ตอนที่ 141 อาวุโสแห่งยุคตกต่ำ

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 141

อาวุโสแห่งยุคตกต่ำ

 

ไป๋จูเหวินเดินออกมาด้านหน้าอาวุโส 2 ตามที่หวงหลงสั่ง แม้มันจะรู้สึกประหลาดใจที่อยู่ๆก็โดนสั่งให้รับการทดสอบเป็นศิษย์ของหวงหลงเสียอย่างนั้น

“ถ้าเจ้ารับมืออาวุโส 2 ได้นาน 10 นาทีพวกเราก็จะยอมรับเจ้า”อาวุโส 1 ว่าพลางกอดอกมองไป๋จูเหวินอย่างพิจารณา หากนับเรื่องพลังวิญญาณมันอยู่ระดับชำระกระดูก แน่นอนว่ามันมีความสามารถโดดเด่นอย่างมาก อาจจะเป็น 1 เด็กรุ่นใหม่ที่มีพัฒนาการดีเยี่ยมที่สุดเลยก็ว่าได้ แถมตัวมันยังมีพลังอสูรที่ไม่ธรรมดา แม้เห่ล่าอาวุโสจะไม่ทราบว่าพลังอสูรของมันอยู่ระดับใดเพราะแก่นอสูรของพวกมันเป็นระดับต่ำ แต่พลังอสูรที่ไป๋จูเหวินมีนั้นมากกว่าพวกอาวุโสที่นั่งกันอยู่ตรงนี้แน่นอน

“เจ้าเด็กนี่นะหรือจะทนรับมือข้าได้เกิน 10 นาที”อาวุโส 2 ว่าพลางนำอาวุธของมันออกมา คราวก่อนตัวมันเสียพลังไปมากจากการล่าอสูร ทำให้ไป๋จูเหวินสามารถทำให้มันอับอายได้ แต่ยามนี้อาวุโส 2 เฟยหยางที่ในมือมีหอกอินทรีเงินนั้นนับเป็นบุคคลที่ร้ายกาจคนหนึ่งของกลุ่มนักล่าอสูรเลยก็ว่าได้

“ถ้าเช่นนั้นก็เริ่มได้”หวงหลงว่าพลางกลับไปนั่งที่บัลลังก์ของมันด้วยท่าทีสบายใจ

ฟุบ! ร่างของอาวุโส 2 ราวกับมีสายลมพัดพาร่างของมันไปยังเบื่องหน้าไป๋จูเหวิน มันเร็วราวกับนกที่บินอยู่กลางนภาเลยทีเดียว

เคร๊ง! หอกของอาวุโสที่ 2 แทงใส่ร่างของไป๋จูเหวิน แต่เพียงฝ่ามือของมันก็สามารถรับคมหอกได้อย่างง่ายดาย แทบจะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนให้ผิวหนังภายนอกแข็งเหมือนเกราะของมารดามันเลยเสียด้วยซ้ำ

เคร๊งๆ ๆ ๆ อาวุโส 2 แทงบนล่างซ้ายขวาเป็นจังหวะ ทำให้เสียงที่ดังออกมาทั้งนิ่งและไม่ขาดตอน วิชาหอกของอาวุโส 2 นับว่าเร็ว แต่ก็ไม่ได้เร็วมาก ด้วยดวงตาสีแดงของไป๋จูเหวินนั้นการมองกระบวนท่าหอกเช่นนี้นับว่าง่ายดายมาก

วูบบบ อาวุโส 2 กวาดหอกผ่านขาของไป๋จูเหวินทำให้ไป๋จูเหวินยกขาขึ้นมาข้างหนึ่ง ในจังหวะนั้นอาวุโส 2 ถือโอกาสพุ่งสวนเข้าไปใช้ฝ่ามือเข้าปะทะ แต่ไป๋จูเหวินกลับไม่ได้รีบเอาขาลงอย่างที่อาวุโส 2 คาดคิด มันกลับเตะขามาก้านหน้ายันร่างของอาวุโส 2 เอาไว้จนเข้าถึงตัวไม่ได้

ฟุบ..!! ฝ่ามือของไป๋จูเหวินพุ่งเข้าใส่อกของอาวุโส 2 ด้วยความเร็วเกือบจะเทียบเท่าฝ่ามือประกายอัสนี แต่ถึงอย่างนั้นมันก็แค่ปล่อยฝ่ามือธรรมดาเท่านั้น

ผลัก! ฝ่ามือของไป๋จูเหวินกระแทกหน่าอกของอาวุโส 2 แต่เพราะพลังวิญญาณห่างกันหลายขั้นฝ่ามือของไป๋จูเหวินจึงทำได้แค่เพียงผลักอาวุโส 2 ออกไปไม่ถึงครึ่งก้าวเท่านั้น

ทางด้านอาวุโส 2 เมื่อเห็นตนเองโดนฝ่ามือก็รู้สึกเสียหน้าอย่างมาก มันจับหอกของตนวนกลับมาหมายตะโจมตีซ้ำไปที่ไป๋จูเหวิน แต่ดวงตาของไป๋จูเหวินก็สามารถมองการเคลื่อนไหวชองอาวุโส 2 ได้อย่างง่ายดาย

วูบ…. วูบ… ผ่านไป 5 นาทีกระบวนท่าของอาวุโส 2 ก็เริ่มโจมตีไม่โดนไป๋จูเหวินเสียแล้ว ดวงตาของไป๋จูเหวินยามนี้กลับไปปิดสนิทเพราะมันไม่จำเป็นต้องใช้ดวงตาสีแดงอีกแล้ว ยามนี้กระบวนท่าของอาวุโส 2 ราวกับหมดสิ้นแล้ว ไป๋จูเหวินเห็นมันขยับร่างก็ทราบแล้วว่าอีกฝ่ายจะโจมตีมาอย่างไร นับเป็นการใช้วิชาที่ตายตัวจริงๆ

วูบบ….วูบ….. แม้จะพยายามแร่งความเร็ว แต่อาวุโส 2 ก็ไม่สามารถทำร้ายไป๋จูเหวินได้เลย หากไม่นับเรื่องพลังวิญญาณมากกว่า อาวุโส 2 ก็แทบจะไม่มีอะไรเหนือกว่าไป๋จูเหวินเลย กระบวนท่าของมันถือเป็นกระบวนท่าหอกระดับกลางๆเท่านั้น เทียบหับหยุนฟางและเฟยหลงที่มันเคยสู้มาก่อนหน้านี้ อาวุโส 2 เทียบพวกมันไม่ติดเสียด้วยซ้ำ

เปรี้ยง! ไป๋จูเหวินฟาดฝ่ามือใส่ร่างของอาวุโส 2 ทีหนึ่ง มันไม่อาจหลบฝ่ามือของไป๋จูเหวินได้เลย ทำเอาไป่จูเหวินยามนี้รู้สึกเหนื่อยและประหลาดใจอยู่มาก นี่คืออาวุโส 2 อย่างนั้นหรือ เหตุใดวิชาของมันถึงอ่อนด้อยถึงเพียงนี้ แม้จะใช้กับอสูรได้แต่ใช้กับมนุษย์ไม่ได้อย่างแน่นอน

ตูม…ตูม…. อาวุโส 2 เห็นไป๋จูเหวินหลบการโจมตีของมันได้อย่างง่ายดายทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ ทำเอามันโมโหเลือดขึ้นหน้ามันเร่งเร้าพลังเซียนขึ้นมาหมายจะโจมตีไป๋จูเหวินให้โดน แต่ไร้ผล แม้ความเร็วจะเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย แต่ไป๋จูเหวินก็สามารถต่อกรได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

“ท่านอาวุโส 7 ครบ 10 นาทีหรือยัง”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปทางอาวุโส 7

“อีก 30 วินาที”อาวุโส 7 ตอบด้วยท่าทียิ้มแย้ม

“เช่นนั้นก็”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองเหล่าอาวุโส 1 3 4 และ 5 อย่างพิจารณา มันทั้งหมดมีท่าทีประหลาดใจและชื่นชมที่ไป๋จูเหวินสามารถหลบการโจมตีของอาวุโส 2 ได้จนหมด แต่ดูเหมือนพวกมันจะยังข้องใจในฝีมือของไป๋จูเหวินอยู่ เพราะหากสู้กับอสูรระดับสูง ฝ่ามือเบาๆของไป๋จูเหวินคงล้มอสูรไม่ได้แน่ๆ

ตูม!! ไป๋จูเหวินใช้ฝ่ามือเพลิงพิโรธออกไปโดยเล็งที่หอกของอาวุโส 2 ความจริงด้วยพลังวิญญาณของมันควรจะรับได้ไม่ยาก แต่อาจจะเพราะมันเสียแรงในการไล่โจมตีไป๋จูเหวินไปมาก หรืออาจจะเพราะมันประมาทเกินไป ฝ่ามือของไป๋จูเหวินจึงกระแทกหอกของมันอย่างจังทำเอาหอกถอยกระแทกตัวคนเล่นเอาอาวุโส 2 ล้มลงไปทั้งๆแบบนั้น

“หมดเวลา”หวงหลงพูดพลางมองอาวุโส 2 ด้วยท่าทีเย็นชา มันจงใจหยุดการประลองก่อนเวลาครู่หนึ่งเพื่อให้อาวุโสคนอื่นๆได้เห็นว่าไป๋จูเหวินสามารถโจมตีใส่อาวุโส 2 ได้อย่างหนักหน่วงเช่นนี้ แม้ตัวมันจะทราบดีว่าไป๋จูเหวินยังมีกระบวนท่าที่รุนแรงกว่านี้ แต่หากมันใช้ออกมาคงทำให้อาวุโส 2 บาดเจ็บสาหัสแน่นอน

“เท่านี้พวกเจ้าก็น่าจะทราบแล้วว่าทำไมข้าถึงเลือกมันมาเป็นศิษย์ของข้า”หวงหลงว่าพลางมองไปทางอาวุโส 1 และ 2 พวกมัน 2 คนมีสีหน้าต่างกันอย่างสิ้นเชิง หนึ่งยอมรับและเห็นด้วย อีกหนึ่งกลับรู้สึกแค้นใจปนอับอายที่ถูกเด็กรุ่นใหม่ดูถูกถึงขนาดนี้

“พวกเราเห็นด้วยที่จะให้ไป๋จูเหวินเป็นศิษย์ของหัวหน้ากลุ่ม”เหล่าอาวุโส 1 3 4 5 ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ไป๋จูเหวินแสดงความต่างชั้นให้พวกมันเห็นอย่างชัดเจน แม้กำลังของไป๋จูเหวินยามนี้จะยังไม่พอ่ใช้เล่นงานอาวุโส 2 แต่อาวุโส 2 ก็สิ้นท่าที่โดนไป๋จูเหวินอ่านกระบวนท่าออกจนหมดจดเช่นกัน

“แล้วท่านล่ะ อาวุโส 2”หวงหลงจงใจถามไปยังอาวุโส 2 ด้วยท่าทีเหน็บแนม ทำเอาอาวุโส 2 กัดฟันแน่นไม่ยอมตอบอะไร มันเพียงหันหลังและเดินจากไปเสียเฉยๆเท่านั้น

“อาวุโสทั้ง 9 คนเห็นด้วยหมด ก็ถือว่าเรื่องของไป๋จูเหวินเป็นที่ยอมรับแล้วขอรับ”รองหัวหน้าด้านขวาพูดพลางยิ้มกว้าง

“นับแต่นี้ไปเจ้าคือศิษย์ของหัวหน้ากลุ่ม ยินดีด้วย”รองหัวหน้าด้านซ้ายว่าพลางยิ้มรับไป๋จูเหวินเช่นกัน

“ไป๋จูเหวิน เรื่องรับเจ้าเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการเอาไว้ครั้งหน้า คืนนี้ให้เจ้ามาหาข้าที่ห้องทำงานด้วย ส่วนเหม่ยหลิน เจ้าไปหาจูเชวี่ย ข้าฝากตารางฝึกของเจ้าเอาไว้ให้แล้ว”หวงหลงพูดจบก็เริ่มนำเรื่องอื่นออกมาปรึกษากับเหล่าอาวุโสต่อไป ทำให้ไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินต่างมองหน้ากันพลางพากันเดินออกมาจากห้องประชุม สุดท้ายไป๋จูเหวินก็ต้องแยกกับเหม่ยหลินจนได้ แม้เหม่ยหลินจะมีท่าทีไม่อยากจากกันสักเท่าไหร่ แต่พอจูเชวี่ยเดินมารับด้วยตัวเองนางก็ต้องยอมไปแต่โดยดี

จนกระทั่งเข้ายามค่ำ ไป๋จูเหวินจึงเดินจากห้องพักของตนเองไปยังห้องทำงานของหวงหลงที่อยู่หลังห้องประชุมอีกทีหนึ่ง ภายในห้องทำงานของหวงหลงนั้นสะอาดสะอ้านราวกับมีคนใช้ทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา แต่บนโต๊ะของหวงหลงกลับมีหนังสือรายงานและผลการสำรวจมากมายวางเอาไว้ราวกับคนใช้ไม่ได้แตะต้องบนโต๊ะเลยเสียด้วยซ้ำ

“หัวหน้า ข้ามาแล้ว”ไป๋จูเหวินว่าพลางประสานมือต่อหน้าหวงหลง

“นั่งเถอะ”หวงหลงพูดโดยไม่ได้หันมามองไป๋จูเหวิน มันเพียงเขียนข้อความบนกระดาษรายงานอย่างเชื่องช้า

“เจ้าคิดว่าฝีมือของอาวุโส 2 เป็นเช่นไร”หวงหลงถามเสียงเรียบโดยไม่ต้องมองสีหน้าของไป๋จูเหวินเสียด้วยซ้ำ

“เก่งทีเดียวขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบเสียงเบา เห็นถึงความไม่จริงจังอย่างชัดเจน

“เจ้าไม่ต้องเกรงใจมันหรอก ข้าเองก็ไม่ชอบมันเหมือนกัน”หวงหลงว่าพลางวางพู่กันลง

“….วิชาที่อาวุโส 2 ใช้เป็นวิชาที่อ่านทางได้ง่ายมากขอรับ ไม่มีการพลิกแพลงเลยแม้แต่น้อย ต่อให้มันมีพลังเหนือกว่านี้ก็คงทำอะไรข้าไม่ได้”ไป๋จูเหวินบอกออกไปตามตรง แม้กำลังจะเหนือกว่าความเร็วจะมากกว่า แต่หากโจมตีไม่โดนก็จบ

“ถูกอย่างที่เจ้าพูดมา เพียงแต่ฝีมือระดับนี้ไม่ใช่เฉพาะอาวุโส 2 เท่านั้นหรอกนะ”หวงหลงว่าพลางเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีเหนื่อยๆ

“เหล่าอาวุโส แม้แต่รองหัวหน้าต่างก็ไม่มีวิชาดีๆติดตัวเลย วิชาหอกของอาวุโส 2 ที่เจ้าเห็นในวันนี้ถือเป็นวิชาต่อสู้อันดับ 3 ของกลุ่มนักล่าอสูรในยามนี้แล้ว”หวงหลงพูดด้วยท่าทีหมองหม่น นี่เป็นครั้งแรกเลยกระมังที่หวงหลงแสดงท่าทีอ่อนแอออกมาให้เห็น

“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ล่ะขอรับ เท่าที่ข้าทราบมากลุ่มนักล่าอสูรมีวิชาทวนมังกรและกระบี่ดาวตกเป็นวิชาเด่นมิใช่หรือขอรับ”ไป๋จูเหวินถามด้วยท่าทีสงสัย ในงานชุมนุมก่อนหน้านี้เพราะไป๋จูเหวินไม่ได้ใช้ 2 วิชานี้ทั้งๆที่เป็นตัวแทนของกลุ่มนักล่าอสูร ทำให้เหล่ายอดฝีมือต่างพากันตั้งคำถามว่าหากไป๋จูเหวินใช้วิชาของกลุ่มนักล่าอสูรจะเป็นเช่นไร

“วิชาพวกนั้นหายสาบสูญไปกับหัวหน้ากลุ่มรุ่นก่อนแล้ว”หวงหลงตอบเสียงเบา หัวหน้ากลุ่มรุ่นก่อนก็คือบิดาของมันนั่นเอง

“ไป๋จูเหวิน เจ้าทราบเรื่องที่ข้าทำกับเหม่ยหลินใช่หรือไม่”หวงหลงถามพลางมองดวงตาที่ปิดสนิทของไป๋จูเหวินนิ่ง

“ขอรับ ข้าทราบ”เรื่องของเหม่ยหลินรู้ถึงหูกลุ่มนักล่าอสูรเกือบหมด แม้แต่กลุ่มผู้ฝึกอสูรก็ทราบเรื่องนี้ เรียกได้ว่าไป๋จูเหวินที่คลุกคลีอยู่กับกลุ่มนักล่าอสูรไม่มีทางไม่ทราบเรื่องก็ว่าได้

“ที่ข้าทำเช่นนั้น เพราะไม่อยากให้นางเป็นเช่นข้า”หวงหลงพูดด้วยท่าทีจริงจัง มันไม่มีวี่แววว่าจะโกหกเลยแม้แต่น้อย

“สมัยที่พ่อของข้าเป็นหัวหน้ากลุ่ม พวกเรากลุ่มนักล่าอสูรยามนั้นโด่งดังเสียยิ่งกว่าเฒ่าประทับสวรรค์ในยามนี้เสียอีก บิดาของข้า รองหัวหน้าซ้ายขวาต่างอยู่ในระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 อาวุโสต่างอยู่ในระดับเทียนเซียนด้วยกันทั้งหมด แม้แต่รองอาวุโสก็ยังมีหลายคนที่อยู่ระดับเทียนเซียนหรือเกือบจะเข้าสู่ระดับเทียนเซียน ในยามนั้นกองกำลังของพวกเราแข็งแกร่งอย่างมาก”หวงหลงเล่าเรื่องในอดีตออกมา

“จนกระทั่งวันหนึ่ง พ่อของข้าได้พาเหล่ารองหัวหน้าและเหล่าอาวุโสเดินทางไปยังเขตอสูรแห่งหนึ่ง มันมีชื่อว่าเขตอสูรสวนเบญจมาศ พวกท่านไปบุกเขตอสูรตามปกติ แถมราชาของเขตนั้นยังมีแค่ตนเดียว มันสมควรจะเป็นการโจมตีง่ายๆเสียด้วยซ้ำ แต่พวกท่านก็ไม่ได้กลับมา”หวงหลงพูดด้วยท่าทีหดหู่ลงมากกว่าเดิม เรื่องการหายตัวไปของบิดานับเป็นเรื่องสะเทือนจิตใจของหวงหลงไม่น้อย

“ตัวข้าในตอนนั้นพึ่งจะอยู่ระดับก่อกำเนิดพลังเซียน และเหล่าทายาทของเหล่าอาวุโสก็มีพลังไม่ต่างกัน แถมวิชาส่วนใหญ่ของสำนักยังหายไปกับอดีตหัวหน้ากลุ่ม ทำให้ในสำนักของเราวิชาที่เหลือก็มีแค่เคล็ดวิชาร่างสถิตมังกรที่ข้าให้เจ้าไปเท่านั้น ต้องถือว่าโขคดีอย่างมากที่ท่านพ่อทิ้งอสูรทั้ง 4 ของท่านเอาไว้ดูแลเมือง ไม่อย่างนั้นกลุ่มนักล่าอสูรคงได้พังทลายก่อนจะมาถึงมือข้าเสียอีก”หวงหลงว่าพลางลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ มันเดินไปที่มุมห้องพลางหยิบกาน้ำชาออกมารินชาลงใส่แก้วอย่างช้าๆ

“ส่วนตัวข้านั้นโชคร้ายที่ไม่มีพรสวรรค์เช่นท่านพ่อหรือพี่ถัง ตัวข้านั้นไม่มีความสามารถพอที่จะไปถึงระดับเทียนเซียนขั้น 10 อย่างแน่นอน”หวงหลงพูดจบก็เดินถือถ้วยชา 2 ถ้วยกลับมาที่โต๊ะ มันวางถ้วยชาถ้วยหนึ่งให้ไป๋จูเหวินพลางจิบชาในมือของมันเอง

“ท่านก็เลยสร้างยอดฝีมือขึ้นมาด้วยตนเองหรือขอรับ”ไป๋จูเหวินถามออกไปด้วยความสงสัย

“ถูกแล้ว… ข้าไม่อาจนำพากลุ่มนักล่าอสูรกลับไปยิ่งใหญ่ได้เช่นเดิม ข้าจึงต้องหาผู้สืบทอดที่มีพลังฝีมือและความสามารถเพียงพอที่จะนำกลุ่มนักล่าอสูรกลับไปเป็นขั้วอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรได้ แต่ข้าไม่อาจระให้สวรรค์ประทานยอดฝีมือมาให้ข้าได้ ข้าจึงลงมือสร้างยอดฝีมือขึ้นมาเอง”หวงหลงตอบด้วยท่าทีนิ่งเรียบ

“เรื่องที่ข้าทำกับเหม่ยหลิน ข้ารู่ดีว่ามันผิดแต่ข้าก็ต้องทำไม่อย่างนั้นกลุ่มนักล่าอสูรในยามนี้คงไปรอดได้อีกไม่นาน”ได้ยินหวงหลงพูดแบบนั้นไป๋จูเหวินก็แอบเห็นด้วยอยู่หลายส่วน หากอาวุโส 2 ที่มันได้เจอในวันนี้เก่งกาจเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มนักล่าอสูรละก็ กลุ่มนักล่าอสูรก็กำลังแย่อย่างที่หวงหลงบอกจริงๆ ยามนี้กลุ่มนักล่าอสูรเหมือนกำลังกินบุญเก่าเท่านั้น หากบุญที่ว่าหมดลงกลุ่มนักล่าอสูรคงตกลงเป็นเพียงกลุ่มชั้นกลางเท่านั้น ในฐานะหัวหน้าแล้วหวงหลงต้องทำอะไรสักอย่าง แต่หวงหลงเองก็ไม่มีความสามารถมากพอ เรียกได้ว่าหากงานชุมนุมก่อนหน้านี้เป็นการประลองของยอดฝีมือด้วยกัน หวงหลงคงไม่สามารถเอาชนะเหล่ายอดฝีมือได้อย่างแน่นอน นั่นทำให้มันจนตรอกและใช้วิธีผิดๆสร้างยอดฝีมือที่กลุ่มนักล่าอสูรจะสามารถพึ่งพิงได้ขึ้นมา ในฐานะพ่อมันอาจจะเป็นพ่อที่แย่มาก แต่ในฐานะหัวหน้ามันก็พยายามอย่างหนักเพื่อจะรักษากลุ่มเอาไว้ นี่เองที่เป็นเหตุผลว่าทำไมไม่มีใครออกมาต่อว่าหวงหลงเรื่องของเหม่ยหลินเลย