ตอนที่1350 พวกเจ้าไม่มีปัญญาทำอะไรข้าได้!

 

“ฮะ-ฮ่าฮ่าฮ่า… น่าขัน! ช่างน่าขันจริงๆ!”

ไกลห่างออกไปหน้าประตู เสียงหัวเราะเยาะพลันดังลั่นออกจากปากของหวังอวีเซียนที่นอนอยู่กลางพื้น

ในตอนนี้ยังมีใครไม่ทราบอีกว่า ทุกคนล้วนถูกเย่หยวนหลอกกันหมด?

ตั้งแต่แอรกเริ่มจนบัดนี้ เย่หยวนไม่มีแม้แต่เสี้ยวความคิดที่จะขายสิทธิ์การจำหน่ายโอสถบ่มเพาะพลังให้แก่ฝ่ายอื่น ทั้งหมดก็เพื่อล่อให้พวกมันตีกันเอง!

กลุ่มเดรัจฉานพวกนี้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและน่ารังเกียจยิ่งกว่าอะไร เย่หยวนไม่คิดหยิบยื่นมิตรภาพให้อยู่แล้ว

 

สีหน้าของหวังซูดูเคร่งเครียดหนัก ขณะกล่าวขึ้นว่า

“เย่หยวน เจ้ากล้ากลิ้งกลอกกับพวกเรารึ?”

 

เย่หยวนคลี่ยิ้มอย่างแผ่วเบาและกล่าวว่า

“สัจจะสงวนไว้กับผู้มีปัญญาชนเท่านั้น ส่วนเดรัชฉานอย่างพวกเจ้ากลับไม่จำเป็น สิทธิ์การจำหน่ายมีหรือจะยอมมอบให้? ตัดตัวปัญหาอย่างพวกเจ้าไปตั้งแต่ตอนนี้ นับเป็นอนาคตที่สดใสของหอมหาสมบัติแล้ว ละคึรฉากนี้สนุกสนานดีจริงๆ ธาตุแท้ของพวกเจ้ากลับได้เห็นเต็มสองตา เหอะ เหอะ”

 

คำกล่าวของเย่หยวนชัดเจนแจ่มแจ้ง เสมือนฉีกเสื้อลายครามของจักรพรรดิอย่างไร้ปราณี

การแสดงฉากก่อนหน้า เย่หยวนทำราวกับพวกเขาเป็นตัวตลกเท่านั้น

 

“ดี! ดี! ดีมาก! ไอ้เด็กเหลือขอหาญกล้ายั่วยุเราเจ้าเมืองผู้นี้จริงๆ! ปัญญาอ่อนหรือไม่ที่รนหาที่ตายขนาดนี้?”

เฉินหย่งหนานกล่าวขึ้นพร้อมท่าทีสุดเคร่งขรึม

 

หยางรุยลุกขึ้นพรวดยืนขวางหน้าเย่หยวนทันที

“พวกเจ้าจะทำอะไร? เฉินหย่งหนาน ข้าขอเตือนไว้ก่อน เย่หยวนเป็นอาคันตุกะนักหลอมโอสถของหอมหาสมบัติ คิดแตะต้องเขาเท่ากับปฏิปักษ์ต่อหอมหาสมบัติเช่นกัน!”

หยางรุยกล่าวขู่เสียงเย็น

เขาเองก็ไม่คิดว่า เย่หยวนจะเปิดไพ่ออกมาโต้งๆต่อหน้าอีกฝ่ายขนาดนี้

กล่าวถามว่าตอนนี้รู้สึกพอใจไหม ก็เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก แต่นี่กลับสร้างความบาดหมางต่อฝ่ายอื่นๆด้วยเช่นกัน

คนพวกนี้หาใช่คนดีไม่ และเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะปล่อยให้เย่หยวนรอดออกไป

 

เฉินหย่งหนานเค้นเสียงหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินและกล่าวว่า

“หยางรุย เจ้าคิดขู่ให้ข้ากลัวรึ? เมืองนี้หาใช่อาณาเขตของจักรพรรดิเทพสวรรค์มหาสมบัติ กลับเปล่าประโยชน์! ตราบใดที่เราเจ้าเมืองผู้นี้ไม่ฆ่าเจ้าเป็นพอ หอมหาสมบัติก็ทำอะไรข้าไม่ได้เช่นกัน!”

 

สีหน้าการแสดงออกของหยางรุยพลันผลัดแปร กล่าวสวนทันควัน

“ฮ่าฮ่า… หากเป็นก่อนหน้าไม่ว่าจะฆ่าข้าหรือไม่ หอมหาสมบัติคงไม่สนใจอันใด ทว่าตอนนี้ข้าได้ส่งสูตรโอสถบ่มเพาะปราณไปยังเบี้องบนแล้ว แล้วเจ้าคิดหรือว่า พวกเราจะนั่งดูอยู่เฉยๆ?”

 

คำกล่าวนี้ของหยางรุยทำเอาเฉินหย่งหนานและคนอื่นๆตกใจอย่างมาก

พวกเขาคิดแค่เพียงว่า ที่หอมหาสมบัติรุ่งเรื่องได้ขนาดนี้เพียงพึ่งพาเย่หยวนและสูตรโอสถที่อยู่ในกำมือนั้น

แต่ทุกคนกลับคาดไม่ถึงจริงๆว่า เย่หยวนกลับใจกว้างมอบสูตรโอสถนี้ให้ไปจริงๆ!

สถานการณ์ในตอนนี้ยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่

 

แม้เมืองแห่งนี้จะมิใช่อาณาเขตของจักรพรรดิเทพสวรรค์มหาสมบัติ แต่พวกเขาเองก็ไม่สามารถมองข้ามขุมพลังของหอมหาสมบัติได้เช่นกัน

หากรู้เช่นนี้ตั้งแต่แรก เฉินหย่งหนานไม่มีทางจัดงานเลี้ยงนี้ขึ้นแน่นอน

 

“ท่านพี่เฉิน เหตุการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ ไม่ว่าอย่างไรไอ้เด็กเหลือขอนี่จำต้องตาย! หากปล่อยให้หนีรอดออกจากตำหนักเจ้าเมืองไปได้ เกรงว่าจะวุ่นวายยิ่งกว่านี้  มิฉะนั้น ทั้งท่านและพวกเราสามตระกูลใหญ่ยังจะดำรงอยู่ในเมืองกุยฉางได้อีกรึ? ในเมื่อมันไม่เต็มใจมอบโอสถบ่มเพาะปราณ เช่นนั้นมีแต่ต้องใช้กำลังเพื่อนำมันมา! มิฉะนั้นทุกอย่างในวันนี้จะเปล่าประโยชน์!”

หวังซูคำรามลั่นดึงสติทุกคนทันทีในเวลานี้

 

ใบหน้าของเจ้าเมืองกุยฉางถูกขยี้เละป่นปี้ไปหมดแล้วในวันนี้ หากไม่ฆ่าเย่หยวนให้ตาย เขายังจะมีหน้าปกครองเมืองกุยฉางต่อไปได้อย่างไร?

เฉินหย่งหนานครุ่นคิดจินตนาการตามหวังซู และพบว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวไปล้วนเป็นความจริง

เขาผงกศีรษะและกล่าวว่า

“เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว! แม้ในอนาคตข้าอาจต้องโทษร้ายแรง ทว่าวันนั้นกลับยังไม่มาถึง! แต่วันนี้….แกต้องตายเย่หยวน!”

นี่มิใช่เพียงแค่เฉินหย่งหนานเท่านั้น กระทั่งอดีตประมุขตระกูลหลินและหลู่ทั้งสองยังเข้าประจัญบาน ปิดล้อมตีกรอบเย่หยวนขนาบซ้ายขวาแล้ว

การล้อหลอกของเย่หยวนในครั้งนี้ของเย่หยวน  ต่างสร้างความไม่พอใจแก่ทุกคน

 

หวังซูแสยะยิ้มฉีกเย็นและกล่าวว่า

“เจ้าหนู คิดหรือว่า แค่มอบสูตรโอสถบ่มเพาะปราณจะทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยดี? เมืองกุยฉางแห่งนี้เป็นถิ่นของท่านพี่เฉิน เจ้า…ไม่มีทางพลิกฟ้าเปลี่ยนสวรรค์ได้!”

 

เย่หยวนคลี่ยิ้มตอบจางๆและกล่าวว่า

“พวกเจ้าประเมินค่าตัวเองสูงเกินไป! อย่าคิดว่าตนเหนือสรรพสิ่งบงการทุกอย่าง ทว่าความเป็นจริง…พวกเจ้ากลับไม่มีปัญญาทำอะไรเลยด้วยซ้ำ!”

สิ้นเสียงกล่าวจบ สองมือไขว้หลังอย่างองอาจ เย่หยวนหมุนตัวกลับพลางกล่าวแช่มมุ่งไปทางประตูทางออก

 

“หึ! ช่างหยิ่งผยองนัก!”

เฉินหย่งหนานกรนเสียงแหบเย็น ทันทีทันใด ร่างแปรไสวกลายเป็นประกายแสงสายหนึ่ง พร้อมปราดพุ่งจู่โจมใส่เย่หยวนอย่างไร้ปราณี

ก่อนหน้า สังหารหวังหลินโปกับทำร้ายหวังอวีเซียงจนบาดเจ็บสาหัสยังไม่เท่าไหร่ แต่เย่หยวนตัวนี้ทำเอาเข้าโกรธจัด!

สำแดงกระบวนโจมตีคราวนี้ หวังปิดบัญชีเบ็ดเสร็จฉับไหว!

 

หยางรุยหน้าถอดสีหนัก เบื้องหน้าของเขาประดุจมีหุบเขาลูกยักษ์กำลังถาโถมเข้าใส่

ในขณะเดียวกัน ก็มีคลื่นพลังสุดแกร่งกร้าวอีกระลอกหนึ่งพุ่งตรงเข้าใส่เย่หยวน

 

นั้นคือหวังอวีเซียง!

 

“ไอ้เด็กบัดซบ หากวันนี้ฆ่าเจ้าไม่ได้ ข้าไม่ขอเป็นมนุษย์แล้ว!”

หวังอวีเซียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง

สองยอดฝีมือผนึกกำลังร่วมมือเพื่อโจมตีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว ต่อให้หยางรุยมีสามหัวหกแขน เขาก็ไม่มีทางหยุดการโจมตีเหล่านี้ได้เช่นกัน

 

แต่ทันใดนั้น จู่ๆก็มีอีกร่างหนึ่งปรากฏกายขึ้นข้างกายเย่หยวนจากตอนไหนไม่ทราบ

ทันทีที่ร่างนี้ประจักษ์สู่สายตา ผู้คนทั้งหมดต่างขนลุกซู่วสะเทือนขวัญอย่างหนัก บรรยากาศโถงกว้างแปรเปลี่ยนกายเป็นคุกน้ำแข็งในบัดดล

 

ซึ่งร่างนี้ยังจะเป็นใครได้อีกนอกเสียจากกุ้ยหยุน?

เพียงสะบัดแขนเสื้อเบาๆ สายลมหนาวโถมเสียดแทงเข้าใส่หวังอวีเซียงโดยตรง

เผชิญหน้ากับฝ่ามือสุดอหังการของเฉินหย่งหนาน กุ้ยหยุนใช้แค่นิ้วชี้เพื่อรับมือ!

เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงสะเก็ดไฟแลบเสียดโลหะ ไม่มีใครตอบสนองได้ทันเลยสักคน

 

หวังอวีเซียงที่บาดเจ็บสาหัสแต่เดิม ยามนี้ถูกโจมตีซ้ำตอก ถึงกับหมดสติไม่รู้เป็นตายในอึดใจเดียว

แค่กุ้ยหยุนสะบัดแขนส่งๆออกไป ทั่วทั้งร่างของหวังอวีเซียงคล้ายถูกสายฟ้าฟาดเต็มแรง ก่อนหมดสติไปทั้งแบบนั้น

เสี้ยวพริบตาต่อมา เลือดที่ไหลเวียนภายในร่างเริ่มแข็งตัวก่อนจะเป็นเช่นนี้ทั่วกายาโดยสมบูรณ์

เมื่อปราดตามองอีกครั้ง หวังอวีเซียงกลับเหลือเพียงร่างไร้วิญญาณแล้วเท่านั้น!

 

ในขณะที่เฉินหย่งหนานโดนดัชนีเพียงนิ้วเดียวของกุ้ยหยุนปักเข้ากลางหน้าผาก ก็ถึงกับกระเด็นออกไปไกล!

 

บูมมมม!

 

เสียงระเบิดดังก้อง ลมพายุโหมกล้าท้าปะทะเข้ามา ร่างของเฉินหย่งหนานถูกแรงถีบกระเด็นไปไกลอีกระลอก!

ร่างถูกส่งบินมิอาจควบคุม จนท้ายที่สุดอักกระแทกเข้ากับเสาหินอย่างแรง พร้อมกระอีกพ่นเลือดคำโต

แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ทั่วทั้งร่างกายจู่ๆเริ่มแข็งตัวคล้ายกลายเป็นรูปปั้นหิน เฉินหย่งหนานที่พบความผิดปกติชนิดนี้ ถึงกับหน้าถอดสีซีดเซียวในทันใด

ตกใจแค่ไหนกลับหาใช่นัยยะสำคัญ ยามนี้เขาเร่งโคจรพลังปราณณเทวะหมุนติ้วเร็วจี๋ หวังเพื่อล้างสถานะเยือกแข็งนี้ให้หมดไป

 

 

“วิญญาณชั่วสองดาว!”

คู่สายตาไสวของเฉินหย่งหนานแปรเปลี่ยนไป เบื้องลึกในแววตานั้นสาดสะท้อนความกลัวออกมาสุดหัวใจ

เพียงการปะทะแลกกระบวนคราเมื่อครู่ เขาก็ทราบทันทีว่าอีกฝ่ายเหนือชั้นกว่ามาก!

 

เห็นได้อย่างชัดแจ้ง เขามิใช่คู่มือของกุ้ยหยุนเลย!

 

หลายปีที่ผ่านมานี้ ความแกร่งกล้าของกุ้ยหยุนพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ภายใต้คำชีแนะของหวูเฉิน

อักขระร้อยภูตเต๋าในสองตัวแรก กุ้ยหยุนเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว  แม้เขายังไม่สามารถเลื่อนระดับชั้นขึ้นไปได้ ทว่าความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นกลับสูงจนยากจะพรรณนาในหนึ่งลมหายใจ

 

เฉินหย่งหนานกลับไม่มีค่าพอที่จะเอ่ยถึงต่อหน้าเขาเลย

 

“นายท่าน ต้องการให้ฆ่าพวกนี้เลยหรือไม่?”

กุ้ยหยุนโค้งคำนับให้เย่หยวนด้วยความเคารพ และเอ่ยถามรอรับสั่งตามประสงค์

 

ประโยคนี้เพียงประโยคเดียวทำเอาทุกคนสั่นสะท้านสุดขั้วหัวใจ

พวกเขาไม่สงสัยแม้แต่น้อย กุ้ยหยุนแค่คนเดียวก็สามารถถล่มพวกเขาจนราบคราบได้แล้ว

ทั้งหมดในที่แห่งนี้กลับเป็นเพียงฝูงมดที่วิ่งเล่นไปมาเท่านั้น

ไม่สิ…ในสายตาของเย่หยวน มองเห็นพวกเขาเป็นตัวตลกที่กระโดดไปมาตั้งแต่ต้นแล้ว!

 

ที่เย่หยวนมั่นอกมั่นใจได้ขนาดนี้ กลับมีที่มาที่ไปจริงๆ แต่ถึงอย่างไรกลับไม่คิดว่าจะเป็นถึงวิญญาณชั่วสองดาวชั้นกลาง!

 

สายตาของเย่หยวนกวาดมองสาดส่องไปทั่ว ก่อนจะหยุดลงจับจ้องเฉินหย่งหนาน เขากล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางๆว่า

“ท่านเจ้าเมือง งานเลี้ยงในวันนี้อาหารช่างเอร็ดอร่อยยิ่งนัก! ไว้มีโอกาส ค่อยเชื้อเชิญข้ามาใหม่ อ้อ…ข้ากำลังจะไปแล้ว ท่านยังมีอะไรจะกล่าวกับข้าอีกหรือไม่?”