มุมปากขององครักษ์ผู้นั้นกระตุกเล็กน้อย “คุณชายเป็นผู้ที่งดงามหยาดเยิ้ม เป็นยอดพธูแห่งแคว้น เพียงแต่เป็นเพราะคุณชายใจร้อนเกินไป แม่นางผู้นั้นจึงตกใจหนีไปขอรับ”
“ใช่ขอรับ คุณชายต้องสำรวมสักหน่อย” องครักษ์อีกคนหนึ่งกล่าวสำทับ
“แม่นางคนงามหนีข้าไปแล้ว รีบตามนางไป! หากพวกเจ้าตามนางมาไม่ได้ข้าจะตัดขาพวกเจ้าทิ้ง”
ครั้นแล้วทุกคนก็เดินทางตามนางไป
……
ยามรัตติกาล
มู่เฉียนซีหาสถานที่ที่ปลอดภัยและทำกระโจมเพื่อพักผ่อน จากนั้นไม่นานนัก เงาร่างสีดำสนิทก็เข้าไปในกระโจมของนาง ถือวิสาสะกอดนางเอาไว้เช่นเคย
ในพื้นที่เล็ก ๆ เช่นนี้ ร่างของทั้งสองแนบชิดกันจนได้กลิ่นลมหายใจของกันและกันชัดเจนมากขึ้น
“ซี… เจ้าชอบบุรุษใบหน้างามที่ดูน่ารังแกผู้นั้นหรือไม่ ?” จิ่วเยี่ยกล่าวถามขรึม ๆ
มู่เฉียนซีไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดจิ่วเยี่ยถึงได้กล่าวถามเช่นนี้ขึ้น “รังแกคนเช่นนั้นข้าไม่มีความรู้สึกประสบความสำเร็จหรอก มีเพียงผู้แข็งแกร่งเช่นเจ้าเท่านั้นถึงจะรังแกแล้วทำให้ข้ารู้สึกประสบความสำเร็จได้”
“ส่วนรูปลักษณ์ของเขา อืม… จะว่าไปจิ่วเยี่ย รูปร่างและใบหน้าเจ้าไม่ได้แย่ไปกว่าเขาเลย”
มู่เฉียนซีมองดูใบหน้าของจิ่วเยี่ยอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขางดงามหมดจดอย่างไร้ที่เปรียบ ดูสุขุมลุ่มลึก มีเสน่ห์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก นางมองเขาด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม ทว่าจากนั้นนางก็ได้ยินเสียงถอดเสื้อผ้า!
“ซี… เช่นนั้นเจ้าต้องการรู้สึกประสบความสำเร็จสักเล็กน้อยหรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีตกใจแทบกระโดดตัวลอย รีบผละร่างตนเองออกห่างราวกับมือที่ไปโดนเข้ากับมันฝรั่งร้อน ๆ จากนั้นนางกล่าวเสียงเย็น “จิ่วเยี่ย หนี้ของเจ้าข้าได้ชดเชยให้ครบครั้งแล้ว จงอย่าใช้อุบายนี้เพื่อโกงข้า ข้าไม่หลงอุบายเจ้าง่าย ๆ”
คนเช่นจิ่วเยี่ยนี่น่ะหรือจะยอมให้ผู้อื่นรังแกง่าย ๆ ? ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะยอมให้นางรังแก ทว่าสุดท้ายเขาก็ต้องเอาคืนหรือไม่ก็ต้องให้นางชดเชยไม่รู้กี่เท่าอยู่ดี
เขาเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างที่สุด หากนางหลงกลติดกับเขา ต่อให้นางคิดอยากจะแก้แค้นเขามากเพียงใด นางคงต้องรอให้มีพลังที่แข็งแกร่งกว่าเขาแล้วค่อยว่ากันอีกทีจะดีกว่า
สตรีงามราวกับอาหารอันโอชะมื้อใหญ่อยู่ตรงหน้าเช่นนี้มันช่างยั่วกิเลสนัก… ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะไม่ขยับร่างกาย ทว่าจิ่วเยี่ยเป็นชาย เขานั้นมิใช่พระอิฐพระปูน
“ในเมื่อซีไม่อยากรังแกข้า เช่นนั้นข้าจะรังแกเจ้าเอง”
“อ๊าก! เจ้าบ้า เจ้าลามก” มู่เฉียนซีด่าด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
เวลานี้ที่ด้านนอกมีเสียงพายุหิมะพัดกระโชกอย่างรุนแรง แต่มู่เฉียนซีกลับรู้สึกราวกับตนเองกำลังถูกเผาอยู่ในเตาไฟก็มิปาน นางคิดอยากจะเอาคืน ทว่าตอนนี้ในหัวสมองนั้นกลับว่างเปล่าไม่อาจคิดสิ่งใดออกเลย
…
วันต่อมา มู่เฉียนซียังคงเดินทางต่อไปเพื่อฝึกประสบการณ์ในทุ่งน้ำแข็ง บนภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน นางพบเจอเข้ากับของดีอย่างหนึ่ง
“โอ้! นี่มันดอกบัวผลึกน้ำแข็งสามชั้น ไม่เลวเลย”
มู่เฉียนซีเดินเข้าไป กำลังจะเด็ดดอกบัวผลึกน้ำแข็งหิมะสามชั้นนั้นมา ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงโกรธเกรี้ยวก็ดังขึ้นจากด้านหลังนาง “เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้! ดอกบัวผลึกน้ำแข็งสามชั้นนั้นเป็นของข้า”
สตรีชุดเขียวผู้หนึ่งพรวดพราดเข้ามาด้วยความรีบร้อน อายุอานามนางน่าจะประมาณสิบแปดสิบเก้าปี รูปร่างหน้าตาหมดจด จัดเป็นสตรีที่งดงามผู้หนึ่ง
มู่เฉียนซี “ดอกบัวผลึกน้ำแข็งสามชั้นนี้ข้าเป็นคนเจอมันก่อน เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นของข้า ต้องยึดหลักใครมาก่อนได้ก่อนจึงจะถูกต้อง”
“ข้าเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้นอิ๋นเหยียน ทุกสิ่งทุกอย่างในแคว้นอิ๋นเหยียนล้วนแต่เป็นของของข้าทั้งสิ้น เจ้ามีสิทธิ์อะไรมากล่าวอ้างว่าเป็นของเจ้า ?”
“แต่บนโลกนี้ของล้ำค่าก็ต้องคู่ควรกับผู้เป็นอัจฉริยะเท่านั้น ผู้ที่มีความสามารถเท่านั้นถึงจะเป็นผู้ครอบครองมัน ต่อให้เจ้าเป็นองค์หญิง หากไร้ความสามารถ เจ้าก็ไม่อาจครอบครองมันได้” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้
องค์หญิง “ข้าไม่สน หากเจ้าคิดจะต่อสู้กับข้า ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่” หลังจากนางกล่าวจบ องครักษ์ที่ติดตามมาทั้งหมดก็พร้อมที่จะลงมือ
มู่เฉียนซีโบกมือ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เชิญเข้ามาเด็ดมันสิ”
องค์หญิงกล่าวอย่างพึงพอใจ “อืม เจ้าว่าง่ายเช่นนี้ก็ดี” กล่าวจบนางเดินเข้าไปพร้อมที่จะเด็ดเอาดอกบัวผลึกน้ำแข็งสามชั้นนั้นมา
ทันใดนั้นเอง งูน้อยสีขาวราวหิมะก็เลื้อยพุ่งเข้ามากัดนาง เหล่าองครักษ์ตระหนกตกใจ รีบพรวดเข้าไปคุ้มกันนางพลางอุทานขึ้นเสียงดัง “องค์หญิงรอง ระวังพ่ะย่ะค่ะ!”
— ตูม! ตูม! ตูม! —
สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษา องค์หญิงผู้นั้นรีบวิ่งออกจากตรงนั้นในทันที โดนงูกัดเช่นนี้ ไม่โดนพิษก็แปลกแล้ว
“อ๊า!” เสียงกรีดร้องเจ็บปวดดังลั่นขึ้น องค์หญิงผู้นั้นโดนสัตว์ศักดิ์สิทธิ์กัดเข้าที่แขนจนได้รับบาดเจ็บอย่างมาก
— ตูม! ตูม! ตูม! —
ถึงอย่างไรแล้วนางก็เป็นองค์หญิงแห่งแคว้นนี้ การที่เข้ามาในทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้แน่นอนว่าองครักษ์ที่ติดตามมาต้องมีพลังแข็งแกร่งพอที่จะจัดการกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งได้
ท้ายที่สุดเจ้างูขาว สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งตัวนั้นก็หนีไปได้ เวลานี้มู่เฉียนซีจึงเตรียมที่จะเข้าไปเอาผลประโยชน์มา
องค์หญิงตะโกนขึ้นทันทีว่า “เจ้าสมควรตายยิ่งนัก คิดจะลอบฉกของของข้ารึ ? พวกเจ้าไปฆ่านางเดี๋ยวนี้!”
มู่เฉียนซี “ข้าก็แค่บอกให้พวกเจ้าเข้าไปเด็ดก่อน ไม่ได้หมายความว่าจะมอบสิ่งนี้ให้เจ้าสักหน่อย”
“เจ้าหลอกใช้ข้า… เจ้า…”
คิดว่าจะได้แล้วแท้ ๆ แต่มู่เฉียนซีนางโดนองครักษ์ขององค์หญิงผู้นี้ขวางไว้และโดนคนผู้หนึ่งตัดหน้าแย่งนางไปก่อน …ดอกบัวผลึกน้ำแข็งสามชั้นดอกนั้นโดนองครักษ์ผู้หนึ่งเด็ดไปได้
“องค์หญิง มอบให้องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”
คนผู้นั้นเป็นองครักษ์ของเชียนอ้าวเซี่ย มู่เฉียนซีงุนงงเล็กน้อยขณะที่มององครักษ์ผู้นี้ยื่นดอกบัวผลึกน้ำแข็งสามชั้นให้กับนาง
แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เชียนอ้าวเซี่ยเข้าไปรับดอกบัวผลึกน้ำแข็งสามชั้นนั้นมาจากมือขององครักษ์ จากนั้นเดินไปหามู่เฉียนซีอย่างช้า ๆ และกล่าวด้วยความคลั่งในรัก “แม่นางคนงาม ดอกบัวผลึกน้ำแข็งดอกนี้ข้ามอบให้กับเจ้า ถึงแม้ว่าเจ้าจะเหมาะกับดอกบัวที่งดงามดุจดั่งมันดาลามากกว่า แต่ข้าก็ขอมอบดอกบัวผลึกน้ำแข็งดอกนี้ให้กับเจ้าก่อนก็แล้วกัน”
“จริงสิ ข้ายังไม่ได้บอกนามของข้ากับเจ้าเลย เรียกข้าว่าเซี่ย”
“เจ้า…” องค์หญิงที่มองดูเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่พลันโกรธกรุ่นจนใบหน้าแดงก่ำ นางไม่คิดว่าจะมีคนมาฉกของมีค่าไปมอบให้กับสตรีชุดม่วงที่น่ารังเกียจผู้นั้นได้
แต่ทว่าบุรุษผู้นั้นที่เป็นผู้มอบ เขาช่างรูปงามเสียจริง หิมะขาวโพลนตรงหน้ายังงดงามไม่เท่าเขาเลย บุรุษที่หน้าตางดงามมีเสน่ห์ได้เช่นนี้สามารถทำให้สตรีหลายคนหลงเสน่ห์จนคลั่งตายได้
“อ๊า!” ทันใดนั้นองค์หญิงก็กรีดร้องขึ้นอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด นางรู้สึกร้อนซ่านไปทั่งตัว
“องค์หญิงรอง!”
องครักษ์ของนางตื่นตระหนกขึ้นมาก่อนจะกล่าวด้วยความตกใจ “เมื่อครู่องค์หญิงโดนงูกัด งูนั่นมีพิษ!”
“รีบหายาแก้พิษเร็วเข้า!”
ทว่ายาแก้พิษกลับไม่ได้ผล
แน่นอนว่าการที่องค์หญิงเข้ามาในทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้ต้องมีหมอยามาด้วย หมอยากล่าวด้วยด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า “เกรงว่าพิษนี้จะแก้ได้ยาก ต้องมีบุรุษจึงจะแก้ได้”
บุรุษ ?
องค์หญิงผู้นั้นหันไปมองเชียนอ้าวเซี่ย จากนั้นก็กล่าวตะคอกขึ้น “พวกเจ้าจะยืนซื่อบื้ออยู่ทำไมเล่า ? รีบไปจับตัวบุรุษผู้นั้นมาช่วยข้าแก้พิษเร็วเข้า”
องครักษ์ของเชียนอ้าวเซี่ยโกรธเกรี้ยว คุณชายของพวกเขามีสถานะเป็นใคร ? เหตุใดหญิงสาวผู้นี้ถึงได้บังอาจมากล่าวว่าจะให้คุณชายของพวกเขาแก้พิษให้ง่าย ๆ
ในขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือ ทันใดนั้นคุณชายของพวกเขาก็รีบหลบอยู่ด้านหลังสตรีชุดม่วงด้วยความตกใจราวกับกระต่ายน้อยอ่อนแอ
“แม่นางคนงามต้องช่วยปกป้องข้า ข้าไม่อยากให้คนเหล่านี้พรากความบริสุทธิ์ของข้าไป ร่างกายข้า หัวใจของข้าเป็นของเจ้าเพียงผู้เดียว”
สีหน้ามู่เฉียนซีหม่นคล้ำ ต้องแย่งดอกบัวผลึกน้ำแข็งสามชั้นมาจากมือเขา ทั้ง ๆ ที่เดิมทีนี่เป็นของนางแท้ ๆ ทว่าเพื่อให้ได้สมุนไพรวิญญาณระดับปฐพีมาครอง คนอย่างมู่เฉียนซีไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แน่นอน
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากของมู่เฉียนซี “หากเจ้าไม่ชอบการบีบบังคับ เช่นนั้นข้าเอายาให้เจ้าดีไหมเล่า เช่นนี้เจ้าทั้งสองจะได้สมยอมปองใจกัน”
“ฮือ ๆ ๆ แม่นางคนงาม เจ้าเกลียดชังเซี่ยถึงเพียงนั้นเลยรึ ?”
ดวงตาที่เหมือนผลึกน้ำแข็งคู่นั้นของเชียนอ้าวเซี่ยดูหม่นมองราวกับว่ามู่เฉียนซีกำลังจะทิ้งสามีทิ้งบุตรก็มิปาน
องค์หญิงรองในเวลานี้ตกอยู่ในสภาพตกนรกทั้งเป็น นางเห็นเช่นนี้ก็แทบจะบ้าคลั่ง ปากก็กล่าวสั่งเหล่าองครักษ์ด้วยความโกรธเกรี้ยว “ฆ่าสตรีเลวผู้นั้นซะ แล้วจับตัวบุรุษข้างหลังนางมาให้ข้า”
.