ตอนที่ 256 ต่อต้านเขา

“ฉีเฉิงเฟิง ท่านก็รู้ว่าตัวเองไม่เหมาะเข้าร่วมการแข่งขัน?” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา พร้อมกับดันตราประจำตัวของฉีเฉิงเฟิงกลับไป “โปรดเก็บตราประจำตัวของท่านไป และโปรดอยู่ให้ห่างจากพื้นที่ตรงนี้ด้วย”

ซูหวานหว่านทำแบบนี้หมายความว่านางไม่ชอบฉีเฉิงเฟิงหรือ นางกำลังต่อต้านเขาอย่างเห็นได้ชัด! ทุกคนที่ยืนอยู่ที่นั่นต่างตกใจ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือออกมาว่า ซูหวานหว่านและองค์ชายสามยังคงรักใคร่ชอบพอมาก่อน ดูเหมือนว่าตอนนี้ข่าวพวกไม่ใช่แค่ข่าวลือเสียแล้ว!

ทุกคนเริ่มซุบซิบนินทาขึ้นมาอีกครั้ง “คุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าวก็ดูไม่เหมือนกับหญิงที่แต่งงานแล้วมาก่อนเลย หรือว่านั่นจะเป็นข่าวปลอม?”

ชาวบ้านอีกคนก็พูดออกมาว่า “หากองค์ชายสามไม่ใช่คนใจร้าย ทำไมคุณหนูจ้าวถึงจะต้องเกลียดองค์ชายสามด้วยล่ะ? มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย!”

“…”

ซูหวานหว่านฟังสิ่งที่คนเหล่านั้นคุยและกล่าวว่า “ข้ากับองค์ชายสามไม่เคยพบกันมาก่อน ทว่าเพียงมองหน้าตาก็รู้แล้วว่าองค์ชายสามน่าจะเป็นคนไร้หัวใจ”

หลังจากพูดแบบนั้นออกมา ซูหวานหว่านก็เหลือบไปมองป้ายบนกำแพงและเอ่ยเน้นย้ำออกมาว่า “ทุกท่านควรที่จะอ่านตรงหมายเหตุเสียหน่อย ว่าเมื่อมีราชวงศ์หรือขุนนางชนชั้นสูงมาเข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วย เราจะต้องตรวจสอบลักษณะนิสัยก่อนที่จะลงทะเบียน! …ไม่เช่นนั้น พวกเขาไม่มีสิทธิเข้าร่วมการแข่งขันในรอบแรก โดยเฉพาะคนจากราชวงศ์!”

ซูหวานหว่านเน้นคำว่า ‘ราชวงศ์’ เห็นได้ชัดว่านางกำลังตัดโอกาสของฉีเฉิงเฟิง

ฉีเฉิงเฟิงตกตะลึง ไม่คิดเลยว่าซูหวานหว่านจะเด็ดขาดขนาดนี้ ฉีเฉิงเฟิงหลับตาลงก่อนจะลืม ตาขึ้นสบตาซูหวานหว่าน

เขาจ้องมองนาง นางก็จ้องมองมาที่เขาเหมือนกัน ทั้งสองคนกำลังจ้องหน้ากันไปมากันมา เห็นได้ชัดว่าซูหวานหว่านพยายามซ่อนความรักที่มีต่อฉีเฉิงเฟิงเอาไว้!

ซูหวานหว่านพูดอธิบายออกมาอีกครั้งแล้วหันหลังเดินออกไปทันที แต่นางก็ถูกใครบางคนคว้าตัวเอาไว้ก่อน ขณะที่กำลังหมุนตัวซูหวานหว่านก็เห็นภาพใบไม้สีแดงร่วงหล่นและ…สบตาเข้ากับดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้น!

หัวใจของนางตอนนี้มันเหมือนกับต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวตายไป แต่มันกลับพลันกลายเป็นสีเขียวชอุ่มและฟื้นคืนชีพขึ้นมาในทันที!

ที่นางพยายามทำมาไม่มีประโยชน์อะไรเลยรึ นางใจเต้นเพราะเขาอีกแล้ว! ซูหวานหว่านแอบตำหนิตัวเองภายในใจ หญิงสาวยืนนิ่งแกะมือของฉีเฉิงเฟิงออก และพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “องค์ชายสาม โปรดสำรวมกิริยาด้วย!”

พูดจบซูหวานหว่านก็เดินจากไป

สายลมหนาวพัดผ่านชายหนุ่ม ร่างกายของเขาสั่นสะท้านและรู้สึกอ้างว้างขึ้นมาเล็กน้อย ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างรู้สึกเห็นอกเห็นใจ แต่ฉีเฉิงเฟิงเป็นถึงองค์ชาย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่เดินเข้าไปปลอบโยน เพราะว่าพวกเขาได้ยินมาว่าพวกคุณชาย องค์ชาย หรือคนที่มีฐานะร่ำรวยส่วนมากจะมีนิสัยที่ไม่ดี เลยกลัวว่าจะถูกฉีเฉิงเฟิงจับไปเป็นกระสอบทราย ทุกคนก็เลยเดินออกไปและยังมีคนที่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ

ซูหวานหว่านได้ออกมาไกลแล้ว แต่หัวใจของนางยังคงเต้นแรงอยู่

ในตอนนี้ ฉีเฉิงเฟิงยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะเมื่อกี้เขาเห็นปลายหูของนางขึ้นสีแดงระเรื่อ นางกำลังเขินอาย!

ฉีเฉิงเฟิงขมวดคิ้วคิดว่าเขายังมีหวังอยู่! ชายหนุ่มหยิบตราประจำตัวของตัวเองขึ้นมาครั้งและพูดออกมาอีกครั้งว่า “ข้าองค์ชายสาม โปรดจดชื่อข้าด้วย! ข้าคนนี้ต้องการเข้าร่วม!”

ถึงแม้ว่าซูหวานหว่านจะเป็นทำเย็นชาไม่สนใจเขาก็ตาม แต่ฉีเฉิงเฟิงยังคงที่จะทำตามความตั้งใจของตัวเองเอาไว้ ถึงแม้ซูหวานหว่านจะไม่เห็นด้วยเพียงใด เขาก็จะทำเพื่อพิสูจน์ว่าเขารักนางจริง ๆ!

หลังจากผ่านเวลาไปแค่ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็มีข่าวลือว่าองค์ชายสามรักคุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าวแพร่กระจายไปทั่วเมือง ถึงแม้ว่าคุณหนูใหญ่จะไม่สนใจ แต่เขาก็ยังคงสมัครเข้าร่วมการแข่งขันนี้ และยอมที่จะเสี่ยงไปกับคนอื่น ๆ เพื่อแย่งชิงคุณหนูตระกูลจ้าวที่หน้าตาธรรมดา

ไม่รู้ว่าข่าวลือพวกนี้ใครเป็นคนพูดขึ้นมา! แต่ว่าซูหวานหว่านรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้ยินเกี่ยวกับข่าวลือนี้! นางรู้สึกว่าที่ฉีเฉิงเฟิงทำแบบนี้เพื่อพยายามยุยงให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นและยอมรับในตัวของนาง

แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ถ้าฮ่องเต้สั่งจับนางไปขังฐานดูหมิ่นราชวงศ์ ตระกูลจ้าวจะไม่จบสิ้นกันเลยหรือ! ซูหวานหว่านรู้สึกเศร้าใจ เมื่อเห็นส้มสีเหลืองสดใสวางอยู่บนโต๊ะอาหาร นางก็หยิบพวกมันขึ้นมาและกำมันจนแตกค้างมือ ราวกับว่าส้มนั่นคือตัวแทนของฉีเฉิงเฟิง

“ลูกแม่” แม่จ้าวเดินเข้ามาทางประตูห้องโถงพร้อมกับถือดอกไม้สดใส่แจกัน พูดอย่างมีความสุข “แม่ว่าองค์ชายสามเขาก็เป็นคนดีนะ วันนี้สิ่งที่เขาทำมันมากเกินจะกล่าว การที่เอาตัวเองมาแข่งขันอะไรแบบนี้มัน…. เจ้าก็อย่ากดดันตนเองมากไป ถ้าชีวิตนี้ไม่มีความสุขก็คงจะไม่ใช่เรื่องดี”

คำพูดแบบนี้เหมือนกำลังหว่านล้อมนางอยู่ ซูหวานหว่านกล่าวออกมาว่า “ท่านแม่ไม่ว่าเขาจะเป็นองค์ชายหรือเปล่าก็ตาม ข้าอยากได้ผู้ชายที่สามารถทำเรื่องต่าง ๆ ให้ข้าได้ แต่องค์ชายสามไม่สามารถทำเรื่องตามที่ข้าตั้งกฏขึ้นมาได้ แล้วทำไมข้าจะต้องต้อนรับเขาในการเข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วย หรือว่าท่านแม่อยากให้ข้าไปคอยปรนนิบัติเขาที่วังงั้นหรือ?”

ใบหน้าของซูหวานหว่านเต็มไปด้วยความรังเกียจ แม่จ้าวกำลังพูดแทนฉีเฉิงเฟิงอีก แต่เมื่อเห็นความดื้อรั้นของซูหวานหว่าน นางก็กลืนคำพูดพวกนั้นเอาไว้และไม่พูดอะไรออกมา

“เฮ้อ เอาล่ะเรื่องนี้ก็แล้วแต่เจ้าแล้วกัน ข้ารู้ว่าลูกแม่คนนี้มีสายตาที่เฉียบแหลมมากกว่าแม่” แม่จ้าวกล่าวออกมาพร้อมกับดวงตาที่เศร้าสร้อย

ซูหวานหว่านพูดปลอบใจแม่ของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง และทั้งสองคนก็เดินไปที่ห้องนอนเพื่อนั่งพูดคุยกัน

ส่วนอีกด้านหนึ่งที่ตระกูลถัง คุณชายถังโกรธเคืองเล็กน้อย เมื่อเขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องการแข่งขัน คิดไม่ถึงเลยว่าซูหวานหว่านจะเต็มใจจ้างใครก็ได้ให้มาแต่งงานกับตัวเอง แต่นางกลับไม่ยอมแต่งงานกับเขา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการแต่งงานปลอม ๆ!

เมื่อฮูหยินถังได้ยินเรื่องนี้ นางก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที สั่งให้คนใช้ในตระกูลของนางไปสมัครเพื่อทำให้ซูหวานหว่านขายหน้า แต่ใครจะไปรู้ว่าคนใช้นั้นจะไม่มีตราประจำตัว และทุกคนที่อยู่ที่นั่นก็รู้ทันทีว่าเป็นคนรับใช้ของตระกูลถัง ทุกคนต่างพากันพูดซุบซิบตระกูลถังว่าเป็นเป็นคนใจแคบและข่าวลือพวกนี้ก็แพร่กระจายออกไป

ด้วยเหตุนี้ทำให้กิจการของตระกูลถังได้รับผลกระทบอย่างมาก คุณชายถังก็ได้ตรวจสอบสมุดบัญชีร้านอาหารและสินค้าการประมง ทำให้รู้ว่ากิจการของเขามีรายได้น้อยลงไปมาก! เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!

สินค้าจากทะเลขายออกได้น้อย และร้านอาหารในเมืองอื่นกับเมืองหลวงนี้ก็ขาดวัตถุอย่างฮวาเจียวและพริกไทยไป ลูกค้าประจำก็ถูกร้านอาหารใหญ่ ๆ ดึงดูดไปและรายได้ของเขานั้นน้อยลงกว่าแต่ก่อนมาก!

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะซูหวานหว่าน! คุณชายถังขมวดคิ้วและเขียนจดหมายสั่งให้คนใช้ไปหาฮวาเจียวและพริกไทย แต่คุณชายถังคงยังไม่รู้ว่าพริกไทยกับฮวาเจียวมีแค่พื้นที่ในมิติฟาร์มของซูหวานหว่านเท่านั้น! ถึงแม้ว่าครั้งหนึ่งต้นพริกไทยจะปลูกขึ้นในหมู่บ้านฮวง แต่ต่อมาก็ไม่มีใครได้ปลูกอีกเลยเพราะว่าซูหวานหว่านได้ออกมาจากหมู่บ้านนั้นแล้ว

ถ้าไม่มีซูหวานหว่านเขาจะทำอะไรไม่ได้อย่างงั้นเหรอ? แต่นางก็เป็นแค่สตรีคนหนึ่ง และนางไม่มีสิทธิ์ที่จะมาเหยียบหัวเขาด้วยซ้ำ!

คุณชายถังกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องส่งคนไปเอาป้ายตราของตัวเองมา และไปลงทะเบียนสมัคร

ซูหวานหว่านตกตะลึงเมื่อรู้ว่าคุณชายถังมาสมัครเข้าร่วม คุณชายถังยินยอมที่จะแต่งเข้าบ้านผู้หญิงอย่างงั้นหรือ? และก็ไม่มีอะไรที่ไม่ตรงตามเงื่อนไขเสียด้วย! ซูหวานหว่านครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางจึงเขียนเงื่อนไขเพิ่มเข้าไปอีกข้อหนึ่ง เมื่อเขียนเสร็จก็ให้คนรับใช้ไปทำสำเนามาอีกสองร้อยชุด

เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแล้ววันแข่งขันรอบแรกก็มาถึง ผู้คนในเมืองหลวงต่างครึกครื้นมีชีวิตชีวามาก แม่จ้าวได้ไปขอใช้สถานที่กับเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยสะดวกต่อการแข่งขัน

ตระกูลจ้าวทำเรื่องทุกอย่างชัดเจน และนับจำนวนคนมาสมัครเพื่อเตรียมเงินให้พร้อมจ่าย ส่วนพวกเจ้าหน้าที่ที่ชอบประจบสอพลอก็แสร้งทำมาตรวจดูความเรียบร้อยเพื่อหวังเงิน

ทุกคนต่างไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรในการแข่งขันรอบแรก และพวกเขาทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอ ซูหวานหว่านขึ้นไปยืนอยู่บนแท่นจำลองและมองไปรอบ ๆ แต่นางก็ไม่เห็นฉีเฉิงเฟิงและรู้สึกเสียใจเล็กน้อยขึ้นมาในใจ ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าใครสักคนดังขึ้น ทำให้ฝูงชนหลีกทางเขาทันที

เมื่อนางได้เห็นใบหน้าบุคคลคนนั้นอย่างชัดเจน รอยยิ้มบนใบหน้าของซูหวานหว่านก็นิ่งงันไปโดยทันที!