บทที่ 295 - เบาะแสที่คาดไม่ถึง (2)

The Second Coming of Gluttony

บทที่ 295 – เบาะแสที่คาดไม่ถึง (2)

บทฝึกสอนได้จบลงแล้ว

มาแชลจิโอเนียได้นำทางผู้รอดชีวิตผ่านพื้นที่ที่ 1 ไปยังที่ที่มีเวทีเหมือนกับโรงละคร

ซอลจีฮูไม่ได้ไปกับพวกเขา ถึงแม้ว่าระหว่างบทฝึกสอนเขาจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย แต่ในตอนนี้เขาต้องกลับไปทำงานหัวหน้าผู้จัดการแล้ว

เดิมทีแล้วจะต้องรับผิดชอบในการเปิดการทำงานซิงโครไนส์ และอธิบายเป้าหมายของเขตพื้นที่เป็นกลางให้กับผู้เข้าร่วมทุกพื้นที่ แต่แล้วเขาก็มอบหน้าที่นี้ให้คิมฮันนาห์ทำแทน

นั่นก็เพราะความเหนื่อยล้าสะสมที่ระเบิดออกมาในทันทีที่เขาเข้ามาในเขตพื้นที่เป็นกลาง

มันเป็นธรรมดาที่เขาจะเหนื่อยล้านั่นเพราะงานจำนวนมหาศาลที่เขาต้องทำก่อนที่จะเปิดเขตพื้นที่เป็นกลาง นอกไปจากนี้เขายังเพิ่งจะสู้กับมอนสเตอร์อันโหดเหี้ยมอยู่หลายชั่วโมงอีกด้วย

เพราะงั้นหลังจากมอบหมายงานให้คิมฮันนาห์แล้ว เขาก็ได้มุ่งหน้าไปที่ห้องผู้จัดการ

‘เป็นแบบนี้สินะ’

ห้องหัวหน้าผู้จัดการดูคล้ายกับห้องควบคุมกล้องวงจรปิดที่เห็นบ่อยๆตามภาพยนต์ คริสตัลสื่อสารทุกๆอันภายในหอคอยต่างก็เชื่อมต่อเข้ากับห้องนี้ เพราะงั้นผู้จัดการจึงสามารถจะจับตามองได้ทั่วทั้งเขตพื้นที่เป็นกลาง ซอลจีฮูได้มองไปรอบๆจนเห็นเข้ากับลูกเจี๊ยบที่นอนหลับอยู่บนโซฟา ก่อนจะยิ้มออกมา

“เฮ้ นายน่ะ เป็นยังไงบ้าง?”

“แกว๊ก?”

เมื่อเขายกลูกเจี๊ยบขึ้นมา มันก็ส่งเสียงร้องไม่พอใจที่ถูกปลุก แต่ซอลจีฮูก็แค่นั่งลงไปบนโซฟาด้วยรอยยิ้ม

ลูกเจี๊ยบได้แต่หาว และขดตัวอยู่บนหน้าอกของซอลจีฮู

ในตอนนี้เองหนึ่งในจอภายในห้องก็แสดงภาพของคิมฮันนาห์ที่กำลังพูดอยู่ตรงหน้ากลุ่มคน ซอลจีฮูได้นั่งมองดูเธอพร้อมลูบขนนิ่มๆของลูกเจี๊ยบไปด้วย

-คุณจะต้องรวบรวมคะแนนเอาชีวิตรอด 1,000 คะแนนในระหว่างสามเดือนที่อยู่ในเขตพื้นที่เป็นกลางนี้…

คำอธิบายของคิมฮันนาห์ได้ตรงไปตรงมากว่าของซินเซีย จากการประกาศระยะเวลา และเป้าหมายอย่างชัดเจน เธอได้ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้รู้ถึงทิศทางที่พวกเขาจะต้องใช้จัดการปัญหาในมือ

คำอธิบายของเธอไร้ที่ติ แต่ว่าซอลจีฮูก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาไม่เพียงจะรู้ข้อมูลส่วนใหญ่อยู่แล้วเท่านั้น แต่เขาก็ยังถูกซอยูฮุยในชุดสูทดึงความสนใจไปอีกด้วย

อีกด้านหนึ่งเขาก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นกล้องแสดงให้เห็นฮิวโก้ในชุดสูทรัดแน่น และยี่ซังจินที่มีใบหน้าง่วงนอน

ซอลจีฮูได้นั่งมองไปเรื่อยๆจนกระทั่งทรุดตัวนอนหลับลงไปบนโซฟา

***

‘…หืม?’

เมื่อเขาลืมตาขึ้นมา เขาก็มาอยู่ในสถานการณ์แปลกๆไปแล้ว ในตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ และมีแก้วชาอยู่ในมือ นอกจากนี้ยังมีมือเล็กๆคอยบีบนวดไหล่ของเขาอยู่อีกด้วย

“…”

ไม่ต้องถามเลยสักนิด นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาที่นี่ เพราะงั้นเขาไม่ได้ตกใจอีกต่อไปแล้ว ซอลจีฮูที่ลิ้มรสชาในปากได้พูดออกมาอย่างสงบ

“ชาดีนะครับ”

“ขอบคุณนะ”

น้ำเสียงชวนฝันได้ดังออกมาจากด้านหลังดังคาด

“ฉันเตรียมมันให้คุณโดยเฉพาะเลยนะ คุณแขกที่เคารพ”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงนุ่มนวลของเธอ ซอลจีฮูก็ยิ้มออกมา เขารู้ว่าทำไมเธอเรียกเขามาที่นี่ ซอลจีฮูได้กระแอ่มขึ้น

“อะแฮ่ม ในตอนผมอยากมาที่นี่ คุณไม่เรียกผมเข้ามาเลยนะ”

“โอ้ พอดีฉันยุ่งอยู่นะ แค่การสอนชาล็อต อาเรียก็ทำให้ฉันงานเต็มมือแล้ว ฟุฟุ”

“แต่ถึงแบบนั้น คุณทิ้งผมแบบนั้นได้ยังไงกัน? พูดตามตรงนะผมก็ไม่ค่อยพอใจ”

“เอ๋ ฉันขอโทษนะคะ ต้องขออภัยด้วย อย่าได้โกรธฉันเลย!”

โรเซร่าได้ตบไหล่ซอลจีฮูอย่างอ่อนโยน ก่อนพูดนิ่มๆ

ซอลจีฮูก็หัวเราะเบาๆ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะถูกแม่มดผู้น่ากลัวที่เกือบจะทำลายจักรวรรดิมาเอาใจแบบนี้

ยังไงก็ตามเพราะเขาไม่อยากจะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับการยั่วโมโหเธออีก ซอลจีฮูจึงหยุดเล่น และถามคำถามที่เขาสงสัยที่สุดออกมา

“น่าตกใจนะครับ ผมคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเรียกผมมาเร็วแบบนี้”

“และฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าฉันจะตื่นเต้นแบบนี้ จริงๆแล้วฉันถึงขนาดลืมตัวเผลอสบถออกมาด้วย ฟุฟุฟุ”

“สบถ?”

“ใช่แล้ว โชคดีที่ฉันจำอะไรไม่ได้ แต่ว่าชาล็อต อาเรียก็บอกฉัน”

โรเซร่ายิ้มออกมา

“‘ให้ตายสิ! พรสวรรค์อะไรกัน! นี่ตลอดเวลาเธอไปอยู่ที่ไหนมา!?’ ฉันพูดอะไรทำนองนี้ออกไป แถมชาล็อต อาเรียยังบอกว่าฉันถึงกับกระโดดขึ้นด้วยความยินดีด้วย แต่ก็นะ บางทีเธออาจจะพูดเกินจรงไปหน่อยก็ได้”

มันดูเหมือนว่าโรเซร่าจะรู้สึกเสียใจที่อึนยูริยังไม่มีประสบการณ์เวทมนต์มาจนถึงตอนนี้

“เธอน่าทึ่งขนาดนั้นเลยหรอ?”

ซอลจีฮูได้วางแก้วชาลง และหันไปมอง

“บางทีก็อัจฉริยะ?”

“…อัจฉริยะ”

ทันใดนั้นโรเซร่าก็เงียบลงไป เธอได้เงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากเงียบอยู่นานเธอก็ตอบกลับมา

“คือฉันก็ยังไม่มั่นใจ”

“คุณไม่มั่นใจ?”

“เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนบุคคล มันไม่ได้มีมาตราฐานอะไรมาประเมินบุคคลหรอกนะ ดังนั้นแล้วจึงยังบอกอะไรไม่ได้หรอก”

“อืม… ผมคิดว่าคงแบบนั้นแหละ”

ซอลจีฮูได้ทำเป็นเห็นด้วยพร้อมสงสัยว่าพรสวรรค์ของอึนยูริจะเทียบกับโรเซร่าได้หรือเปล่า แต่ว่าสิ่งที่เขาคิดมันหยาบคายเกินกว่าจะถามออกไป

แน่นอนว่าที่เขาคิดแบบนี้ก็เพราะว่าเขารู้ว่าโรเซร่าอ่านใจเขาได้

“คุณนี่เจ้าเล่ห์เหมือนกันนะ”

โรเซร่าได้อ่านใจซอลจีฮู และหัวเราะออกมาอย่างที่เขาคิดไว้

“ต้องเสียใจด้วยนะ แต่หากว่าอยากจะเอาฉันไปเทียบกับเธอ แต่นี่แหละก็เป็นอีกเหตุผลที่ฉันเลื่อนการตัดสินใจไว้ก่อน”

“ทำไมหรอครับ?”

“ฉันภาคภูมิใจในความสำเร็จของฉันอย่างมาก เพราะฉันรู้จักตัวเองดี ฉันจึงต้องใช้มาตราฐานที่เข้มงวดกับมัน”

หรือก็คือถึงโรเซร่าจะยอมรับว่าอึนยูริมีพรสวรรค์ แต่ในตอนนี้เธอก็ยังไม่อาจจะตัดสินใจได้ว่าอึนยูริมีพรสวรรค์มากเกินกว่าเธอหรือเปล่า

ถึงแบบนั้นซอลจีฮูก็พอใจแล้ว สำหรับโรเซร่าผู้มีความภาคภูมิใจ และเป็นอัจฉริยะผู้ไม่มีใครเทียบยังถึงขนาดไม่อาจประเมินได้แล้ว มันก็ต้องมีบางอย่างอย่างแน่นอน

“ผมเข้าใจแล้ว”

ซอลจีฮูเม้มปากออกมา

“ถ้าอย่างนั้นแล้วคุณจะให้เวลาเธอสักเดือนหรือมากกว่านั่นดีล่ะครับ? เธอคงจะต้องรอจนกว่าห้องปลุกพลังจะเปิดใช้งานเพื่อให้ได้รับคลาส ในเวลาเดียวกันนั้นผมวางแผนจะใช้เวลานั้นฝึกร่างกายเธอก่อน”

“ไม่”

โรเซร่าส่ายหัวออกมา

“ฉันยอมรับว่าเธอต้องฝึกร่างกายด้วย นักเวทย์จะต้องมีเรี่ยวแรงเพื่อทำให้เวทย์ทรงพลังมีระยะเวลาที่ยาวนาน แต่ว่า…”

เธอได้หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ

“มันไม่มีเหตุผลให้ต้องรอ การฝึกจะเกิดขึ้นในระหว่างนอนหลับ ดังนั้นแล้วเราก็ไม่ต้องกังวลว่ามันจะไปรบกวนเวลาการฝึกอื่นๆเลย และต่อให้เธอจะเป็นนักธนู นักบวช หรือนักรบ ฉันก็ไม่ได้สนใจ ไม่ว่าเธอจะมีคลาสอะไร เธอก็ถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะต้องเดินไปในเส้นทางแห่งเวทมนต์”

เมื่อได้ยินคำประกาศอันหนักแน่นนี้ทำให้ซอลจีฮูเบิกตากว้าง สายตาของเธอที่ยังคงมองไปบนท้องฟ้าได้เริ่มมัวหมองออกมา

“ใช่แล้ว… แบบนี้แหละ อัจฉริยะนั่นมีสัมผัสถึงมานาอันน่าทึ่ง! นี่คือพรสวรรค์”

โรเซร่าได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ

“ฉันไม่กังขาเลย แต่ว่าการตัดสินใจสุดท้ายมันเป็นของเธอ หากเธอไม่เลือกเรียนเวทมนต์ มันก็คงจะน่าเศร้ากับประเทศ- ไม่สิ ทั้งโลกเลย”

‘…นี่ฉันเพิ่งได้ยินคำชมอะไรกันเนี้ย?’

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซอลจีฮูก็พยักหน้า เขาตัดสินใจว่าเขาควรที่จะทำตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

“ถ้างั้นแล้ว…”

ซอลจีฮูได้พูดพร้อมเอียงแก้วชาเล็กน้อย

“นับจากนี้มันคงจะเริ่มยุ่งแล้วสินะ”

แน่นอนว่าไม่ใช่สำหรับเขา แต่เป็นอึนยูริ

***

วันต่อมา

เมื่อเขาตื่นขึ้น เขาก็มานอนอยู่บนเตียงแล้ว คงมีใครสักคนย้ายเขามาที่นี่ แถมยังมีเสื้อผ้าถูกพับไปอย่างเรียบร้อยที่ข้างเตียงอีกด้วย

ซอลจีฮูได้ลุกขึ้นจากเตียงด้วยรอยยิ้ม เขาได้ไปอ่านน้ำ ใส่เสื้อผ้า และออกมาจากห้อง จากนั้นเขาก็เห็นอึนยูริกำลังกินอาหารเช้าอยู่บนโต๊ะโรงอาหารเพียงลำพัง เธอดูจะไม่ได้อยากอาหารเลยสักนิด แต่เมื่อเธอเห็นซอลจีฮูเดินเข้ามา สีหน้าเธอก็สดใสขึ้น

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ หลับสบายดีไหม?”

“ค่ะ กว่าจะได้นอนนะคะ ห้องของฉันดีมากเลยด้วย”

“อ่อ หมายถึงห้องของลำดับหนึ่งสินะ มันเยี่ยมที่สุดในเขตพื้นที่เป็นกลางแล้วล่ะ”

ถึงจะยังไม่ได้มีรายงานเป็นทางการมาถึงมือเขา แต่มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าอึนยูริต้องอยู่อันดับสูงสุด

“เพื่อที่จะใช้ห้องนั้นให้เกิดประโยชน์สูงสุด-”

ซอลจีฮูได้หยุดชะงักด้วยสีหน้าขมขื่น เขาสังเกตเห็นว่าอึนยูริขยับช้อนเร็วขึ้นราวกับจู่ๆความอยากอาหารก็กลับคืนมา

เธอเป็นเหมือนกับลูกแมวที่กังวลในทุกอย่าง แต่ตอนนี้ก็กลายมาเป็นแม่แมวที่รู้สึกปลอดภัยพอจะกินอาหารตรงหน้าแล้ว

“…ทำไมก่อนหน้านี้คุณถึงไม่กินล่ะ?”

“ฉันก็แค่อึดอัดที่ต้องกินคนเดียว”

อึนยูริได้เหล่ตามองออกไป เห็นแบบนี้ซอลจีฮูก็เข้าใจได้ในทันที คงจะมีคนมองอึนยูริมาจากด้านนอกด้วยความหิวกระหายแน่ๆ

พอมาคิดดูแล้วนี่ยังเป็นวันแรกในเขตพื้นที่เป็นกลางของพวกเขา คนที่ไม่มีคะแนนเอาชีวิตรอดไม่อาจจะกินอาหารได้เลย

“คุณควรจะเรียกปาร์ควูรีหรือยูยอลมูมาด้วยนะ”

อึนยูริไม่ได้ตอบกลับ เธอเพียงแค่เร่งกินอาหารเหมือนกลัวจะมีคนมาแย่งไป

ซอลจีฮูได้พูดต่อ

“กินไปฟังไปแล้วกันนะ ตอนนี้คุณมาถึงเขตพื้นที่เป็นกลางแล้ว… ก็นะ คุณคงได้รู้เรื่องพื้นฐานจากคิมฮันนาห์แล้ว”

“ฉันจำได้ค่ะ”

เธอได้กลืนอาหารลงไปพร้อมหยิบผ้ามาเช็ดมุมปาก

“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะรักษาสัญญา”

ซอลจีฮูส่ายหัว

“เรื่องนั่นก็ด้วยแหละ แต่ว่ามีเรื่องสำคัญกว่านั้น คุณยังจำที่ผมบอกว่าวัลฮาลาจะช่วยคุณอย่างสุดความสามารถได้ไหม?”

“ค่ะ”

อึนยูริได้ตอบกลับโดยไม่ลังเล

“ฉันจะทำตามที่คุณพูด”

ซอลจีฮูได้เหล่ตามองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

“อืม… จริงๆแล้วผมอยากจะฟังสิ่งที่คุณคิดก่อน”

“พูดตามตรง ฉันอยากจะเรียนเวทมนต์…”

อึนยูริพึมพำออกมา

“แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องง่ายในสถานการณ์แบบนี้ เพราะงั้นฉันคิดว่าการทำตามที่คุณบอกจะดีกว่า”

ซอลจีฮูรู้สึกยินดีที่ได้ยินแบบนี้ เขากำลังกลัวอยู่เลยว่าอึนยูริจะไม่ได้สนใจในเวทมนต์ แต่ดูแล้วเขาไม่ต้องกังวลเลยสักนิดเลย

ทุกๆอย่างดูจะเป็นไปด้วยดี แต่สิ่งที่อึนยูริต้องฝึกฝนไม่ใช่แค่มานา

‘เรี่ยวแรงคือทุกอย่าง’

อึนยูริจะต้องเพิ่มความสามารถทางร่างกายเธอด้วยการใช้ประโยชน์ในเขตพื้นที่เป็นกลางให้มากที่สุด ซอลจีฮูได้วางแผนเอาไว้แล้ว

เขารอให้อึนยูริกินอาหารจนเสร็จ และพาเธอไปที่ร้าน VIP เขาได้ส่งกระดาษโน๊ตของไกด์ให้มาเรียที่ทำงานเป็นคนเฝ้าร้าน และซื้ออำนาจการฝึกพิเศษมาทั้งหมด 60 ขวด

และจากนั้นเขาก็ไปรวมกับอึนยูริ ปาร์ควูรี และยูยอลมูที่ลานกว้างเพื่อแนะนำคนๆหนึ่งในทั้งสามคนได้รู้จัก ชายคนนั้นก็คือครูฝึกที่ยอดเยี่ยมที่สุดในพาราไดซ์

“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อจางมัลดง”

จางมัลดงได้พูดอย่างเคร่งขรึมพร้อมโบกมือออกมาเล็กน้อย ปาร์ควูรีกับยูยอลมูดูจะเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายของพวกเขากำลังเกร็งด้วยความเครียด

จางมัลดงได้มองสำรวจดูทั้งสามคน จู่ๆดวงตาเขาก็เป็นประกาย

“คุณ- ดูเหมือนจะมีร่างกายที่ดีเลยนะ เป็นนักกีฬาหรือเปล่า?”

เขากำลังพูดถึงอึนยูริ

“ฉันประทับใจกับความยืดหยุ่นของคุณจริงๆ”

“…ค่ะ”

“อย่างที่คิดเลย ร่างกายของคุณมันไม่ใช่ที่เกิดขึ้นได้ในค่ำคืนเดียว มันจะต้องมาจากการฝึกฝนตั้งแต่เด็ก บางทีคนเป็นยิมนาสติกหรือไม่ก็การเต้น… ไม่สิ จากท่ายืนหลังตรงแล้ว งั้นก็คงจะเป็นการบัลเล่ต์ไม่ก็การเต้นสมัยใหม่”

อึนยูริได้พยักหน้าเบาๆ ซอลจีฮูรู้สึกประหลาดใจกับข้อมูลเชิงลึกนี้จริงๆ เขาเพิ่งจะรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้อึนยูริมีรูปร่างแบบนี้

“แล้วก็คุณ วิธีการของคุณมันเรียบง่ายไปหน่อย แต่ฉันก็บอกได้เลยว่าคุณทำได้ดี”

ยูยอลมูได้ยิ้มเขินๆ ปาร์ควูรีได้รีบก้าวมาข้างหน้าเหมิอนกับถึงคราวเขาแล้ว แต่จางมัลดงก็มองเขาอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เดินผ่านไป

“ฉันจะเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ”

เมื่อตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว จางมัลดงก็พูดออกมา

“ฉันไม่มีวันยุ่งกับการตัดสินใจของคนอื่น ฉันมาที่นี่ก็เพราะคำขอของตัวแทนซอล แต่หากเป็นไปได้ ฉันก็ไม่อยากจะให้เสียเวลาเปล่า”

‘หากจะไปก็เชิญได้เลย ฉันจะไม่หยุดคุณ’ นี่คือสิ่งที่เขาจะบอก

“ตอนนี้ขอเตือนไว้ก่อนนะ การฝึกของฉันมันยากมากๆ และฉันไม่คิดจะบังคับใครด้วย หากว่าคุณมีความอดทนไม่มากพอ ฉันแนะนำให้พวกคุณจากไปดีกว่า”

ปาร์ควูรีกับยูยอลมูได้ตะโกนออกมาด้วยสีหน้ากระตือรือร้น พวกเขาไม่คิดจะถอยเลย พวกเขาต่างก็มาที่นี่ด้วยความตั้งใจของตัวเองอยู่แล้ว

และพูดตามตรงพวกเขาจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้ จางมัลดงคือครูฝึกที่ชาวโลกต่างก็อยากจะฝึกด้วย

‘…นี่คงเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดอยู่’

ซอลจีฮูยิ้มแห้งๆเมื่อเห็นจางมัลดงพาทั้งสามคนไปที่กระดานประกาศ

แอ็กเนส คาซุกิ มาแชล จิโอเนีย และกระทั่งตัวซอลจีฮูเองก็ยังหลั่งน้ำตา ระบบการฝึกอันโหดร้ายที่ทำให้ชาวโลกที่มีชื่อเสียงทุกๆคนต้องร้องไห้ออกมา ซอลจีฮูได้คิดกับตัวเองว่า ‘ทั้งสามคนจะทนได้ถึงไหนกันนะ?’

คำถามของเขาได้รับคำตอบกลับมาในตอนเย็น

เมื่อการฝึกเสร็จสิ้น ซอลจีฮูที่มาลานกว้างก็ได้ยินเพียงเสียงร้องไห้ดังลั่น ปาร์ควูรีกำลังทรุดตัวร้องไห้ด้วยสีหน้าซีดเซียวเหมือนเด็กน้อย

สำหรับยูยอลมูก็เป็นเช่นเดียวกัน ชายร่างยักษ์กำลังนั่งสะอื้นอยู่ เขาไม่ได้ร้องดังเหมือนปาร์ควูรี แต่ซอลจีฮูก็เห็นว่าริมฝีปากเขากำลังสั่น และอึนยูริ…

‘เธอไม่อยู่?’

“เธอไปไหนหรอ?”

“น่าจะกลับไปที่ห้องแล้ว”

จางมัลดงได้พูดออกมาเมื่อเห็นยูยอลมูช่วยปาร์ควูรีลุกขึ้นจากพื้น

“เธอฝึกได้จนจบต่างกับสองคนนี้ เพราะงั้นฉันเลยให้เธอกลับไปก่อน”

ซอลจีฮูที่ทึ่งกับอึนยูริที่ผ่านการฝึกของจางมัลดงได้จนจบรีบถามขึ้น

“เธอเป็นยังไงบ้างครับ?”

“ดื้้อรั้น”

จางมัลดงได้ประเมินออกมาตรงๆ

“เธอชื่นชอบการแข่งขัน เธอพุ่งเข้าใส่ฉันเหมือนกับว่าฉันเป็นศัตรูของเธอจริงๆ ตอนนี้เธอดูจะหดหู่ จนฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้างแล้ว”

หลังจากนั้นซอลจีฮูก็ได้ตรงไปที่ห้องของลำดับหนึ่ง ประตูกำลังแง้มอยู่ เขาได้เคาะประตูห้องอยู่สองครั้งก่อนจะเดินเข้าไป

ทันทีที่เข้ามาถึงเขาก็ต้องอ้าปากค้าง ภายในห้องรกมาก ข้าวของทั้งหมดและสิ่งของที่เธอได้มาจากบทฝึกสอนได้กระจายอยู่ทั่วห้องเหมือนขยะห

อึนยูริก็กำลังนอนแผ่อยู่กับพื้น ดวงตาที่ง่วงนอนของเธอจ้องมองไปบนเพดานพร้อมนิ้วที่ค่อยๆขยับไปข้างหน้าทำให้เครื่องประดับลอยอยู่

“…คุณกำลังทำอะไรอยู่?”

ตึง! เครื่องประดับได้ตกลง

“กำลังฝึก…”

อึนยูริได้ตอบกลับเบาๆ

“กำลังฝึกมานา….”

ซอลจีฮูยิ้มแห้งๆ การที่เธอยังจมดิ่งอยู่กับการฝึกหลังจากฝึกกับจางมัลดงทั้งวันนี่มัน… เขาไม่อยากจะเชื่อเลย

“คุณโอเคนะ? ผมได้ยินมาว่าคุณทำตามตารางฝึกเสร็จด้วย”

“…ฉันคิดว่าฉันจะตาย…”

“ถ้างั้นก็พักสักหน่อยสิครับ”

“ร่างกายกำลังพัก… มีแค่มานาเท่านั้นที่เคลื่อนไหว…”

อึนยูริครางออกมา

“ฉันแค่คิดว่า… การไม่ใช่ประโยชน์จากอำนาจการฝึกพิเศษ… จนถึงที่สุด… มันจะสูญเปล่า…”

‘เข้าใจแล้ว’

ในฐาะนคนคลั่งการฝึกแล้ว ซอลจีฮูเข้าใจเธอเป็นอย่างดี การที่ประสิทธิภาพของการฝึกสูงขึ้นแปดเท่าจากปกติ หากไม่ฝึกจนถึงที่สุดมันก็จะเสียเปล่า

“อย่างน้อยฝึกบนเตียงก็ได้นะครับ แบบนั้นคุณจะได้พักดีขึ้น”

“ฉันกำลังจะไปเตียง… แต่ว่าฉันดันล้ม… อยู่ตรงนี้…”

“…”

“ขอรบกวนด้วยนะคะ… แต่ช่วย… ยกฉันไปหน่อย…”

ซอลจีฮูได้ยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเข้าไปยกเธอขึ้นไปวางไว้บนเตียง ในตอนนี้พอเป็นโอกาสดีแล้ว ซอลจีฮูจึงมองดูอึนยูริดิ้นขึ้นบนเตียงก่อนจะพูดออกมาในที่สุด

“คุณอึนยูริ”

“?”

“คุณจะว่ายังไงหากคุณสามารถฝึกเวทมนต์ในระหว่างนอนหลับได้?”

อึนยูริไม่ได้ตอบกลับ เธอกำลังมองมาที่ซอลจีฮูด้วยสีหน้าที่บอกว่าเธอกำลังสับสน

“ผมบอกได้เลยว่าคุณค่อนข้างจะเอาจริงกับเรื่องนี้”

ซอลจีฮูได้พูดเล่นออกมา

“หากว่าคุณทำได้ คุณก็คงจะทำมันแน่ใช่ไหม?”

เขาได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋า มันเป็นแหวนที่อาบมานาจากจี้เหมือนกับกิ๊บติดผมที่เขาให้ชาล็อต อาเรีย

“ย้อนกลับไปที่โรงอาหาร คุณดูจะอยากเรียนเวทมนต์มาก”

ดวงตาอึนยูริได้เป็นประกาย

“คุณรู้จักครูดีๆหรอ?”

“เธอไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่เป็นกลางหรอก แต่ว่ามันมีวิธีที่คุณจะเจอเธอได้อยู่”

อึนยูริได้ขมวดคิ้ว ซอลจีฮูได้ดึงมือซ้ายของอึนยูริออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ เขาไม่ได้อธิบายรายละเอียดอะไร หน้าที่นั่นมันเป็นของโรเซร่า

“คิดซะว่ามันเป็นรางวัลที่คุณผ่านการฝึกนรกของอาจารย์จางมาได้ นี่เป็นรางวัลของคุณ”

“ของฉัน…?”

ในตอนนี้เองอึนยูริก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ เธอถึงขนาดผงะไปเล็กน้อย

“ดะ เดี๋ยวก่อน”

“ชู่ว อยู่นิ่งๆครับ”

“เดี๋ยวก่อน นี่คุณ…?”