ตอนที่ 337

The Divine Nine Dragon Cauldron

“นี่เจ้า…เจ้ากล้าบุกเข้ามาในตระกูลตู่เรอะ?”

 

นายน้อยตระกูลตู่พูดไม่ออก เขาจะคาดคิดรึว่าเจ้าตำหนักหยินหยูจะกล้าเสี่ยงลอบเข้ามาในตระกูลเช่นนี้?

 

แต่ซือหยูกลับชี้ดัชนีไปที่แผ่นหลังของนายน้อยตระกูลตู่ เขาใช้อีกมือดึงระฆังทองแดงที่เต็มไปด้วยรอยแตกออกจากชุดของเขา

 

นั่นคือระฆังทองแดงวิญญาณ หากมันแตกเป็นเสี่ยงก็จะส่งสัญญาณแก่อีกคนที่มีระฆัง

 

ระฆังทองแดงนี้แตกไปแล้ว มันส่งสัญญาณให้กำลังเสริมเข้ามา!

 

เขาคุยกับซือหยูเพียงเพราะจะถ่วงเวลาเท่านั้น!

 

“จะถ่วงเวลาข้ารึนายน้อย กลกระจอกเช่นนี้ทำอะไรข้าได้รึ”

 

ซือหยูยื่นดัชนีออกไปทันที

 

“เจ้าไปโลกหน้าเถอะ”

 

ฟึ่บ–

 

พลังวิญญาณอันแข็งแกร่งทะลวงแผ่นหลังของนายน้อยและส่งไปถึงฐานพลัง พลังวิญญาณทะลุออกจากท้องเป็นรูโลหิต

 

นายน้อยตระกูลตู่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ฐานพลังของเขาแหลกเป็นเสี่ยงๆ พลังวิญญาณของเขาหายไป เป็นไปไม่ได้ที่จะบ่มเพาะพลังต่อไปอีก

 

“อ๊าก— ฐานพลังของข้า!”

 

เขามิอาจยอมรับความจริงได้

 

ในโลกของผู้บ่มเพาะพลังและตระกูลที่ป่าเถื่อนเช่นนี้…ผู้ที่ไม่มีพลังคืออะไรกัน?

 

มันคือคนที่ไม่ต่างจากคนตาย!

 

ซือหยูควรจะฆ่าเขา เขาตายซะยังดีกว่า

 

“ไร้ชีวิตเช่นนั้นของเจ้าไปซะเถอะ คิดซะว่าเป็นการไถ่โทษในชีวิตครึ่งแรกของเจ้า!”

 

ซือหยูพูดอย่างเรียบเฉย เขาเตะกรงและช่วยตู่หลงออกมา

 

ตู่หลงมองซือหยูอย่างงุนงง เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ได้เห็น ซือหยูมาช่วยเขา!

 

“เจ้าตำหนักหยินหยู…ท่านทำขนาดนี้เพื่อช่วยข้างั้นรึ?”

 

ซือหยูหัวเราะ

 

“ถ้าเจ้าใช้ชีวิตเจ้าปกป้องข้าได้ แล้วทำไมข้าจะไม่เสี่ยงมาช่วยเจ้าเล่า?”

 

“เดี๋ยวค่อยคุยเถอะ กำลังเสริมของนายน้อยตระกูลเจ้ากำลังจะมา พวกเราต้องออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”

 

ซือหยูพยุงตู่หลงและใช้แขนอีกข้างแบกนายน้อยตระกูลตู่ออกจากที่จองจำอย่างเร่งรีบ

 

ฟึ่บ–

 

แต่ก่อนที่เขาจะออกจากคุกก็เห็นคนยืนมือไพล่หลังอยู่ ชายคนนั้นหันหลังให้พวกเขาและยืนอย่างเงียบเชียบ

 

แม้กระนั้น…เขาก็ทำให้ทุกคนรู้สึกจุกอก

 

ตู่หลงเบิกตากว้าง เขาหน้าซีดราวกับกระดาษ

 

“นาย…ท่าน!”

 

คนที่ครอบครองระฆังทองแดงคือเจ้าเมืองอันยี่ คนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองอันยี่!

 

แม้ทั้งสองจะไม่เห็นหน้าคนที่หันหลังให้แต่จิตสังหารอันเย็นชานั้นก็บ่งบอกได้ว่าเจ้าของคือใคร!

 

“เกิดอะไรขึ้นกับเขารึ?”

 

เจ้าเมืองอันยี่พูดอย่างเรียบเฉย เขาไม่มีความโกรธแม้แต่น้อยในคำพูด

 

ซือหยูโยนนายน้อยตระกูลตู่ลงกับพื้นและเหยียบแผ่นหลังของเขา

 

“ก็อย่างที่ข้าพูด ถ้าข้าได้เจอมันอีกครั้ง ข้าจะไม่ออมมือ!”

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเมืองอันยี่ต้องการจะฆ่าซือหยูในทุกวิถีทาง…ซือหยูจะทำเช่นนี้รึ?

 

แต่เดิม ทั้งสองไม่ได้มีเรื่องบาดหมางที่ต้องมาฆ่ากัน

 

แต่เจ้าเมืองอันยี่คิดว่าทุกสิ่งอยู่ในการควบคุมของเขา เขาเติมเชื้อไฟลงไปจนทำให้เรื่องราวดำเนินมาจนถึงจุดนี้

 

เฮือก—

 

เจ้าเมืองอันยี่หายใจเข้าลึก เขาบังคับร่างกายไม่ให้สั่น

 

เห็นได้ชัดว่านายน้อยตระกูลตู่ที่ไร้ซึ่งพลังทำให้เขาใจหาย

 

บุตรชายที่เขาบ่มเพาะมาตลอดชีวิตได้สูญเสียพลังไป บุตรชายจะไร้พลังไปตลอดกาล เขาจะไม่เจ็บปวดได้อย่างไร?

 

“เขาไม่ต่างจากคนตายหรอก เจ้าตำหนักหยินหยู เจ้าจะตามลูกข้าไปด้วย!”

 

เจ้าเมืองอันยี่หันมาเผชิญหน้า

 

ตู่หลงตัวสั่นอย่างบ้าคลั่ง!

 

ทั้งความชิงชังและความโกรธ ใบหน้าของเจ้าเมืองบิดเบี้ยวราวกับผีสาง

 

แววตาแดงก่ำคู่นั้นจ้องมองซือหยู

 

“ข้าเสียใจนักที่ไม่ฆ่าเจ้าตั้งแต่ก่อนหน้านี้!”

 

“เจ้าควรจะเสียใจตั้งแต่ที่เจ้าไล่ต้อนข้าแล้ว!”

 

ซือหยูส่ายหัวเล็กน้อย หากเรื่องมาถึงขั้นนี้ เจ้าเมืองอันยี่ไม่จำเป็นต้องเสียใจแม้แต่น้อย

 

ตู่หลงกังวลกับซือหยู

 

“ท่านลุง! โปรดคิดให้ดีเถอะ ถ้าฆ่ารองเจ้าตำหนักไป…ผลที่ตามมาจะต้องแย่แน่!”

 

ฮ่าๆๆๆ—

 

เจ้าเมืองอันยี่แสยะยิ้ม

 

“เจ้าลืมไปรึว่าเขาลอบเข้ามาที่นี่? ถ้าข้าลอบฆ่ามัน ใครกันจะได้รับรู้!”

 

ตู่หลงกระวนกระวาย ต่อหน้าเจ้าเมือง ซือหยูไม่มีทางจะได้โต้กลับแน่

 

แต่ซือหยูกลับยังใจเย็นอยู่ได้

 

“โอ้? เจ้าไม่อยากได้ชีวิตของลูกเจ้ารึ?”

 

บุตรชายของเขาอยู่ในมือซือหยู

 

แต่หลังจากที่ซือหยูพูดจบ พลังวิญญาณอันน่ากลัวก็พุ่งเข้าใส่ที่ใต้เท้าของซือหยู

 

พลังที่ดุร้ายเข้ามาเช่นนี้ ซือหยูไม่มีทางเลือกนอกจากหลบ

 

ครืน—-

 

อั่ก—

 

นายน้อยตระกูลตู่กลายเป็นก้อนเนื้อ!

 

“เขาตายซะยังดีกว่า ข้าต้องส่งเขาไปโลกหน้าด้วยตัวเอง!”

 

เจ้าเมืองอันยี่พูดด้วยเสียงอันแหบพร่า

 

ซือหยูกับตู่หลงใจสั่น!

 

แม้แต่พยัคฆ์ก็ไม่กินลูกตัวเอง แต่วิถีของเจ้าเมืองอันยี่นั้นป่าเถื่อนยิ่งนัก!

 

คนเช่นนี้มิอาจเป็นคนธรรมดา เขาจะเป็นคนที่ทะเยอทะยานไปตลอดชีวิต!

 

ราชาแห่งความมืดคนก่อนได้ทิ้งภัยพิบัติเอาไว้!

 

“เจ้ายังมีศักดิ์ศรีเหลืออยู่หรือไม่?”

 

เจ้าเมืองอันยี่พูดอย่างไม่แยแส ใช่แล้ว คำพูดของเขาเรียบเฉยจนดูไม่เหมือนมนุษย์

 

“ข้าไม่คิดจะใช้เขาเป็นตัวประกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

 

“นรกน้ำแข็ง!”

 

ซือหยูตะโกนเบาๆ

 

แกร๊ก—

 

ทันใดนั้น กำแพงของตระกูลตู่ก็ถูกแช่แข็ง มีน้ำแข็งนับไม่ถ้วนในเส้นทาง

 

ความเย็นอันน่ากลัวนั้นดั่งคลื่นยักษ์ที่ซัดใส่ตระกูลตู่ มันเปลี่ยนทุกอย่างในเส้นทางให้เป็นน้ำแข็ง

 

คนตระกูลตู่หลายคนไม่มีแม้แต่เวลาตั้งตัว พวกเขากลายเป็นน้ำแข็งทันที

 

ในพริบตา หนึ่งในสามของตระกูลตู่ก็กลายเป็นโลกแห่งหิมะน้ำแข็ง

 

ชีวิตของคนหลายสิบคนในตระกูลตู่กำลังเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว

 

“ตัวประกันของข้าคือตระกูลตู่ทั้งตระกูล!”

 

ซือหยูพูดอย่างเฉยเมย

 

“เจ้าจะฆ่าข้าหรือจะช่วยคนของเจ้ากัน?”

 

ในที่สุดสีหน้าของเจ้าเมืองก็เปลี่ยนไป

 

“นั่นมันโลหิตของราชาสัตว์อสูร!”

 

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”

 

เจ้าเมืองตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว เขาปล่อยคลื่นพลังวิญญาณหมายจะสังหารซือหยูอย่างรวดเร็ว เขาจะได้ช่วยเหลือคนในตระกูลได้ทันที

 

“ยักย้ายพื้นที่!”

 

ซือหยูใช้พลังย้ายตัวเองกับตู่หลงออกนอกเมืองอันยี่

 

แต่ในเวลานี้ ซือหยูรู้สึกไม่ดีอย่างมาก!

 

เขารู้สึกได้ถึงสิ่งประหลาดจากด้านหลัง!

 

เขาเคยรู้สึกถึงความตายที่ใกล้เข้ามาเช่นนี้เมื่อไม่นาน!

 

“เฉิน!ยู่!เหลียน!”

 

ซือหยูรู้โดยไม่ต้องหันไปมองว่าคนที่ลอบโจมตีคือนาง!!

 

ตลอดเวลา นางมักจะโจมตีใจช่วงเวลาที่วิกฤติที่สุด ในตอนที่ซือหยูกำลังจะหนีไปได้!

 

เฉินยู่เหลียนเผยร่างออกมาและแสยะยิ้ม

 

“ชีวิตเจ้าเป็นของข้า!”

 

นางที่เร้นกายอยู่นาน ในที่สุดก็ได้โอกาสที่ดีที่สุด!

 

แววตาซือหยูเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

 

“เจ้าคิดว่ามันจะง่ายเฉกเช่นกับคราวที่แล้วรึ?”

 

“ครั้งนี้ เจ้าไม่ต้องกลับไปไหนอีกแล้ว!”