนพยักหน้า “ข้าเข้าใจละ ท่านกลับไปก่อน ที่เหลือข้าจะจัดการเอง”
จวินฉูฉู่พยักหน้าและหันหลังจากไปอย่างรวดเร็ว
นางกลัวเหลือเกิน นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ แต่เวลานี้นางต้องหนีออกมาก่อน
จวินฉูฉู่หนีหัวซุกหัวซุน หนานกงเย่กำลังจะตามไป แต่หนานกงเหยี่ยนขยับมาขวางหนานกงเย่เอาไว้ “ถ้าเจ้าจะฆ่าฉูฉู่ เจ้าต้องผ่านศพข้าไปก่อน”
“ท่านคิดว่าข้าไม่กล้างั้นรึ”
“ไม่ใช่ไม่กล้า ข้าอยากจะพูดคุยกับเจ้า ใช้ชีวิตของข้าแลกกับชีวิตของนาง” หนานกงเหยี่ยนว่าแล้วจึงยึดกระบี่เอาไว้และแทงลงไปที่หน้าอกของตน
เลือดไหลรินออกมาจากอก อวิ๋นหลัวฉวนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “ท่านอ๋อง!”
“พี่รอง?”
กระบี่หลุดออกจากมือของหนานกงเย่ เขาไม่คิดว่าหนานกงเหยี่ยนจะทำเช่นนี้และตะลึงงันไปครู่หนึ่ง
หนานกงเย่ก้าวเข้าไปประคองหนานกงเหยี่ยน แววตาฉาบฉายไปด้วยความโกรธ “ท่านบ้าขนาดนี้เลยรึ”
“ฮึ… น้องสาม นางทำร้ายคนของเจ้า ข้าชดเชยให้เจ้าด้วยชีวิต เป็นอย่างไรล่ะ”
หนานกงเหยี่ยนอ่อนแรงลง ร่างกายอันหนักอึ้งตกลงมา หนานกงเย่ดึงแขนของหนานกงเหยี่ยนขึ้นมาพาดไว้บนไหล่และพาเขาเข้าไปในเรือน
อวิ๋นหลัวฉวนรีบตามไป แม่นมเว่ยก็ตกใจมิใช่น้อย แต่เวลานี้นางต้องบังคับตัวเองและหันไปบอกกับคนอื่นว่า “รีบไปกราบทูลพระมเหสี”
นางกำนัลรีบไปทำตามคำสั่ง หนานกงเย่ประคองหนานกงเหยี่ยนเข้ามาและประคองเขาให้นอนลงบนเตียง จากนั้นจึงเปิดเสื้อออกเพื่อดูบาดแผล
กระบี่แทงทะลุเข้าไปซึ่งแผลดูร้ายแรงจนน่าตกใจ
หนานกงเย่เหลือบมองหนานกงเหยี่ยนที่สัญญาณชีพอ่อนเต็มที “บ้าไปแล้ว”
“ฮึก… ให้พวกเขาออกไป”
หนานกงเหยี่ยนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ หลังจากอดทนต่อความเจ็บปวดและพูดออกไปเขาก็นิ่งอยู่อย่างนั้น
หนานกงเย่เอ่ยอย่างโมโห “ออกไปให้หมด”
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงออกไปข้างนอก แต่ทำอย่างไรอวิ๋นหลัวฉวนก็ไม่ยอมไป
“จะทำอย่างไรดี”
แม่นมเว่ยทำได้แต่ต้องพานางออกไป
เมื่อประตูปิดลงหนานกงเย่จึงเอ่ยว่า “ข้าจะดึงออกให้ท่าน”
หนานกงเหยี่ยนจับมือหนานกงเย่เอาไว้ “ข้าไม่ยอมเป็นหุ่นเชิด เมื่อข้าตาย เจ้าจะกลายเป็นหุ่นเชิด”
ทุกคนรู้ดีว่าอ๋องเย่เฉลียวฉลาด ข้าเองก็ไม่ได้โง่ ข้าไม่คิดต่อสู้แย่งชิง”
“ท่านกำลังพูดเหลวไหลอะไรกัน” แววตาของหนานกงเย่เย็นชา
หนานกงเหยี่ยนยิ้มและกล่าวว่า “ข้าเห็นปิ่นสีชาดนั่นแล้ว ข้าก็อยู่ที่นั่น”
สีหน้าของหนานกงเย่ดูแย่ลงเรื่อยๆ “เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว มันไม่คุ้มเลย”
หนานกงเหยี่ยนไม่ตอบอะไร กลับเป็นฉีเฟยอวิ๋นที่เอ่ยขึ้นมา “งั้นหรือ”
ในความหนาวเย็น ฉีเฟยอวิ๋นลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทีที่เหมือนปีศาจร้าย หนานกงเย่ตกใจจนสะดุ้งเมื่อเห็นนางลุกขึ้นมา
เขาหันไปมองด้วยใบหน้าที่ตกใจจนขาวซีด
ฉีเฟยอวิ๋นถือมีดสั้นไว้ในมือ ฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นไม่ทันตั้งตัวดึงมีดออกมา ทันใดนั้นร่างกายของอ๋องตวนก็ตกลง ดวงตามืดมิดและไร้การตอบสนอง ไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา
หนานกงเย่ชะงัก “พี่รอง?”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่สนใจเขาและหยดเลือดจากข้อมือลงบนหน้าอกของหนานกงเหยี่ยน นางเพียงแค่ลองดูเท่านั้น แต่ผลลัพธ์ก็ยังน่าทึ่งเช่นเดิม
บาดแผลกำลังกินเลือด จากนั้นก็ค่อยๆ หายสนิท
ฉีเฟยอวิ๋นรีบหยิบยาลูกกลอนใส่ลงในปากของหนานกงเหยี่ยนโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย นางเองก็อ่อนแรงมาก นางตรงไปที่สระกำมะถัน ถอดอาภรณ์ออกและลงไปแช่ตัวในนั้น
หนานกงเย่อยากจะตามไป แต่ตอนนี้ยังมีอีกคนหนึ่งต้องดูแล
เมื่อไปไม่ได้จึงรออยู่ครู่หนึ่ง
ในไม่ช้าหนานกงเหยี่ยนก็ฟื้นขึ้นมา ตอนที่ลืมตาขึ้นเขายังนึกว่าตนเองตายไปแล้ว แต่เมื่อเห็นหน้าหนานกงเย่เขาจึงสงบลงอีกครั้ง
เวลานี้หนานกงเย่รอจนหมดความอดทนไปนานแล้ว เขาลุกขึ้นและเดินไปยังสระกำมะถัน “อวิ๋นอวิ๋น ฟังข้าอธิบายนะ ข้าเพียงแค่ต้องการจะบอกท่านอ๋องตวนว่าไม่คุ้มเลยที่จะทำเพื่อผู้หญิงเช่นนั้น แต่เพื่ออวิ๋นอวิ๋นมันคุ้มค่าเสมอ”
หนานกงเหยี่ยนสัมผัสร่างกายของตน เขาเปิดเสื้อมองสำรวจและพบว่าแผลของตนหายสนิทแล้ว
เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ฉีเฟยอวิ๋นใช้เลือดช่วยชีวิตเขา เขาลุกขึ้นเดินไปที่ประตูสระกำมะถันเพื่อจะเอ่ยคำขอบคุณ แต่หนานกงเย่ไม่ยอม
ทันทีที่เห็นว่ามีชายอื่นปรากฏตัวที่ประตูสระกำมะถัน เมื่อคิดถึงสภาพของฉีเฟยอวิ๋น เขาก็นึกโกรธขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“ท่านออกไปก่อน”
“ข้าแค่มาเพื่อขอบคุณ” หนานกงเหยี่ยนเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ที่นี่คือสถานที่ที่เราสองสามีภรรยาใช้อาบน้ำ ท่านออกไปก่อนดีกว่า”
หนานกงเหยี่ยนคิดนิดหนึ่ง “ตอนนี้ข้าเป็นคนที่ใกล้ตาย ถ้าออกไปจะอธิบายเจ้าได้อย่างไร”
“…”
หนานกงเย่มีสีหน้าอึมครึม “หรือว่าท่านอยากจะอยู่ที่นี่”
“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่จะให้ข้ากลับไปทั้งแบบนี้ไม่ได้ พระชายาจะต้องรู้เป็นแน่” หนานกงเหยี่ยนไม่อยากกลับไปเผชิญหน้ากับจวินฉูฉู่ในตอนนี้ ณ เวลานี้เขาก็เป็นเหมือนหมูที่ตายแล้วและไม่กลัวอะไรกับการโดนน้ำร้อนลวก
หนานกงเย่กล่าวว่า “แล้วท่านต้องการสิ่งใด หรือว่าอยากจะลงไปที่สระกำมะถันด้วย”
“ข้าไม่ได้คิดอะไรเช่นนั้น เจ้ามองพระชายาเย่เป็นดั่งสมบัติล้ำค่า แต่ข้าไม่เห็นว่านางจะมีดีตรงไหน ทุกคนต่างมีอุดมการณ์ ดอกบัวงามยามคิมหันต์ เบญจมาศงามยามสารท ข้ากับเจ้าต่างมีความรักของตัวเอง เจ้าไม่ยุ่งกับข้า ข้าก็ไม่ยุ่งกับเจ้า เพียงแต่ตอนนี้ข้ากลับไม่ได้ จำเป็นต้องอยู่ที่จวนของเจ้าสักสองสามวัน
ไม่ใช่ว่าจู๋อวิ๋นไจที่หลังเรือนของเจ้าว่างอยู่ตลอดหรอกหรือ ข้าว่าเป็นที่นั่นก็ดี”
พูดจบหนานกงเหยี่ยนก็หันหลังกลับไปและนอนรอฉีเฟยอวิ๋น
“ข้าจะรออยู่ที่นี่ เมื่อนางออกมาแล้วข้าขอใช้สระกำมะถันเสียหน่อย อาบน้ำล้างตัวสะอาดแล้วข้าจะกลับ”
หนานกงเหยี่ยนตั้งใจว่าจะอยู่ที่นี่