กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 521
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด เมื่อเห็นความแน่วแน่ในดวงตาที่สะอาดและบริสุทธิ์ของเขา หัวใจของกู้ชูหน่วนก็ทรุดลง
“เจ้าฆ่าผู้อื่นโดยอาศัยความรู้สึกของตัวเองอย่างนั้นหรือ?”
“การฆ่าใครไม่ได้อาศัยอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองหรอกหรือ?”
“อาม่อ ข้าไม่ชอบที่เจ้าฆ่าคนตามใจชอบเช่นนี้เลย ข้าไม่ใช่พระแม่มารีอะไร แต่ข้าไม่ชอบที่ชีวิตของคนอื่นสำหรับเจ้าแล้วต่ำต้อยด้อยค่าราวกับมดตัวหนึ่งเช่นนี้”
“พระแม่มารีคืออะไรหรือ? เขาเป็นใคร?”
มุมปากของกู้ชูหน่วนกระตุก “ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ชอบที่เจ้าคิดฆ่าคนอื่นตามใจชอบเช่นนี้”
“นี่เป็นเหตุผลที่ท่านทำตัวเย็นชากับข้ามาโดยตลอดหรือ?” การแสดงออกของจอมมารช่างไร้เดียงสาและบริสุทธิ์อย่างมาก แต่คำพูดที่พูดออกมานั้นช่างน่าสะกดใจอย่างมาก
กู้ชูหน่วนหันหน้าหนีและมองไปยังเชิงเขาสลับซับซ้อน
เป็นเวลานานนางถึงจะสูดหายใจเข้าเต็มปอด “คงเป็นเช่นนั้นกระมัง เจ้ารู้หรือไม่ว่าลูกน้องของเจ้ามีความทุกข์ทรมานมากเพียงใด? ในฐานะที่เป็นจอมมาร เจ้าก็ควรจะกำกับดูแลพวกเขา มีคนตั้งเท่าไรที่ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถในเงื้อมมือของเจ้าและผู้นำกองธงทั้งสิบสองคน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เจ้าก็มีส่วนต้องรับผิดชอบด้วย”
“เดิมทีเผ่าปีศาจก็เป็นสถานที่สำหรับผู้แข็งแกร่ง คนเหล่านั้นที่ต้องตายอย่างน่าอนาถในเงื้อมมือของผู้นำกองธงทั้งสิบสองคน ก็เป็นเพราะพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ”
“……”
“หากเขาไม่อยากตาย เช่นนั้นพวกเขาก็ควรคิดหาวิธีทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น มีใครบ้างที่ไม่เคยอยู่ในจุดที่อ่อนแอที่สุดแล้วเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด” จอมมารมองไปที่เชิงเขาด้วยดวงตาที่มืดมน ราวกับเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจ
อากาศดูเหมือนจะไม่สดชื่นเหมือนก่อนหน้านี้ แต่กลับมีความหนักแน่นมากขึ้น
กู้ชูหน่วนอดไม่ได้ที่จะสังเกตมองเขา
แม้ว่าเขาจะผอมเพรียว แต่เขาก็ไม่ได้ดูกำยำหนักแน่นเท่าไร แต่กลับดูอ่อนแอเล็กน้อย
ในสถานที่อย่างเผ่าปีศาจที่ราวกับสถานที่ของเหล่าสัตว์ดุร้ายอย่างเสือ สิง กระทิง แรดอาศัยอยู่รวมกันนี้ การที่ซือม่อเฟยต้องการเป็นที่โดดเด่นและได้เป็นผู้นำของเผ่าเช่นนี้ หนึ่งในเรื่องราวความโศกเศร้าที่เขาต้องเจอก็คงเป็นเรื่องยากที่คนธรรมดาทั่วไปจะเข้าใจได้
“ท่านพี่หญิง ข้าจะพาท่านไปดูทุ่งดอกไม้ ข้าได้ปลูกดอกไม่เอาไว้หลากหลายชนิดมากเลยและตอนนี้ดอกไม้จำนวนมากก็เริ่มเบ่งบานออกดอกแล้ว สวยงามอย่างมากเลยทีเดียว”
“ได้……”
ทันทีที่ประโยคนั้นออกมา ทันใดนั้นก็มีเสียงกลองที่เชิงเขาดังขึ้น พร้อมกับเสียงการต่อสู้ที่ดังกึกก้อง
ผู้นำจำนวนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา “จอมมาร กองทัพใหญ่ของรัฐฉู่บุกมาถึงหุบเขาอวิ๋นฉีแล้ว และตอนนี้กำลังทำการสู้รบกับคนของเราอยู่ขอรับ”
ความอารมณ์ดีของซือม่อเฟยได้หายไปในพริบตาและรังสีการสังหารก็เข้ามาปกคลุมตัวเขา
“รัฐฉู่อีกแล้วหรือ ข้าไม่อยากสนใจพวกเขาและคอยหลบหลีกการปะทะ แต่พวกเขากลับบุกจู่โจมมาถึงหุบเขาอวิ๋นฉี และทำลายบรรยากาศความเพลิดเพลินที่ข้ากำลังจะพาท่านพี่หญิงไปชื่นชมทุ่งดอกไม้ ช่างน่ารังเกียจเสียจริง เปิดการใช้ค่ายกลอาคมและเคลื่อนย้ายกองกำลังทหารของเผ่าปีศาจทัพใหญ่ วันนี้ข้าจะสังหารกองทัพทหารของรัฐฉู่ให้ตายที่หุบเขาอวิ๋นฉีที่นี่ทั้งหมด”
“ขอรับ”
ทุกคนต่างพากันเช็ดเหงื่อ
รัฐฉู่ทำการบีบบังคับพวกเขาและไม่รู้ว่าฆ่าคนของเผ่าปีศาจไปแล้วตั้งเท่าไร
ผู้ถือธงจำนวนมากขอร้องให้เริ่มทำสงคราม แต่จอมมารก็ไม่สนใจและปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนั้น
แต่ครั้งนี้จอมมารโมโหหนักมาก เขาคิดว่าจอมมารจะรู้สึกเสียดายกับลูกน้องที่ตายจากไป
คิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่ทำให้จอมมารเดือดจัดขึ้นมา ก็เพียงเพราะรัฐฉู่รบกวนอารมณ์การชื่นชมทุ่งดอกไม้ของพวกเขา
กู้ชูหน่วนเดินกะเผลกไปข้างหน้าและตะโกนออกไปว่า “เดี๋ยวก่อน พวกเจ้าบอกว่ารัฐฉู่บุกมาถึงหุบเขาอวิ๋นฉีแล้ว? เช่นนั้นแล้วคนของรัฐฉู่มาด้วยกันทั้งหมดกี่คนล่ะ?”
“กองกำลังหลักของรัฐฉู่ต่างก็มาแล้ว คาดว่าประมาณแสนกว่าคน”
“แสนกว่าคน? เยอะเช่นนี้เลยหรือ? หากรัฐฉู่มีคนมากเช่นนี้จริง เช่นนั้นแล้วก็เป็นการยากที่จะปกป้องหุบเขาอวิ๋นฉีให้ไม่ได้รับผลกระทบ?”
หนึ่งในหัวหน้ากล่าวกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “แม่นางคงยังไม่รู้อะไร เดิมทีหุบเขาอวิ๋นฉีเคยเป็นสำนักงานใหญ่ของเผ่าปีศาจ ที่นี่มีค่ายกลอาคมโบราณทุกหนทุกแห่ง และเมื่อเปิดการใช้งานค่ายกลอาคม เช่นนั้นก็สามารถจัดการพวกเขาได้อย่างง่ายดาย และภูเขาที่นี่ก็สลับซับซ้อนและสูงชัน ง่ายต่อการป้องกัน ทำให้โจมตีเข้ามาได้ยาก อย่าว่าแต่พวกเขามีกันแสนกว่าคนเลย ต่อให้พวกเขามีทหารหลายแสนคนก็ไม่สามารถขึ้นมาที่นี่ได้”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว
อีกคนหนึ่งกล่าวว่า “เพียงแค่พวกเราตัดเชือกมรณะออก คนที่อยู่ข้างล่างหุบเขาก็ไม่มีทางขึ้นมาได้ อีกอย่างหุบเขาที่อยู่ล่างข้างล่างทั้งสองหุบเขานั้นเป็นหุบเขาแขวน หากพวกเราเปิดการใช้งานค่ายกลหุบเขาแขวน เช่นนั้นแล้วหุบเขาทั้งสองก็จะแยกตัวออกไปโดดเดี่ยว และกลายเป็นเถ้าถ่านที่ลอยไปในอากาศทันที และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนภูเขาจะหายไป”
กู้ชูหน่วนถอนหายใจ
นี่คือค่ายกลอาคมอะไรกัน เหตุใดถึงโหดเหี้ยมเช่นนี้
ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาไม่รู้สึกเกรงกลัวและประมาทเช่นนี้
“อาม่อ เจ้าคงไม่ได้คิดอยากให้พวกเขาต้องมาจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ ใช่หรือไม่”
นางเชื่อว่าสิ่งที่พวกเขาพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง
เพียงแต่พวกเขาต้องการให้เกิดขึ้น กองกำลังทหารของรัฐฉู่จำนวนแสนกว่าคนอาจต้องมาจบชีวิตลงที่นี่ทั้งหมด
จอมมารมองลงไปที่กลุ่มควันที่อยู่เชิงเขาข้างล่าง และมุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้มที่น่าเกรงกลัวออกมา
เมื่อเป็นรอยยิ้มนั้นของเขา ดูเหมือนว่ากู้ชูหน่วนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาได้เล็กน้อย
“อาม่อข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้าเป็นการส่วนตัวน่ะ”
จอมมารโบกมือขึ้นอย่างเกียจคร้านและทุกคนต่างเข้าใจและพากันถอยออกไป
กู้ชูหน่วนตะโกนออกมา “เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเปิดการใช้งานค่ายกลอาคมก่อน”
ทุกคนต่างมองไปที่กู้ชูหน่วน
หากไม่เปิดการใช้งานค่ายกลอาคม เช่นนั้นก็รอให้พวกเขาขึ้นมาฆ่าหรอกหรือ?
คนของรัฐฉู่มีเป็นจำนวนมาก แม้ว่าหุบเขาอวิ๋นฉีจะยากต่อการบุกโจมตี แต่พวกเขาจะต้องสูญเสียกองกำลังเป็นจำนวนมาก
และสิ่งสำคัญก็คือ คนของพวกเขายังต้องต่อสู้กับกองกำลังของรัฐฉู่อยู่ที่เชิงเขา
ทุกคนต่างมองไปที่จอมมาร และรอให้จอมมารตอบกลับ
จอมมารโบกมือขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทางที่ชัดเจน
ทุกคนทำได้เพียงถอยออกไปก่อน
“ท่านพี่หญิง ท่านต้องการพูดอะไรกับอาม่อหรือ? ต้องการกระซิบอะไรหรือ?”
“……”
นี่มันเวลาไหนแล้ว นางจะพูดกระซิบอะไรอีก?
“เหตุผลที่รัฐฉู่ต้องบุกโจมตีเผ่าปีศาจก็เป็นเพราะว่าผู้นำกองธงกล้วยไม้ได้ฆ่าสังหารลูกชายเพียงคนเดียวของจักรพรรดิรัฐฉู่ เจ้านำตัวของผู้นำกองธงกล้วยไม้และผู้นำกองธงโบตั๋นมอบให้กับพวกเขาไป เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็จะทำการถอยทัพออกไป”
“ผู้นำกองธงกล้วยไม้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ข้าส่งคนออกไปตามหาเบาะแสเป็นจำนวนมาก ก็หาไม่พบ ส่วนผู้นำกองธงโบตั๋นนั้น เขาได้ถูกคนของรัฐฉู่ฆ่าตายไปแล้ว”
“ฆ่าตายไปแล้ว?”
ผู้นำกองธงโบตั๋นมีวิทยายุทธสูงส่งเช่นนั้น รัฐฉู่สามารถฆ่าเขาได้
“ใช่ คนของผู้นำกองธงโบตั๋นถูกรัฐฉู่ฆ่าทำลายทิ้งทั้งหมด โดยไม่เหลือไว้แม้แต่คนเดียว แค้นนี้ข้ายังไม่คิดบัญชีกับพวกเขาเลย แต่พวกเขากลับบีบบังคับเข้ามาเช่นนี้และบุกมาทำลายเผ่าปีศาจซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาฆ่าคนของเผ่าปีศาจไป”
กู้ชูหน่วนรู้สึกหนักใจอย่างมาก
ถึงแม้ว่าซือม่อเฟยจะไม่ได้พูดออกมาชัดเจน แต่รังสีการสังหารของเขาได้แผ่ซ่านออกมา
เขาได้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะทำให้คนของรัฐฉู่ทั้งหมดต้องสังเวยชีวิตลงที่นี่
กู้ชูหน่วนมีความคิดที่กล้าหาญกว่านั้น
ซือม่อเฟยพานางมาที่เผ่าปีศาจที่หุบเขาอวิ๋นฉี แต่กลับไม่ได้พานางกลับไปที่สำนักงานใหญ่ เขา……คงจะคาดเดาได้ว่ารัฐฉู่จะต้องบุกมาโจมตีและคิดทำลายล้างเผ่าปีศาจของเขา ฉะนั้นเขาจึงจงใจมาที่หุบเขาอวิ๋นฉีเพื่อต้องการใช้ค่ายกาลอาคมของหุบเขาอวิ๋นฉีนี้ฆ่าล้างคนของรัฐฉู่ให้หมดสิ้น
ทุกคนต่างไม่ใช่คนโง่เขลา
และซือม่อเฟยก็ไม่ใช่คนโง่เขลา
กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “อาม่อ ให้เกียรติข้าได้หรือไม่ ปล่อยกองกำลังทหารนับแสนของรัฐฉู่ไปซะ”
“อ๋า?” จอมมารขมวดคิ้วและคิดไม่ถึงว่านางจะพูดแทนพวกเขา
“เยี่ยเฟิง……ข้าก็รู้จักเขา เขาเป็นผู้ชายที่น่าสงสารและมีจิตใจดีงามอย่างมาก ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความน่าสงสาร แม้แต่การตายของเขาก็ช่างน่าสงสารอย่างมาก และคนที่ทำให้เขาต้องเผชิญแต่เรื่องที่น่ารันทดเช่นนี้ก็คือผู้นำกองธงกล้วยไม้ ผู้นำกองธงกล้วยไม้เห็นเขาเป็นเพียงของเล่นและทารุณกรรมทำร้ายร่างกายเขาสารพัด และสุดท้ายก็บีบบังคับให้เขาต้องจบชีวิตลงและเกือบจะทำให้อัครมเหสีฉู่ต้องมีอันเป็นไป จักรพรรดิฉู่ทำเพื่อต้องการคืนความยุติธรรมให้กับลูกชายและภรรยาของเขา เรื่องนี้ก็พอเข้าใจได้”
“ลูกชายของเขาจะเป็นหรือตายข้าไม่สนใจทั้งนั้น แต่หากฆ่าคนในเผ่าปีศาจของข้า เขาคนนั้นจะต้องตาย แม้แต่รัฐฉู่ที่แข็งแกร่ง เผ่าปีศาจของข้าก็ไม่เกรงกลัว”
“หากข้าถูกบีบบังคับให้ตาย หรือหากลูกของคนที่เจ้ารักต้องถูกบีบบังคับจนตาย เจ้าจะแก้แค้นแทนพวกเขาหรือไม่”
“แน่นอน”
“เช่นนั้นก็ถูกแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าจะแก้แค้นแทนพวกเขา จักรพรรดิฉู่ก็เช่นกันไม่ใช่หรือ? อีกอย่างผู้นำกองธงกล้วยไม้และผู้นำกองธงโบตั๋นก็ไม่ใช่คนดีอะไร เขาทำการเลี้ยงดูกองกำลังส่วนตัวและไม่ยินดีที่จะจงรักภักดีต่อเจ้ามาตั้งนานแล้ว เขาเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตอย่างไร้ขีดจำกัดและเขาก็สมควรตายไปตั้งนานแล้ว”
“ต่อให้ผู้นำกองธงกล้วยไม้และผู้นำกองธงโบตั๋นสมควรตาย แต่มีเพียงข้าเท่านั้นที่สามารถลงโทษพวกเขาได้ รัฐฉู่……เข้ามายุ่งเกี่ยวมากเกินไปแล้ว” จอมมารหัวเราะเยาะเย้ย
กู้ชูหน่วนเข้าใจเขา
ผู้นำกองธงกล้วยไม้และผู้นำกองธงโบตั๋นเป็นลูกน้องของเขา เขาสามารถลงมือฆ่าพวกเขาได้ แต่หากเป็นคนอื่น เช่นนั้นก็ถือเป็นการหยามเกียรติและศักดิ์ศรีของเขา
กู้ชูหน่วนหันหน้าไปทางอื่นและกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ดี “ฉะนั้น เจ้ายังคงคิดจะฆ่ากองกำลังนับแสนของรัฐฉู่ให้ต้องสังเวยชีวิตลงที่นี่ใช่หรือไม่?”