ตอนที่ 140
ความเห็นของอาวุโส
“เจ้าเด็กสามหาว”เฟยหยางคำรามพลางซัดหมัดใส่ไป๋จูเหวินอีกครั้ง เพียงแต่หมัดคราวนี้กลับทำให้ไป๋จูเหวินประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม หมัดของอาวุโส 2 อย่างเฟยหยางนั้นไม่ได้รุนแรงสมกับระดับพลังเลย หรือมันไม่อยากลงมือเต็มที่จนทำให้ไป๋จูเหวินได้รับบาดเจ็บกัน..
“ท่านอาวุโส ท่านพอได้แล้ว”เหม่ยหลินพยายามห้ามเพราะนางไม่อยากให้ทั้งสองมีเรื่องกันกลางตลาดเช่นนี้
“เป็นแค่คนของหน่วย 7 บังอาจมาทำเรื่องเสียมารยาทกับข้า รับรองเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆแน่นอน”อาวุโส 2 ว่าพลางกำหมัดแน่น วันนี้มันพึ่งกลับมาจากการล่าอสูร มันเลยเสียพลังไปส่วนหนึ่ง ทำให้เฟยหยางยังไม่อยากปะทะกับไป๋จูเหวินตอนนี้เท่าไหร่ แต่การที่มันทราบว่าไป๋จูเหวินอยู่หน่วย 7 ไม่ใช่ว่ามันแอบฟังตั้งแต่ตอนลูกชายมันเข้ามาหาเรื่องแล้วหรอกหรือ
หลังจากพูดจบ อาวุโสเฟิงหยางก็หันหลังพาบุตรชายของมันจากไป เพียงแต่มันไม่ได้ไปหาที่พักแต่อย่างไร ความโกรธที่คับคั่งอยู่ในอกของมันทำให้มันเลือกที่จะเรียกอสูรสำหรับใช้เดินทางของลูกน้องมันมาแล้วเดินทางด้วยตนเองไปยังเมืองร้อยแปดอสุรเพื่อนำเรื่องนี้ไปต่อว่าหัวหน้าหวงหลงเสียหน่อย
ปึง! หลังจากเร่งเดินทางมา 3 วันในที่สุดอาวุโสเฟิงหยางก็มาถึงวังมังกรเสียที มันไม่พูดพร่ำทำเพลงบุกเข้าไปในห้องประชุมทันที
“…..”แต่ทันทีที่เข้ามา อาวุโสเฟิงหยางก็พบว่าไป๋จูเหวินและคุณหนูเหม่ยหลินได้เดินทางมาถึงก่อนหน้ามันแล้ว นี่พวกมันเดินทางด้วยอะไรกันแน่ถึงได้มาก่อนมันเสียอีก
“เฟิงหยาง ไม่เจอหน้ากันเสียนาน”หวงหลงว่าพลางมองเฟิงหยางที่พรวดพราดเข้ามาจนทำเอารายงานของไป๋จูเหวินต้องหยุดชะงัก
“หัว…หวงหลง”เฟิงหยางว่าพลางเดินออกมายืนด้านหน้าไป๋จูเหวิน
“เจ้ามีเรื่องอะไรรีบด่วนก็พูดมา”หวงหลงขมวดคิ้ว ปกติเหล่าอาวุโสไม่ได้เรียกชื่อมันเฉยๆ การที่เฟิงหยางเรียกมันด้วยชื่อท่าทางมันจะมีเรื่องไม่พอใจเสียแล้ว
“บุตรสาวของเจ้ากับผู้ติดตามทำร้ายบุตรชายของข้า แล้วยังจะมายืนหน้าระรื่นกันตรงนี้อีกหรือ”อาวุโสเฟิงหยางว่าพลางกัดฟันแน่น
“ทำร้ายบุตรชายของเจ้า?”หวงหลงทวนคำ ไป๋จูเหวินไม่ได้รายงานเรื่องนี้เสียด้วย หรือว่าระหว่างทางมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“ท่านพ่อ โปรดฟังลูกก่อน”เหม่ยหลินว่าพลางมองไปทางหวงหลง
“เมื่อ 3 วันก่อนคุณชายเฟยเฟิ่งเมามาก จนเข้ามาหมายจะทำร้ายพี่ไป๋ ส่วนพี่ไป๋เห็นคุณชายเฟยเฟิ่งเข้ามาทำร้ายจึงผลักมันกลับไปเท่านั้น”เหม่ยหลินเล่าพลางส่งสายตาอ้อนวอนไปทางบิดา แม้มันจะไม่เห็นนางเป็นบุตรสาวแต่มันก็น่าจะเข้าข้างไป๋จูเหวินอยู่บ้าง
“เจ้าผลักอย่างไรบุตรชายของข้าถึงขั้นกระอักเลือดเลยเชียวนะ”อาวุโสเฟยเฟิ่งว่า ทำเอาหลินหลินที่อยู่ด้านหลังเอียงคออย่างสงสัย เลือด? ที่กระอักออกมาวันนั้นมันมีแต่ของเก่าไม่ใช่หรืออย่างไร
“หวงหลง ชายคนนี้ทำร้ายบุตรชายของข้า และยังต่อต้านข้าที่เป็นอาวุโสอันดับ 2 อีกต่างหาก เรื่องนี้หากเจ้าจัดการได้ไม่ดีอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”เฟิงหยางพูดด้วยท่าทีดุดัน แน่นอนว่ามันยังจำความแค้นก่อนหน้านี้ได้
“ในเมื่อบุตรชายของเจ้าโจมตีไป๋จูเหวิน มันจึงตอบโต้กลับ แล้วมันผิดตรงไหนงั้นหรือ”หวงหลงถามด้วยท่าทีเย็นชา ทำเอาเฟิงหยางนิ่งค้างไป มันไม่นึกว่าหวงหลงจะเข้าข้างเด็กจากหน่วย 7 ผู้ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ามากกว่าอาวุโสอย่างมัน
“นี่เจ้าเข้าข้างมันมากกว่าอาวุโสอย่างข้างั้นเหรอ”เฟิงหยางคำราม ตัวมันรับตำแหน่งต่อจากบิดา อยู่ในตำแหน่งที่คนนับหน้าถือตามาตลอด ยามมีเรื่องกับคนในสำนักย่อมมีอำนาจเหนือกว่า
“ข้าไม่ได้เข้าข้างใคร แต่ในเมื่อบุตรชายเจ้าผิดก็ให้มันรับโทษไป อย่าว่าแต่ผลักกลับเลย ความผิดโทษฐานโจมตีพวกเดียวกันคือโบย 100 ไม้และขับไล่ออกจากสำนัก ข้าเห็นว่ามันเป็นบุตรชายเจ้าเลยจะเว้นโทษไล่ออกจากสำนักให้”หวงหลงว่าพลางจ้องมองเฟิงหยางด้วยท่าทีดุดัน อาวุโสทั้ง 10 ของกลุ่มนักล่าอสูรยามนี้ รวมทั้งเหล่าหัวหน้าและรองหัวหน้าเองต่างก็เป็นคนรับตำแหน่งต่อจากบิดาทั้งสิ้น เนื่องจากหัวหน้าคนก่อนบิดาของหวงหลงจากไปอย่างกะทันหัน ทำให้อำนาจของกลุ่มนักล่าอสูรตกต่ำอย่างมาก แม้แต่เหล่าอาวุโสในตอนนี้ก็มีคนมีฝีมือจริงๆไม่มาก
“แล้วก็อีกอย่าง”หวงหลงว่าพลางลุกขึ้นจากบัลลังก์
“ยามนี้ไป๋จูเหวินคือศิษย์ของข้า กลับไปบอกบุตรชายของเจ้ายามที่เจ้าโบยหลังมัน 100 ครั้งด้วยว่าอย่าบังอาจเสียมารยาทกับศิษย์ของข้าอีก”หวงหลงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำเอาเหล่าอาวุโสต่างพากันหันหน้ามองกันอย่างเลิกลัก แต่เดิมไป๋จูเหวินได้เข้ามาอยู่ในวังมังกรก็ทำเอาผู้คนคาดเดาไปต่างๆนาๆ แต่หวงหลงก็ไม่เคยประกาศอย่างเป็นทางการเสียทีพวกมันเลยยังสรุปคำตอบไม่ได้ แต่ยามนี้หวงหลงประกาศออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ไม่จำเป็นต้องคาดเดาอะไรอีกต่อไป
“ศิษย์ของเจ้า…”เฟิงหยางชะงักค้างไป ศิษย์ของหวงหลงงั้นเหรอ นั่นไม่เท่ากับว่าหวงหลงตั้งใจจะยกตำแหน่งหัวหน้าให้ไอ้เด็กคนนี้หรืออย่างไร
“เรื่องนั้นเหล่าอาวุโสเห็นชอบแล้วหรือยัง ข้าซึ่งเป็นอาวุโส 2 ไม่ทราบเรื่องนี้เลย หรือเจ้าจะแต้งตั้งกันโดยไม่สนว่าอาวุโสคนอื่นๆจะคิดอย่างไร”อาวุโสเฟิงหยางพูดด้วยท่าทียิ่งใหญ่คับฟ้าเป็นอย่างมาก ราวกับตนเองกำลังทำตัวเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนหัวหน้ากลุ่มอย่างหวงหลงอยู่เลย
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะรับไป๋จูเหวินเป็นศิษย์ของหัวหน้ากลุ่ม มีใครเห็นด้วยบ้าง”หวงหลงถามด้วยท่าทีสบายๆไม่โกรธสิ่งที่เฟิงหยางพูดออกมาเลยแม้แต่น้อย เรื่องที่เฟิงหยางไม่พอใจมันที่ไม่ยอมยกบุตรสาวให้มันทราบอยู่แล้ว แต่มันจะยอมให้อำนาจของกลุ่มนักล่าอสูรตกไปอยู่ในมือเด็กน้อยอย่างเฟิงเฟิ่งไม่ได้ เจ้านั่นไร้พรสวรรค์ไม่อาจแบกรับกลุ่มนักล่าอสูรได้หรอก
“ข้าเห็นด้วย”อาวุโส 7 พูดออกมาเป็นคนแรก ไป๋จูเหวินเป็นคนของหน่วยนางไม่มีใครแปลกใจที่นางจะเห็นด้วย และนางเองก็ได้เห็นเบื้องหลังของไป๋จูเหิวนมาบ้างแล้ว นางเชื่อว่าหากเป็นไป๋จูเหวินต้องสามารถแบกรับกลุ่มนักล่าอสูรได้แน่
“ข้ายอมรับ”อาวุโส 6 ว่าพลางยืนขึ้นจากเก้าอี้
“ทำไมเจ้าถึงเห็นด้วยกัน”อาวุโส 2 ว่าพลางขมวดคิ้ว มันนึกว่าจะมีแค่อาวุโส 7 เท่านั้นที่เห็นด้วยเสียอีก
“ท่านน้าหงเยว่เลือกที่จะเป็นอสูรเลี้ยงของมันทั้งๆที่คนทั้งหน่วย 6 ไม่สามารถทำได้ ข้าจึงเชื่อว่ามันเหมาะสมแล้ว”อาวุโส 6 ตอบด้วยท่าทีแน่วแน่ เรื่องนี้ตัวมันแปลกใจและชื่นชมไป๋จูเหวินมาตลอด
“ข้าเองก็ยอมรับ”อาวุโสที่ 10 พูดด้วยท่าทีสบายๆ แม้มันจะเป็นพ่อค้าแต่ตัวมันที่เป็นผู้อาวุโสกลับมีพลังวิญญาณแข็งแกร่งไม่แพ้คนอื่นๆ หากนับเรื่องคุณประโยชน์ต่อกลุ่มแล้วมันถือเป็นหนึ่งในคนที่ทำประโยชน์อย่างมากให้แก่กลุ่มเลยก็ว่าได้
“แม้แต่เจ้า….”อาวุโส 2 เบิกตากว้าง ช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่มันไม่อยู่เกิดอะไรขึ้น ทำไมไป๋จูเหวินถึงมีเหล่าอาวุโสเชื่อใจมากถึงเพียงนี้
“อาวุโส 2 ท่านทราบปัญหาแก่นอสูรล้นคลังของเราหรือไม่”อาวุโส 10 ถามด้วยท่าทีนิ่งเรียบ เพราะกลุ่มนักล่าอสูรล่าอสูรเป็นจำนวนมาก ทำให้แก่นอสูรที่มีมันเกินความต้องการไปหลายเท่า สุดท้ายราคาที่ขายแก่นอสูรได้ก็ตกฮวบจนหน่วย 10 ขานทุดไปไม่น้อย
“คุณชายไป๋ท่านนี้เป็นผู้ช่วยเหลือพวกเราในครั้งนั้น แถมยังเป็นผู้ทำตามคำขอของอาวุโสเทียนหมิงได้อีกต่างหาก”ได้ยินอาวุโส 10 พูดเช่นนั้นอาวุโส 2 ก็ยิ่งประหลาดใจ คำขอของอาวุโสเทียนหมิงคือการตามหาหินวิญญาณธาตุสายฟ้าบริสุทธิ์ ซึ่งจะต้องเข้าไปเสี่ยงชีวิตตามหาในเขตอสูรเท่านั้น แน่นอนว่าในกลุ่มนักล่าอสูรคงจะมีแต่หวงหลงและอสูรทั้ง 4 ของมันเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ แต่ถึงอย่างนั้นการหาหินวิญญาณธาตุบริสุทธิ์ก็จำเป็นต้องอาศัยดวงอย่างมากอยู่ดี
“ท่าทางการเงินของคุณชายไป๋จะไม่มีปัญหา แถมยังเคยลักพาตัวคุณหนูเหม่ยหลินออกจากเมืองของเราได้ ตัวข้าเห็นว่ามันมีความสามารถมากทีเดียว”อาวุโสของหน่วย 8 ว่าพลางยิ้มออกมา ตัวมันเป็นหน่วยที่เน้นไปที่การลักลอบเข้าเขตอสูรหรือรังของอสูร หน้าที่หลักๆคือการขโมยไข่หรือของมีค่ามาจากรังของอสูรนั้นๆ การที่ไป๋จูเหวินสามารถลักลอบออกจากเมืองได้ทั้งๆที่มีหน่วยเฝ้าระวังมากมายทำให้มันชื่นชมมากกว่าอยากต่อว่าเสียอีก
“ข้าเองก็ไม่นึกว่าจะมีใครหนีจากหน่วยตรวจตราของเราได้”อาวุโส 9 ว่าพลางถอนหายใจออกมา มันคือผู้รับผิดชอบความปลอดภัยของเมือง คราวที่ไป๋จูเหวินแอบพาตัวคุณหนูเหม่ยหลินออกไปทำเอามันเกือบโดนหัวหน้าฆ่าทิ้ง แต่ไม่ทราบทำไมอยู่ๆหัวหน้าก็เอ็นดูไป๋จูเหวินขึ้นมา แถมยังจะยกตำแหน่งศิษย์ของหัวหน้าให้มันอีกต่างหาก
“ท่าทางหน่วยอื่นๆจะเห็นด้วยกันหมดนะ แต่พวกเราเหล่าหน่วยล่าคงต้องขอดูความสามารถด้านการต่อสู้ของมันก่อน”อาวุโส 1 ว่าพลางมองเหล่าอาวุโสคนอื่นๆที่พากันเห็นด้วย พวกมันต่างเป็นหน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการล่า แต่ได้ชื่อว่าหน่วยนีกล่าอสูรแล้ว หัวหน้ากลุ่มจำเป็นต้องสามารถจัดการอสูรได้ด้วยหากฝีมือไม่พอก็คงยอมให้เป็นศิษย์ของหัวหน้ากลุ่มไม่ได้
“ท่านอาวุโส 1 พูดถูกต้อง พวกเราทั้ง 5 หน่วยล่าขอดูฝีมือของคุณชายไป๋ก่อนถึงจะตัดสินใจ”อาวุโส 3 พยักหน้ารับความคิดเห็นของอาวุโส 1
“อาวุโส 1 อาวุโส 3 พูดได้ถูกต้อง หากมันอยากจะเป็นศิษย์ของหัวหน้ากลุ่มมันจะต้องแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์”อาวุโส 2 เห็นเหล่าอาวุโสหน่วยล่าต่างพากันคิดเช่นนั้นก็รีบเติมน้ำมันเข้ากองเพลิงทันที
“ได้”หวงหลงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ตัวมันและอาวุโส 7 ได้เห็นฝีมือของไป๋จูเหวินแล้ว มันไม่คิดว่าจะมีใครข้องใจเสียด้วยซ้ำ ดีเสียอีกไป๋จูเหวินจะได้แสดงฝีมือให้ทุกคนได้เห็น
“อาวุโส 2 ไหนๆท่านก็ของใจในตัวมันแล้ว ทำไมท่านไม่ทดสอบมันด้วยตนเองเลยล่ะ”หวงหลงว่าพลางยิ้มออกมา มันทราบฝีมือของอาวุโส 2 ดี หากประลองกับไป๋จูเหวินมันไม่อาจจะเอาชนะได้อย่างง่ายดายแน่นอน และด้วยฝีมือที่สามารถรับมืออาวุโส 2 ได้ทั้งๆที่ยังอยู่แค่ระดับชำระกระดูกต้องทำให้พวกอาวุโสคนอื่นๆยอมรับอย่างแน่นอน