ตอนที่ 340 พัวพันไม่ยอมเลิกรา

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ชายหนุ่มที่ดวงตาใสราวผลึกน้ำแข็งคู่นั้นตะโกนโหวกเหวกว่าจะฆ่าจิ่วเยี่ย ช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย ‘บุรุษโง่งมผู้นี้คิดจะฆ่าจิ่วเยี่ย  เหอะ! รนหาที่ตายแท้ ๆ’

บุรุษผู้นี้ทำให้มู่เฉียนซีรู้สึกสับสนยิ่งนัก นางตัดสินใจไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาน่าจะเป็นการดีกว่า

เมื่อเห็นมู่เฉียนซีเดินจากไปเช่นนี้ เขาก็ไล่ตามนางไปด้วยความไม่พอใจ

กว่ามู่เฉียนซีจะหนีคนผู้นี้ไปได้นั้นไม่ง่ายเลย  นางจะไปพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปยังทุ่งน้ำแข็ง ณ แดนแห่งความหนาวเหน็บหมื่นลี้

นางเตรียมข้าวของทุกอย่างพร้อมแล้ว และได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างทุ่งน้ำแข็งเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่นางเปิดประตูออกมา ก็ได้เห็นบุรุษชุดขาวกำลังมองมาที่นางด้วยแววตาเว้าวอนให้สงสาร

“แม่นางคนงาม ในที่สุดเจ้าก็อยากจะเจอข้าแล้ว”

“ไสหัวไป!”

“อย่าเล่นตัวนักเลยแม่นาง…” ริมฝีปากแดงระเรื่อพ่นคำพูดที่อ่อนหวานชวนน่าหลงใหลออกมา ร่างกายก็ขยับเข้าใกล้มู่เฉียนซี

“แม่นางใบหน้าสวยสดงดงามเช่นนี้ ข้าเห็นครั้งแรกก็ทุ่มเทความรักให้เจ้า เมื่อได้มาเห็นใบหน้างามของเจ้าอีกครา หัวใจทั้งดวงของข้าก็เป็นของเจ้าอย่างสมบูรณ์ อย่าผลักไสไล่ส่งข้าเลย”

ปลายนิ้วเรียวของมู่เฉียนซีสัมผัสที่ใบหน้าที่เย็นเฉียบ  ขาวราวหิมะของเขา   นางมองลึกเข้าไปที่ดวงตาสดใสราวผลึกน้ำแข็งคู่นั้น

“ฟังให้ดี หากเจ้ายังก่อกวนข้าไม่ยอมเลิกรา ข้าจะทำลายใบหน้างาม ๆ นี้ของเจ้าอย่างไม่เกรงใจเลยคอยดู”

บุรุษตรงหน้ากล่าวอย่างน่าสงสารว่า “แม่นางคนงามเจ้าจะทำได้ลงคอหรือ ?  ข้างดงามมีเสน่ห์เช่นนี้ หากทำลายลงจะไม่ดูน่าสงสารไปหน่อยหรือ ?”

— กึก! —

มู่เฉียนซีเพิ่มแรงที่ปลายนิ้ว กดลงบนใบหน้าเขาแรงขึ้น เลือดฝาดสีแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้าขาวราวหิมะนั้น คิ้วของเขาขมวดมุ่นด้วยความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาอย่างฉับพลันนี้

— ปัง! —

มู่เฉียนซีเตะเขาจนร่างของเขากระเด็นลอยออกไป

“อ๊าก!” สีหน้าของชายผู้งดงามผู้นั้นซีดเผือด

ถึงแม้จะรู้สึกอับอาย แต่เขากลับมีความสุขที่ได้ทำให้สตรีตรงหน้าวู่วามทำร้ายเขาเช่นนี้

“เจ้า! หากคราวหน้ากล้าเข้ามายุ่งวุ่นวายกับข้าอีก ข้าจะทำให้เจ้าสิ้นไร้ซึ่งความเป็นบุรุษ” มู่เฉียนซีขู่อย่างโหดร้าย มุมปากของนางกระตุกอย่างบ้าคลั่ง

เขายิ้มเขินอายพลางกล่าวว่า “หากแม่นางคนงามชอบสตรี เช่นนั้นข้าก็ยอมเป็นสตรี  อืม… แต่หากเจ้าชอบบุรุษละก็…”

มู่เฉียนซีแทบจะเป็นลมล้มลง ต่อให้นางมาจากยุคปัจจุบัน นางก็รับไม่ได้ที่บุรุษผู้นี้กล่าววาจาไม่เข้าหู

มู่เฉียนซีนางไม่ต้องการจะสนใจเขาแล้ว  นางออกจากโรงเตี๊ยม  เตรียมจะเดินทางไปยังทุ่งน้ำแข็ง ณ แดนแห่งความหนาวเหน็บหมื่นลี้

ทันทีที่นางออกไป โรงเตี๊ยมเกิดโกลาหลขึ้นมา “คุณชาย คุณชายเป็นอะไรหรือไม่ขอรับ คุณชายไม่ระวังเอาเสียเลย”

คณชาย—เชียนอ้าวเซี่ยค่อย ๆ ลุกขึ้นมาพลางกล่าวว่า “พวกเจ้ามาช้าเกินไป แม่นางคนงามของข้าหนีไปแล้วไม่เห็นรึ ?”

“คุณชาย ครั้งนี้ท่านมาจับจิ้งจอกหิมะให้กับอวี้จวิ้นจู่ไม่ใช่หรือขอรับ ? เหตุใดถึงได้เปลี่ยนใจผันรักเช่นนี้ล่ะขอรับ ”

เชียนอ้าวเซี่ยหรี่ตาลงพลางกล่าวขึ้นว่า… “ข้าได้เจอกับแม่นางผู้หนึ่ง นางงดงามกว่าอวี้เอ๋อร์ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ข้าได้เจอรักแท้แล้ว รีบไปตามแม่นางผู้นั้นกลับมาให้ได้”

มุมปากองครักษ์ที่ติดตามเชียนอ้าวเซี่ยกระตุก  ‘คุณชาย… มีครั้งใดบ้างที่ท่านไม่บอกว่าเป็นรักแท้ รักแท้ของท่านผันเปลี่ยนได้ทุกวันจริง ๆ’

พบเจอสตรีงามครั้งใดเป็นต้องคลั่งรักบ้ากามไปเสียทุกที หากชอบเข้าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการแย่งชิง การบังคับขู่เข็ญ หรือมอบทั้งกายใจให้ก็จะต้องเอามาครอบครองให้ได้ถึงจะยอมเลิกรา

เพื่อตอบสนองความต้องการของคุณชายผู้นี้ พวกเขาต้องทำบาปทำชั่วไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว

เหล่าองครักษ์กล่าวแขวะค่อนแคะในใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับคำสั่ง “ขอรับ พวกเราจะตามไปจับตัวแม่นางผู้นั้นมาประเดี๋ยวนี้”

“คุณชาย แม่นางชุดม่วงผู้นั้นไปที่ทุ่งน้ำแข็งแล้ว พวกเราจะตามไปหรือไม่ขอรับ ?” ไม่นานนักองครักษ์ก็กลับมารายงาน

ใบหน้าของเชียนอ้าวเซี่ยสดใสขึ้นมา เขายิ้มอย่างเบิกบานใจ “สมกับเป็นแม่นางคนงามของข้าจริง ๆ   ใจเดียวกัน คิดไปทางเดียวกัน”

“ไป…! พวกเราออกเดินทางไปทุ่งน้ำแข็งกันเถอะ ที่ทุ่งน้ำแข็งมันหนาวเหน็บ  แม่นางคนงามเอ๋ย… มาให้ข้ามอบความอบอุ่นให้กับเจ้าเถอะ”

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะติดตามคุณชายเชียนอ้าวเซี่ยมาหลายปีแล้ว แต่ทุกครั้งคำกล่าวและการกระทำของคุณชายผู้นี้ก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจไม่น้อย  ทว่าพวกเขาก็ได้แต่ส่ายหน้า รีบเดินทางไปที่ทุ่งน้ำแข็ง

ในเวลาเดียวกันนี้มู่เฉียนซีเริ่มการต่อสู้ในทุ่งน้ำแข็งแล้ว  นางกำลังจะถูกจิ้งจอกหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าปิดล้อม แต่นางยังคงกวาดสายตามองพวกมันอย่างนุ่มนวล  พร้อมอยู่ในการต่อสู้ได้ในทุกที่ทุกเวลา

สายลมที่ทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้หนาวเหน็บอย่างผิดปกติ มีเพียงกระบี่มังกรเพลิงเท่านั้นที่แผ่ซ่านไปด้วยเปลวไฟแห่งความร้อน

ทันทีที่เข้ามาถึงทุ่งน้ำแข็งก็มีอันตรายอยู่รอบด้าน ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงถูกเชียนอ้าวเซี่ยและพวกไล่ตามมาทันจนได้

“พวกเจ้ายืนซื่อบื้ออยู่ทำไมเล่า ?  รีบเข้าไปช่วยแม่นางคนงามของข้าเร็วเข้า ไม่เห็นรึว่านางกำลังตกอยู่ในอันตรายยิ่ง!”

เมื่อเห็นมู่เฉียนซีกำลังติดอยู่ในวงล้อมของจิ้งจอกหิมะ เชียนอ้าวเซี่ยก็ทำตัวเป็นวีรบุรุษ รีบเข้าไปช่วยนางทันที

มู่เฉียนซีหันไปมองบุรุษหนุ่มชุดขาวราวหิมะที่กำลังวิ่งหอบเข้ามา ใบหน้าของเขางดงามยิ่งกว่าท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆปุย

“แม่นางคนงาม เจ้าหนาวหรือไม่ ต้องการความอบอุ่นจากอ้อมแขนข้าหรือไม่ ?”

เชียนอ้าวเซี่ยพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีโดยไม่มีความยับยั้งชั่งใจใด ๆ ทั้งสิ้น ทว่าความเร็วของเขา มีหรือจะเร็วสู้มู่เฉียนซีได้

มู่เฉียนซีหลบหลีก นางพุ่งเข้าสู่วงล้อมของจิ้งจอกหิมะกลุ่มนั้น ผมดำสีหมึกของนางเต็มไปด้วยเกล็ดหิมะขาว

เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “แม่นางคนงามไม่ต้องเขินอาย ข้าไม่รังเกียจเจ้าเลยแม้แต่น้อย”

สายตาของมู่เฉียนซีมองบุรุษผู้นั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขารูปงามและมีเสน่ห์ไม่น้อยไปกว่าจื่อโยวเลย ทว่ากลิ่นอายบนตัวของเขานั้นไม่มีแม้แต่พลังวิญญาณ

เขาเป็นเหมือนขยะไร้ประโยชน์ที่ไม่มีการฝึกฝนพลังวิญญาณอะไรเลย แต่องครักษ์ที่ติดตามเขามานั้นล้วนแต่มีพลังวิญญาณทั้งสิ้น อย่างต่ำก็มีพลังวิญญาณขั้นราชายอดยุทธ์และราชาแห่งภูต

ถึงแม้ว่าเขาจะทำตัวไร้สาระ แต่ความหยิ่งยโสและความสูงศักดิ์ที่เป็นเนื้อแท้นั้นมิอาจหลอกใครได้ ชายผู้นี้อยากจะมาพัวพันกับนางมากจนถึงขั้นต้องทำเช่นนี้เลยรึ ?

มู่เฉียนซีก้าวเท้าเดินไปหาเขา นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่งวุ่นวายกับข้าอีก เจ้าอยากให้ข้าทำร้ายเจ้าจริง ๆ ใช่หรือไม่ ?”

“อ๊าก!”

เชียนอ้าวเซี่ยร้องขึ้นด้วยความตกใจจนทำให้มู่เฉียนซีเซเกือบจะล้มลง เขากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง “แม่นางคนงาม ข้าขอแรง ๆ กว่านี้หน่อย  อา…”

เสียงนี้เป็นเสียงที่ชวนสยิวไม่น้อยเลย  จนทำให้ใบหน้าของเหล่าองครักษ์ที่กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการขับไล่จิ้งจอกหิมะแดงก่ำขึ้นมา

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกอีกครา “เฮ้พวกงั่ง! คุณชายของพวกเจ้าป่วยก็อย่าปล่อยให้ออกมาเอ้อระเหยเช่นนี้  อาการเช่นนี้น่าจะลืมกินยา พวกเจ้าเอายาให้เขากินเยอะ ๆ หน่อยล่ะ”

มู่เฉียนซีรู้สึกว่าตนเองได้พบกับบุคคลที่รับมือได้ยากหมายเลขสองเข้าให้แล้ว คนแรกนั้นแน่นอนว่าเป็นจิ่วเยี่ย จิ่วเยี่ยผู้ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ไร้ซึ่งเหตุผลยิ่งนัก

ส่วนบุรุษผู้นี้ เขาหน้าด้านไร้ยางอายอย่างไร้ที่เปรียบ  การฝึกให้หน้าด้านหน้าทนถึงเพียงนี้ได้นั้นคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

หากเขามีเจตนาร้ายต่อนาง นางก็จะวางยาพิษเขาให้ตายทำลายซากศพไปก็สิ้นเรื่อง  ส่วนพวกองครักษ์ที่ติดตามเขามานั้นนางมิได้ขลาดกลัว  ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด  นางก็ยังมีอู๋ตี้กับเสี่ยวหงคอยช่วย

แต่ทว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อนาง ไม่ได้ต้องการสังหารนาง เขาเพียงแค่มาทำให้นางรำคาญใจซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการจะสังหารนาง

มู่เฉียนซีเลิกคิดเรื่องไร้สาระ  ทันใดนั้นนางล่องหนหายเข้าไปในทุ่งน้ำแข็งอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดก็มิปาน

เชียนอ้าวเซี่ยถูกองครักษ์ดึงตัวมา ท่าทางเขาเขินอาย เขากล่าวด้วยสีหน้าแยกเขี้ยวยิงฟัน “แม่นางคนงามทำร้ายใจข้าได้อย่างโหดร้ายยิ่งนัก”

เขาคว้าแขนองครักษ์คนหนึ่งก่อนจะกล่าวถามว่า “เซี่ยซือซาน เจ้าว่าใบหน้าข้าน่าเกลียดหรือไม่  เหตุใดแม่นางคนงามผู้นั้นถึงไม่ใจสั่นหวั่นไหวไปกับข้า ทั้งยังเห็นหน้าข้าก็วิ่งหนีข้าอีก ?”

.