ตอนที่ 255 นางรับสมัครสามี เขาต้องรีบแล้ว

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 255 นางรับสมัครสามี เขาต้องรีบแล้ว

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” ฉีเฉิงเฟิงวางจดหมายในมือลงทันทีและมองไปยังชายชุดดำ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย “เจ้าไปได้ยินข่าวนี้มาจากที่ใด มีหลักฐานอะไรหรือไม่?”

“ชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกต่างรู้กันหมด จะเป็นข่าวปลอมได้อย่างไรกัน!” ชายคนนั้นพูดขึ้นพลางหยิบกระดาษออกมาจากแขนเสื้อแล้วส่งให้ “ฝ่าบาทดูสิขอรับ! นี่คือใบประกาศที่ถูกติดเอาไว้!”

ฉีเฉิงเฟิงเปิดใบประกาศออกอ่าน เมื่อเห็นลายมือด้านในเขาก็รับรู้ได้ทันทีว่าคือลายมือของซูหวานหว่าน

เมื่อเห็นตัวหนังสือที่เขียนเอาไว้บนหัวกระดาษ ฉีเฉิงเฟิงก็รู้สึกว่าปวดหัวขึ้นมา เนื้อหาในกระดาษเขียนเอาไว้ว่า

‘ไม่ว่าจะเป็นใคร ตราบใดที่เป็นผู้ชาย ยังไม่เคยแต่งงาน ไม่เคยมีครอบครัวมาก่อน ไม่มีลูก หรือผ่านการหย่าร้างมาก่อน ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกและภูมิหลังของครอบครัว (ไม่สำคัญ) แต่ต้องยอมรับว่าหลังจากการแต่งงานแล้วจะสามารถมีภรรยาได้เพียงคนเดียว ห้ามมีอนุภรรยาเป็นอันเด็ดขาด ห้ามนอกใจ มีความสามารถรู้รอบด้านการค้า และมีประสบการณ์เกี่ยวกับการค้า มาสมัครแข่งขันได้ ข้าคนนี้จะเป็นผู้ตัดสินใจด้วยตนเอง ขอเชิญผู้สนใจทุกท่านมาเข้าร่วมสมัคร!’ – ซูหวานหว่าน

เนื้อหาช่างตรงประเด็น!

อีกทั้งยังไม่กำหนดเรื่องรูปลักษณ์และภูมิหลังครอบครัว! แน่นอนว่าจะต้องมีคนไปต่อแถวสมัครเป็นลูกเขยเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน!

ฉีเฉิงเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและตบโต๊ะอย่างไม่พอใจ ชายชุดดำสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจและพูดออกมาทันทีว่า “ฝ่าบาท ใจเย็น ๆ ก่อนเถิดขอรับ!”

“เจ้าไปตรวจสอบดูเสียว่ามีคนมาสมัครกี่คนแล้ว” ฉีเฉิงเฟิงเอ่ยสั่ง

ชายชุดดำตัวสั่นเทาด้วยความกลัวและหันหลังเดินจากไปในทันที หนึ่งชั่วยามหกลังจากนั้นเขาก็กลับมา ชายคนนั้นเดินเข้ามาอย่างเหนื่อยหอบ “ฝ่าบาท! แย่แล้ว หากคาดคะเนจากการมองแล้วตอนนี้มีคนมาสมัครราว ๆ ร้อยกว่าคนแล้วขอรับ”

“อะไรนะ?” ฉีเฉิงเฟิงขมวดคิ้ว “ได้เรื่องกลับมาแค่นี้งั้นเหรอ!”

ชายชุดดำครุ่นคิดไปอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าประกาศจากตระกูลจ้าวจะดึงดูดให้ทุกคนเข้าร่วมในการคัดเลือกครั้งนี้ ทุกคนที่ผ่านการแข่งขันรอบแรกจะได้รับเงินสิบตำลึง! หากใครไม่ผ่านก็จะได้รับเงินไปแค่หนึ่งตำลึง เช่นนี้ก็เหมือนกับการได้รับเงินไปง่าย ๆ บ้านบางคนยังส่งเด็กเข้าร่วมทั้งที่อายุไม่ถึงก็ยังมี!”

“…”

ฉีเฉิงเฟิงเงียบไป ซูหวานหว่านต้องการให้เรื่องการรับสมัครบุตรเขยตระกูลจ้าวออกไปเผยแพร่เป็นวงกว้าง ไม่เพียงแต่จะกระจายเรื่องชื่อเสียงของตระกูลจ้าวเท่านั้น ดูเหมือนนางต้องการสามีมาช่วยนางดูแลในการทำกิจการค้าเกลืออีกด้วย!

“วันแข่งขันรอบแรกคือเมื่อใด?” ฉีเฉิงเฟิงถามออกมา

“อีกสามวันที่จะถึงขอรับ” ชายชุดดำพูดออกมา

เหตุใดถึงเร็วขนาดนี้! ฉีเฉิงเฟิงรู้สึกกังวลมากขึ้น เดิมทีเขาวางแผนจะออกเดินทางไปจัดการปัญหาที่ฉีเป่ยในวันนี้ แต่ตอนนี้… เขาไม่สามารถปล่อยให้หญิงที่เขารักตกไปเป็นของชายอื่นได้! เขาไม่อยากไปแล้ว! แต่ว่าเขาได้สัญญากับแม่จ้าวเอาไว้แล้ว ฉีเฉิงเฟิงขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนักพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ในตอนนี้ ส่งคนนำเกลือคุณภาพดีไปส่งที่ฉีเป่ยก่อน ส่วนที่เหลือ…ผ่านสามวันนี้ไปแล้วค่อยมาคุยกันใหม่!”

ชายชุดดำรีบไปจัดการเรื่องนี้ทันที ฉีเฉิงเฟิงก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและเอ่ยเรียกชายชุดดำอีกครั้ง “หากต้องการไปแข่งขันรอบแรกต้องใช้อะไรไปสมัครบ้าง?”

ชายชุดดำคนนนั้นก็ตกตะลึง “ฝ่าบาท ถ้าท่านต้องการตัวฮูหยินของท่านมา เหตุใดถึงจะต้องทำให้มันยุ่งยากนัก! ทำไมท่านไม่ลองไปขอองค์ฮ่องเต้จัดงานอภิเษกสมรสกับนางขึ้น!”

“เจ้าจะไปรู้อะไร!” ฉีเฉิงเฟิงพูดออกมาพร้อมกับจับคางอย่างครุ่นคิด เขาได้ทำร้ายจิตใจของนางมากแค่ไหนและมันก็เป็นเรื่องยากที่จะนำนางกลับคืนมาได้เขารู้ตัวดี!

ถ้าฮ่องเต้พระราชทานพิธีอภิเษกสมรสให้ นางก็คงจะโกรธมากจนหนีเขาไป และเขาก็จะหาตัวนางไม่พบแน่!

ชายชุดดำมองไปที่ใบหน้าของฉีเฉิงเฟิงอย่างขมขื่น ก่อนจะเอ่ยเกี่ยวกับการลงสมัครในรอบเบื้องต้นให้ฉีเฉิงเฟิงฟัง

ฉีเฉิงเฟิงขอให้คนใช้นำป้ายประจำตัวของเขาออกมา และออกเดินทางไปยังบ้านตระกูลจ้าว ทันทีที่เขามาถึง การแต่งกายที่หรูหรามีเสน่ห์พลันดึงดูดสายตาผู้คนอย่างมาก เมื่อเห็นว่าเป็นใครทุกคนก็ต่างตกใจ “องค์ชายสามมาทำธุระที่นี่หรือ”

เมื่อเห็นว่าฉีเฉิงเฟิงกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ทุกคนก็ต่างพูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “องค์ชายสามกำลังเดินมาทางบ้านตระกูลจ้าว! หรือว่าองค์ชายสามจะมาเข้าร่วมการแข่งขันนี้ด้วย!”

“…”

ในเวลานี้ ซูหวานหว่านที่เดินไปเดินมาจนเหนื่อยกำลังนั่งอยู่ด้านหน้าบ้านตระกูลจ้าว และเมื่อนางเห็นฉีเฉิงเฟิง หญิงสาวก็กลอกตาไปมาและบอกกับคนที่จดใบสมัครว่า “คนนี้ ไม่ต้องจด!”

“ขอรับ คุณหนู!” เขาตอบรับด้วยความไม่เข้าใจ และพอรู้ว่าคนที่มาคือใคร เขาก็รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ออกมาทั้งที่ไม่มีน้ำตา คนคนนั้นก็คือองค์ชายสาม! องค์ชายสามมาลงทะเบียนสมัคร เขาจะไม่จดก็ไม่ได้ หัวของเขาจะยังอยู่บนบ่าหรือไม่!

ฉีเฉิงเฟิงเดินเข้ามาและวางป้ายประจำตัวลง คนจดนิ่งคิดไปอยู่ครู่หนึ่ง แสร้งทำเป็นว่าไม่เห็นและกล่าวว่า “โอ้! ท่านคือองค์ชายสามจริงหรือเปล่า! หรือมาที่นี่เพื่อเล่นสนุก ได้โปรดไปเล่นที่อื่นเถอะ เจ้ามองดูคนรอบ ๆ อย่ามาทำให้องค์ชายสามเสียชื่อเสียงเลย!”

“ทำไม? ข้ามาลงทะเบียนสมัครที่นี่ไม่ได้อย่างงั้นเหรอ?” ฉีเฉิงเฟิงพูดขึ้นและมองไปที่ซูหวานหว่านที่นั่งอยู่โดยหันหลังให้ พร้อมกับพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองและวางป้ายประจำตัวไว้ข้างหน้าของคนจดบันทึกและกล่าวว่า “เห็นแล้วใช่ไหม? นี่คือป้ายตราประจำตัวของข้า ข้าจะพูดซ้ำอีกครั้ง ข้ามาที่นี่ก็เพื่อมาลงทะเบียนสมัคร!”

คำพูดของฉีเฉิงเฟิงเหมือนเป็นการวางระเบิด และชายทุกคนที่ยืนอยู่ต่างตกใจทันที “โอ้ สวรรค์! องค์ชายสามมาลงทะเบียนสมัครจริง ๆ หรือ ข้าได้ยินไม่ผิดใช่ไหม!”

“ได้ยินไม่ผิด ตัวข้า…มาที่นี่ก็เพราะคุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าว!” ฉีเฉิงเฟิงเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยพร้อมกับจ้องมองไปที่ซูหวานหว่าน ทำให้ร่างกายของนางแข็งทื่อไปในทันที

คนจดลงทะเบียนรู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก! ทั้งความกดดันขององค์ชายสามที่อยู่ข้างหน้าและคำสั่งของซูหวานหว่านที่จ้องมองอยู่ เขาควรทำอย่างไรดี!

เขาจับพู่กันแน่นพร้อมกับขมวดคิ้ว และพูดออกมาเสียงสั่นเทาว่า “แค่ก ๆ องค์ชายสาม ท่านช่วยอ่านดูกฎให้ดี ๆ หน่อยได้หรือไม่ว่าท่านอยากที่จะลงสมัครจริง ๆ แล้วก็อีกอย่างเมื่อแต่งงานไปจะต้องไม่มีนางสนม จะต้องไม่เที่ยวหอนางโลม ท่านคิดดีแล้วหรือขอรับ?”

หลังจากที่ทุกคนคิดดูแล้ว สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นถูกต้อง

ในฐานะที่ฉีเฉิงเฟิงเป็นรัชทายาทแห่งราชวงศ์ เขาจะแต่งเข้าบ้านผู้หญิงได้อย่างไร! แม้ว่าฉีเฉิงเฟิงจะยินยอม แต่ฮ่องเต้ไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน! นอกจากนี้เมื่อเป็นเชื้อพระวงศ์ก็จะต้องมีนางสนมเพราะมันคือธรรมเนียม! นี่เขาจะฝืนมันได้อย่างงั้นหรือ!

พูดตามความจริง ฉีเฉิงเฟิงไม่สามารถเข้าแข่งขันได้!

“เป็นไปได้ไหม…” จู่ ๆ ก็มีคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า “องค์ชายสามกำลังต้องการเงินหนึ่งตำลึงงั้นหรือ?” ทันทีที่ชายคนนั้นพูดจบ ผู้คนรอบข้างก็เอ่ยขึ้นมาว่า “องค์ชายสามเป็นคนที่สนใจเงินแค่ไม่กี่ตำลึงตั้งแต่เมื่อใดกัน!”

ฉีเฉิงเฟิงพลันยิ้มออกมาเล็กน้อยและจ้องมองซูหวานหว่าน ก่อนยื่นตราประจำตัวของเขาให้กับคนจดอีกครั้งแล้วพูดว่า “ข้าทำได้ ช่วยลงสมัครให้ข้าด้วย”

ทุกคนต่างตกใจอีกครั้ง ซูหวานหว่านซึ่งนั่งอยู่ก็มีเหงื่อไหลซึมออกมาตามฝ่ามือ เห็นชัดว่าฉีเฉิงเฟิงนั้นทำแบบนี้เพราะต้องการคืนดีกับนาง! แต่…นางไม่ต้องการ!

ซูหวานหว่านผุดลุกขึ้นและหันกลับมา พลันสบสายตาแสนหวานของฉีเฉิงเฟิง ทันใดนั้นคำพูดในใจของนางที่เตรียมก็หายไปจนหมด ไม่สามารถพูดคำใดออกมาได้อีก

เมื่อเห็นแบบนี้คนที่ยืนอยู่ที่นั่นก็ส่งเสียงโห่ร้อง ราวกับว่าซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงสบตากัน และตกหลุมรักกันในทันที…รักแรกพบ!

มุมปากของซูหวานหว่านกระตุกขึ้น และนางก็พูดอะไรบางอย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึงออกมา!