ตอนที่ 254 ผู้สืบทอดกิจการหมื่นตำลึง

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 254 ผู้สืบทอดกิจการหมื่นตำลึง

“แม่นางซู ข้อตกลงที่เราทำเมื่อครั้งก่อนยังนับอยู่หรือไม่ ที่แม่ของข้ามาพูดในตอนนี้…” ยังไม่ทันที่คุณชายถังจะเอ่ยจบประโยค เขาก็ได้ยินซูหวานหว่านพูดออกมาว่า “ข้าคงไม่เหมาะสมกับตระกูลถังของเจ้า คุณชายถังไม่จำเป็นต้องพูดสิ่งใดให้มากความ เรื่องสัญญาที่ตกลงกันไว้ คุณชายถังไม่ได้สิ่งใดผิด และข้าก็ไม่ได้ทำผิดอะไร โปรดลืม ๆ มันไปเถอะ!”

ซูหวานหว่านผายมือและเอ่ยเรื่องคนรับใช้ “ทุกคน! ช่วยตระกูลถังขนของกลับไปที่เรือนของพวกเขา อย่าให้เหลือสิ่งใดเอาไว้เพราะมันอาจจะทำให้ฮูหยินสะดุดหกล้มได้!”

“ขอรับ”

เหล่าคนใช้พยักหน้าตอบรับ แล้วพวกเขาก็ช่วยกันขนย้ายของสินสอดทองหมั้นออกไป ฮูหยินถังจึงพูดออกมาอย่างร้อนรน “พวกเจ้า! อย่าขยับ! อย่าขยับ! ข้าวของพวกนี้มีราคาแพงมาก เจ้าไม่มีปัญญาชดใช้คืนแน่!”

แม้ว่าฮูหยินถังจะพูดออกมาแบบนั้น หากแต่คนใช้ในเรือนก็ไม่ได้ฟังคำพูดของนางแต่อย่างใด เมื่อไม่มีคนสนใจคำพูดของตน ฮูหยินก็รู้สึกไม่พอใจ ออกแรงผลักคนใช้ที่กำลังขนย้ายข้าวของจนล้มลงเกิดเสียงดัง ‘ตึง’ ใบหน้าของนางพลันซีดเซียว รีบปรี่เข้าไปตบหน้าคนใช้คนนั้นอย่างแรง “ด้านในมีเครื่องลายครามเก่าแก่ ถ้าหากมันเสียหายเจ้าจะชดใช้มันไหวหรือไม่ ราคาของมันแพงมาก ราคาของมันหนึ่งชิ้นหนึ่งหมื่นตำลึง

เมื่อคนใช้ได้ยินอย่างนั้นก็คุกเข่าลงด้วยความตกใจ ตบใบหน้าของตนเองสองครั้ง และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ข้าน้อยผิดไปแล้ว! ฮูหยินถังได้โปรดลงโทษข้าด้วย!”

“เครื่องลายครามนี้มันมีค่ามาก!” หลังจากพูดจบ ฮูหยินถังก็เบือนสายมามองแม่จ้าว “แม่จ้าว แม้ว่าเจ้าจะไม่ตอบตกลง แต่ว่าเจ้าก็ไม่ควรทำเช่นนี้ คิดว่าของมีค่าของพวกเราลอยมาเองได้หรือยังไง!”

เมื่อสู่ขอไม่สำเร็จก็เลยจะเรียกร้องเงินชดใช้อย่างงั้นเหรอ ซูหวานหว่านรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป นางไม่เคยเห็นใครหน้าด้านแบบนี้มาก่อนเลย!

ซูหวานหว่านหัวเราะเยาะออกมา ก่อนหน้านี้หญิงสาวก็ได้เปิดหีบดูเลยพบว่ามันไม่ใช่เครื่องลายครามเก่าแก่ล้ำค่าอะไร! เป็นแค่เครื่องครามธรรมดา ๆ และบทกลอนเท่านั้น

ซูหวานหว่านหยิบมันขึ้นมาและยิ้มเยาะเย้ย เฮ้อเครื่องลายครามที่ทำมาจากดินคุณภาพต่ำ! หากให้เดาราคาก็คาดว่าคงจะไม่เกินหนึ่งตำลึง

“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าฮูหยินถังจะมีรสนิยมแบบนี้!” ซูหวานหว่านหัวเราะออกมา “ข้าก็ไม่รู้ว่าข้าจะมองออกหรือเปล่า แต่ว่าข้าจำได้ว่าแม่ของข้าได้เชิญช่างฝีมือดีมาทำแจกัน และหากให้เขามาตรวจสอบดูว่าของพวกนี้มีราคาหนึ่งตำลึงหรือเงินหนึ่งหมื่นตำลึงกันแน่… อืม… ไว้ตระกูลจ้าวของเราจะชดใช้ให้ท่านตามราคา! พวกเราจะไม่ปล่อยให้ของ ๆ ท่านเสียหายไปเปล่า ๆ อย่าแน่นอน!”

เมื่อได้ยินแบบนี้ฮูหยินถังก็ถึงกับยิ้มไม่ออก เพราะนางรู้อยู่แล้วว่าของเครื่องลายครามพวกนี้ที่มีราคาแค่หนึ่งตำลึงเท่านั้น นางจ่ายเงินออกไปบางส่วนเล็กน้อยเท่านั้นและโอ้อวดราคาเกินจริงไป

หากมีช่างฝีมือดีมาตรวจสอบล่ะก็ เรื่องนี้จะต้องถูกพูดต่อออกไปแน่ ๆ ตระกูลถังของพวกเขาจะต้องอับอายขายขี้หน้า!

ใบหน้าของฮูหยินถังพลันซีดลงและก็รีบพูดขึ้นมาว่า “ไม่จำเป็น! เงินเพียงหนึ่งหมื่นตำลึงเท่านั้น ตระกูลถังมีเงินอยู่แล้ว!”

พูดจบฮูหยินถังก็ตะโกนออกมาว่า “ใครก็ได้ รีบมาช่วยกันของออกไปเร็วเข้า!”

คนใช้ของตระกูลถังรีบเข้าขนออกไปจนหมด ซูหวานหว่านรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น แต่จู่ ๆ นางก็คิดถึงอะไรบางอย่างออกมา จึงเอ่ยเรียกคุณชายถังเอาไว้

แม่จ้าวคิดว่าซูหวานหว่านจะรู้สึกเสียดายเรื่องการแต่งงานจึงเดินตามออกไปทันที แต่นางก็เห็นซูหวานหว่านหยิบซองกระดาษออกแล้วยื่นให้คุณชายถัง พร้อมทั้งพูดว่า “คุณชายถัง นี่คือสัญญาของกิจการที่เราร่วมทำด้วยกัน เจ้าลองดูเถิด ข้าได้มอบของให้กับผู้ดูแลร้านเอาไว้แล้ว และสัญญาในการร่วมมือระหว่างเจ้ากับข้าก็คงจะสิ้นสุดเพียงเท่านี้ และหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเจ้าก็ไม่ต้องมาหาข้าแล้ว”

คิดไม่ถึงเลยว่าซูหวานหว่านจะเด็ดขาดขนาดนี้! ความหงุดหงิดเกิดขึ้นภายในจิตใจ ชายหนุ่มส่ายหัวและกล่าวว่า “แม่นางซู ถึงแม้ว่าการแต่งงานของข้ากับเจ้าจะพังเพราะแม่ของข้า แต่ว่าความสัมพันธ์ท่างการค้าของเรา… แม่ของข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เจ้าไม่จำเป็นต้องตัดขาดความสัมพันธ์กับข้าก็ได้ หากเจ้าตกลงเจ้าจะได้เงินหกสิบส่วนไป ส่วนข้าจะรับแค่สี่สิบส่วนเท่านั้น”

เรื่องนี้จะเป็นเพราะแม่ของได้อย่างไร สิ่งที่เขาลอบกระทำคิดว่านางไม่รับรู้อย่างงั้นเหรอ เขาคิดว่านางโง่อย่างงั้นเหรอ! ซูหวานหว่านมองไปที่คุณชายถังด้วยสายตาเย็นชา “คุณชายถัง ข้าพูดออกไปจนหมดแล้ว ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะตกลงหรือไม่ ฮวาเจียวและพริกเหล่านั้นถ้าข้ามาอยู่ที่เมืองหลวงก็ไม่มีใครที่จะสามารถปลูกมันได้ อีกไม่นานร้านอาหารก็จะต้องถูกตัดวัตถุดิบ และข้าไม่สามารถหามาจากแหล่งอื่นได้ แล้วเงินที่ข้าควรนำมาข้าก็นำมาแล้วหกหมื่นตำลึง ส่วนอื่น ข้าไม่เอา สำหรับสัญญาที่ข้าทำกับเจ้า หากเจ้าจะร้องเรียนข้า ข้าก็ช่วยอะไรไม่ได้”

คิดไม่ถึงเลยว่าซูหวานหว่านจะเตรียมตัวมาดีขนาดนี้ และไม่มีทีทางว่างจะแยแสแต่อย่างใด ดูเหมือนว่านางจะวางแผนเอาไว้แล้ว! คุณชายถังกุมมือตัวเองเอาไว้ รอยยิ้มเจื่อนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแม่นางซู เช่นนั้นแล้วข้าก็จะแล้วแต่แม่นางซู หวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจทีหลัง”

“ข้าจะไม่เสียใจอย่างแน่นอน” ซูหวานหว่านเอ่ย และขอให้คนใช้ยกโต๊ะออกมา คุณชายถังจึงลงนามในสัญญา จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป

แม่จ้าวที่ยืนมองจากด้านข้าง คาดไม่ถึงว่าซูหวานหว่านจะทำการค้าพวกนี้ หลังจากที่คุณชายถังเดินออกไป แม่จ้าวก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชมขึ้นมา “ลูกสาวของข้าช่างเป็นคนที่น่าทึ่งมาก! กิจการตระกูลจ้าวของเราดูเหมือนจะมีผู้สืบทอดเสียแล้วสิ!”

ซูหวานหว่านยังไม่รู้ถึงเบื้องหลังของตระกูลจ้าวว่ามีความเป็นไปมาอย่างไร หลังจากนั้นนางก็สอบถามเกี่ยวกับภูมิหลังของตระกูลจ้าว เลยได้รู้ว่าท่านปู่ของนางเป็นคนริเริ่มการค้าเกลือขึ้นมา เริ่มทำเองตั้งแต่การกลั่นเกลือ ทั้งเกลือในทะเลสาบ เกลือทะเล เป็นต้น แต่เนื่องจากกิจการการค้าเกลือตอนนั้นเพิ่งเริ่มขึ้น ฮ่องเต้ได้จัดให้ตั้งกิจการค้าเกลือขึ้นในทาง เหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก ตามลำดับ ตระกูลจ้าวจึงได้รับสิทธิพิเศษในการทำกิจการค้าเกลือในภาคเหนือ ทว่าความผิดพลาดกลับเกิดขึ้นเมื่อเมื่อกิจการนี้ตกอยู่ในมือเฉียวฝู่

คิดไม่ถึงเลยว่ากิจการค้าเกลือของตระกูลจ้าวจะเป็นเช่นนี้!

ซูหวานหว่านถอนหายใจออกมา นึกไปถึงสิ่งที่แม่จ้าวได้พูดเอาไว้เมื่อวานนี้ ก่อนที่แม่จ้าวจะพูดขึ้นมาว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้ามันยังไม่ได้รับการแก้ไข ตอนนี้เรื่องนี้ยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นก็ตอนที่องค์ชายสามกลับมา เมื่อวานนี้ข้าได้ยกเรื่องนี้ให้องค์ชายสามไปจัดการแล้ว และก็ไม่รู้ว่าองค์ชายสามจัดการแล้วหรือยัง”

ทำไมแม่จ้าวถึงไว้วางใจฉีเฉิงเฟิงมากขนาดนี้ ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและก็ไม่รู้ว่าจะพูดโน้มน้าวแม่จ้าวอย่างไรดี ว่าไม่ให้ฉีเฉิงเฟิงเป็นคนมาจัดการเรื่องนี้

ทั้งสองไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาอีก แม่จ้าวพาซูหวานหว่านเดินทางกลับมาที่ลานบ้านและหยิบกล่องออกมาสองกล่อง เมื่อเปิดออกก็พบว่าเป็นหนังสือหนังอยู่ข้างใน “นี่เป็นวิธีการกลั่นเกลือทั้งหมดของตระกูลจ้าวของเรา ดังนั้นข้าจะมอบให้สูตรนี้ให้เจ้าทั้งหมด และเจ้าจะเป็นผู้สืบทอดกิจการของตระกูลจ้าวต่อไป”

“…”

นี่คงเป็นความรู้สึกของการที่บุญหล่นทับสินะ อยู่ ๆ ก็รวยขึ้นมา แต่ว่านางไม่ต้องการสืบทอดกิจการของครอบครัว! สิ่งที่นางต้องการคือความสบายใจ การทำกิจการค้าเกลือมันยุ่งยากมาก! ต้องสนใจความต้องการของประชาชน ความต้องการเบื้องบนอย่างฮ่องเต้ และในบางครั้งต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติ และใช้เงินของตัวเองเพื่อช่วยบรรเทาสาธารณภัยให้แก่ชาวบ้าน!

ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว “ท่านแม่เจ้าคะ ข้า…”

“ว่าอย่างไร?” แม่จ้าวมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง ซูหวานหว่านรู้สึกลำบากใจขึ้นมา จู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมาภายในใจได้นางจะต้องตามหาสามีที่สมบูรณ์แบบมาช่วยนางทำเรื่องนี้แทน!

ซูหวานหว่านขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเผยรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ออกมาแล้วพูดว่า “ท่านแม่ ท่านต้องการลูกเขยที่สมบูรณ์หรือไม่”

“หือ?” แม่จ้าวก็รู้สึกงุนงง และซูหวานหว่านก็เริ่มอธิบายความคิดของนางให้ฟังและทั้งสองคนก็พูดคุยกันยาวทั้งคืน

วันรุ่งเช้าที่เรือนขององค์ชายสาม ฉีเฉิงเฟิงกำลังนั่งอ่านจดหมายจากฉีเป่ย ทันใดนั้นชายชุดดำก็กระโดดเข้ามาทางหน้าต่างและพูดว่า “ฝ่าบาท! เกิดเรื่องแล้ว! ตระกูลจ้าวกำลังติดป้ายประกาศรับสมัครลูกเขย!”