ตอนที่ 303: พันธมิตร
หลังจากเดินออกไป หญิงสาวก็ไม่เดินกลับมาที่ด้านในของถ้ำอีก เจี้ยนเฉินที่เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดใหม่เสร็จแล้วยังหน้าแดงอยู่ เขารู้สึกอายมากถึงระดับที่รู้สึกโกรธเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะไร้มารยาทและเดินเข้ามาโดยที่ไม่ส่งเสียง
ถ้าไม่ใช่เพราะปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว เจี้ยนเฉินก็จะสันนิษฐานว่านางไม่รู้สึกละอายเลยที่เห็นร่างเปลือยเปล่าของเขา
ถ้าหญิงสาวรู้ว่าเจี้ยนเฉินคิดอะไรอยู่ นางคงอยากกดหัวเขาให้จมน้ำ
หลังจากสวมใส่เสื้อผ้า เจี้ยนเฉินก็เดินออกจากถ้ำ เขาพบว่านางยืนหันหลังอยู่ไม่ไกลจากจุดนั้น แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นใบหน้าของนาง แต่เจี้ยนเฉินก็สามารถเห็นลำคอทั้งสองด้านของนางเป็นสีแดง ซึ่งหมายความว่าแก้มของนางคงแดงก่ำเช่นกัน
หลังจากที่หญิงสาวเห็นเขาเปลือยกายในขณะที่เขาอาบน้ำ มันก็ยากสำหรับเจี้ยนเฉินที่จะไม่รู้สึกอาย เขามีสีหน้าจริงจังขณะที่เขาพูดออกมาว่า “เฮ้ เจ้าหยาบคายมาก เจ้าเดินเข้ามาโดยไม่มีเสียงและยังมาแอบดูข้าอาบน้ำได้อย่างไร ? ” ไม่กี่ปีก่อนหลังจากที่เขาได้เห็นร่างเปลือยของหญิงสาวคนนี้โดยบังเอิญ เขาก็มีปัญหามากมาย ตอนนี้หญิงสาวแอบย่องเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่เขาอาบน้ำ นี่เป็นโอกาสที่เจี้ยนเฉินจะต่อว่านาง
ในตอนแรกหญิงสาวคนนั้นอายมาก แต่เมื่อนางได้ยินว่าเจี้ยนเฉินบอกว่านางแอบเข้าไปดูเขาอาบน้ำ ใบหน้าที่แดงของนางก็ฉุนเฉียวขึ้นมาทันที นางไม่รู้สึกละอายใจอีกต่อไป นางหันกลับมามองเขา “ใครบอกว่าข้าแอบดูเจ้าอาบน้ำ ? ” เจ้ามีตาหรือไม่ ? “
เจี้ยนเฉินพูดไม่ออก ในตอนนั้นเขาไม่อยากให้น้ำเข้าตา เขาจึงปิดตา ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นร่างของหญิงสาว อย่างไรก็ตามเขาได้ยินเสียงกรีดร้องของนาง เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ดวงตาทั้งสองของข้าสามารถมองเห็นได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
“เจ้าบ้า เจ้ามันคนชั่วช้า เจ้ารู้สึกอับอายบ้างหรือไม่ ? ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย เดิมทีถ้ำนั้นก็เป็นของข้า ข้าใจดีมากที่อนุญาตให้เจ้าอยู่ที่นั่นตอนนี้ เจ้าเองที่อาบน้ำโดยที่ไม่บอกข้า มันเป็นความผิดของเจ้าตั้งแต่แรก อย่ามาโทษข้า ! ” หญิงสาวคนนั้นโต้กลับอย่างฉุนเฉียวเพื่อรักษาเกียรติของนาง ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะพูดแย้งนางได้ นางพยายามจนชนะการโต้เถียงก่อน
“มีคนอื่นสร้างถ้ำนี้ขึ้นมา มันกลายเป็นของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? ” เจี้ยนเฉินถามด้วยความสับสน
“ถ้ำนี้ไม่มีเจ้าของ แต่เนื่องจากข้าเป็นคนแรกที่เข้ามา ดังนั้นข้าก็ควรเป็นเจ้าของถ้ำ ! ” หญิงสาวพูดอย่างมั่นใจ นางถนัดในด้านการโต้เถียงเป็นพิเศษ
เจี้ยนเฉินไม่เชื่อคำพูดของนางและเขาก็เดินออกมาโดยพูดไม่ออก เขารู้ว่าถ้าเขาทะเลาะกับนางต่อ เขาจะต้องแพ้แน่นอน มีคนไม่มากนักที่แข็งแกร่งกว่าเขาที่เขาไม่สามารถฆ่าได้ อย่างไรก็ตามการถกเถียงเป็นเรื่องที่แตกต่างกัน นางแย้งทุกคำพูดของเขา นางแทบไม่มีตรรกะอะไรเลย นางเป็นคนที่ประหลาดและดื้อด้าน หญิงสาวสามารถพูดได้ว่าหนึ่งคือสองและสองคือสาม และนางจะมีความมั่นใจในตัวเองมาก เหตุผลไม่ใช่สิ่งที่ตรงกับนาง และคำพูดที่เจี้ยนเฉินพยายามเถียงนาง นางก็เอาชนะจนได้
“เจ้า..เจ้าชนะ” เจี้ยนเฉินพูดด้วยความโกรธ เขาไม่ได้วางแผนที่จะปล่อยให้นางชนะ แต่ใครจะจินตนาการได้ว่าแม้แต่สองประโยคในเวลาต่อมา นางก็ตอกกลับจนเขาไม่มีโอกาสชนะ
“ข้าเคยเห็นร่างกายของเจ้าและตอนนี้เจ้าก็ได้เห็นร่างของข้า แต่ข้าก็ช่วยชีวิตเจ้าไว้ได้ อย่างนี้ก็ถือว่าหายกัน ในอนาคตถ้าข้าเป็นหนี้เจ้าก็ขอให้บอก” หลังจากพูดจบ เจี้ยนเฉินก็เริ่มเดินจากไปโดยไม่มองย้อนกลับไปมอง
“เจ้าโกง ! ” เมื่อได้ยินเจี้ยนเฉินบอกว่าเขาเคยเห็นร่างของนาง หญิงสาวก็ลุกลี้ลุกลนทันที นางหน้าแดงก่ำเมื่อคิดย้อนถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น ใบหน้าที่สวยงามของนางขึ้นสี ในตอนแรกนางอารมณ์ดีที่เถียงชนะเจี้ยนเฉินแต่เมื่อได้ยินแบบนี้นางทั้งอายและโกรธมาก
“ใครบอกให้เจ้าช่วยข้าล่ะ ? ข้าไม่ได้ขอ ถ้าไม่ใช่เพราะข้าขัดขวางสมบัติผนึกภูเขาไว้ เจ้าคงถูกทุบเป็นชิ้น ๆ นานแล้ว” หญิงสาวพูดอย่างโกรธเคืองขณะพยายามหาทางเอาชนะเขา
เจี้ยนเฉินหยุดเคลื่อนไหวทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น สถานการณ์เป็นเหมือนที่นางพูด ถ้าไม่ใช่เพราะนางใช้ธนูสุริยันจันทราเพื่อควบคุมผนึกภูเขา เขาจะไม่สามารถหนีจากผนึกภูเขาได้เลย เขาไม่ต้องการพูดเช่นนั้นกับนาง ดังนั้นเขาจึงเดินออกไป
ในขณะนี้ หญิงสาวได้ตระหนักว่าบาดแผลของเจี้ยนเฉินหายสนิทแล้วและเขากลับมาเป็นปกติ
หญิงสาวตะลึงงัน นางไม่เข้าใจว่าเจี้ยนเฉินสามารถหายดีจากอาการบาดเจ็บของเขาในระยะเวลาอันสั้นได้อย่างไร
“เฮ้ เจ้าทึ่ม เจ้าหายเร็วขนาดนั้นได้อย่างไร ? ” หญิงสาวถามจากข้างหลังด้วยความโกรธ ดวงตาที่สดใสของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้ขณะที่จ้องมองเขา
“ข้ามีโอสถดี” เจี้ยนเฉินไม่ต้องการที่จะตอบคำถาม แต่การหลีกเลี่ยงคำถามนั้นจะทำให้หญิงสาวยืนหยัดในการค้นหาความลับของเขามากยิ่งขึ้น เพื่อขจัดคำถามและข้อสงสัยของนาง เขาจะต้องคิดอย่างรอบคอบด้วยเหตุผล
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็เดินไกลออกไปและเกือบจะพ้นสายตาของหญิงสาว
เมื่อเห็นด้านหลังของเจี้ยนเฉิน หญิงสาวรู้สึกไม่แน่ใจเล็กน้อย หลังจากกัดริมฝีปากล่าง นางจึงตะโกนออกมาดัง ๆ “หยุดอยู่ตรงนั้น เจ้าทึ่ม เจ้าจะไปไหน ? “
นางรีบวิ่งตามเจี้ยนเฉินไป เขาไม่หันหลังมามองนางเลย เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ทำไมเจ้าถึงตามข้า ? “
“ห๊า ใครตามเจ้าล่ะ” หญิงสาวกะพริบตา ” เจ้าฆ่าผู้เชี่ยวชาญของตระกูลชิไป 2 คน ดังนั้นจึงไม่มีทางที่พวกเขาจะปล่อยเจ้าไป ชิเซียงกรานมีม่านพลังป้องกันและสมบัติผนึกภูเขา เจ้าคงไม่สามารถสู้กับเขาได้ ถ้าเจ้าไม่อยู่กับข้า เจ้าจะไม่มีทางมีชีวิตรอดหากชิเซียงกรานจับตัวเจ้า”
“เจ้าต่างหากคือคนที่กลัว” เจี้ยนเฉินกล่าว
หญิงสาวหรี่ตา “ข้าไม่กลัวอะไร เจ้าทึ่ม อย่าพูดโกหกอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะทุบเจ้าเป็นชิ้น ๆ “
“หากไม่ใช่เพราะคันธนู เจ้าก็คงสู้ข้าไม่ได้ และถึงแม้เจ้าจะมีคันธนู เจ้าก็จะไม่สามารถเอาชนะข้าได้” เจี้ยนเฉินเกือบจะดูเหมือนจะลืมเกี่ยวกับสถานะของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ที่เขามีมาก่อนสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดก็เกิดขึ้น
“เจ้า..” หญิงสาวคนนี้ฉุนเฉียวมากตอนนี้หน้าอกของนางแน่นเกร็งด้วยความโกรธ แต่นางไม่สามารถพูดอะไรได้ แม้จะอยู่ในสภาพที่บาดเจ็บเจี้ยนเฉินก็ยังสามารถฆ่าเซียนปฐพีจากตระกูลชิได้ 2 คนในเวลาสั้นๆก่อนที่จะต่อสู้กับชิเซียงกราน เขาแข็งแกร่งกว่านางอย่างแน่นอน
ในความเงียบ หญิงสาวก็เริ่มสงบลงก่อนที่จะพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจว่า “เจ้าก็เห็นความแข็งแกร่งของชิเซียงกรานด้วยตัวเองมาแล้ว ด้วยม่านพลังของเขา เจ้าไม่มีทางทำร้ายเขาได้สำเร็จ นอกจากนี้เขามีพลังที่จะใช้สมบัติผนึกภูเขาเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ ถ้าเราคนใดคนหนึ่งเจอเขาตามลำพัง เราคงบาดเจ็บสาหัสหรือตายไปอย่างแน่นอน ธนูสุริยันจันทราของข้าสามารถขัดขวางชิเซียงกรานและควบคุมสมบัติผนึกภูเขาได้ และเจ้าก็สามารถจัดการกับคนของเขาได้. นี่เป็นวิธีเดียวที่เราจะเอาตัวรอดจากเขา”
หญิงสาวไม่ได้เสียหน้าหลังจากที่พูดแบบนั้น แต่วิธีที่นางพูดอย่างชาญฉลาดนั้นได้เน้นย้ำว่านางต้องการร่วมมือกับเขามากแค่ไหน
เจี้ยนเฉินหยุดคิดแล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับแผนของนาง หลังจากสังหารผู้เชี่ยวชาญ 2 คนของตระกูลชิ พวกเขาจะไม่ให้อภัยเขาแน่นอน ม่านพลังของชิเซียงกรานนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่ธนูสุริยันจันทราจะทำลายได้เพียงลำพัง และปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าก็ไม่เพียงพอที่จะทำลายม่านพลัง เจี้ยนเฉินจึงไม่มีทางเลือก ชิเซียงกรานไม่สามารถควบคุมได้ เขาซ่อนตัวอยู่หลังม่านพลัง เขาสามารถใช้สมบัติผนึกภูเขาเพื่อโจมตีอย่างไม่ลดละ ในเวลานั้น ถ้าหญิงสาวไม่ได้ใช้ธนูสุริยันจันทราตอบโต้สมบัติผนึกภูเขาไว้ เขาคงไม่สามารถหนีออกมาได้ง่าย ๆ แม้ว่าเขาจะวิ่งหนีจากมัน เขาก็คงต้องเสียเวลาทั้งวันวิ่งหนีจากชิเซียงกราน
สมบัติของชิเซียงกรานทำให้เจี้ยนเฉินไม่มีทางเลือก แต่หากสมบัตินั้นไม่ได้อยู่ในมือของชิเซียงกราน เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้เห็นว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งอะไร
การถูกตามล่าและถูกฆ่าโดยคนที่เขาไม่เห็นว่ามีค่า มันจะเป็นความอัปยศที่เขาทนไม่ได้ ดังนั้นการรวมกลุ่มกับผู้หญิงคนนี้จะเป็นแผนการที่ดี
เจี้ยนเฉินและหญิงสาวยังคงเดินทางต่อไปในความเงียบ พวกเขาไม่พูดคุยกันเลย ไม่มีการแนะนำตัวใด ๆ ต่างคนต่างก็ไม่มีใครรู้ชื่อของอีกฝ่าย ในใจพวกเขาราวกับว่าอีกฝ่ายไม่มีตัวตน
บนท้องถนนเมื่อคู่แข่งหลายคนเห็นว่าเจี้ยนเฉินอายุน้อยแค่ไหนและหญิงสาวที่อยู่ข้างเขานั้นสวยงามเพียงใด พวกเขาก็แปลกใจมาก ก่อนหน้านี้มีชาย 2 คนที่ยังไม่ใช่เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้วยซ้ำและเซียนปฐพีหลายคนดูถูกเจี้ยนเฉินอย่างชัดเจน ส่วนใหญ่พวกเขาถูกเจี้ยนเฉินแทงทะลุคอด้วยกระบี่ ในขณะที่ร่างของหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ที่สวมชุดสีเหลืองฆ่าพวกระดับล่างหมดหลังจากที่พวกเขาพูดหยาบคายโดยที่ไม่ให้เกียรตินาง. นางยิงทะลุเซียนปฐพีคนหนึ่งด้วยธนูสุริยันจันทรา เขาจึงตกตายอย่างน่าสังเวช
นางเป็นหญิงสาวที่ดูเด็กและไม่หวาดกลัวสิ่งใด แม้จะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันกับเจี้ยนเฉินที่สงบนิ่งอยู่เสมอ ท่าทีของนางก็ยังคงเหมือนเดิมในระหว่างการฆ่าแต่ละครั้ง นางปล่อยลูกศรออกไปอย่างมั่นคง เรื่องนี้ทำให้เจี้ยนเฉินแอบชื่นชมนาง สำหรับลูกสาวของตระกูลที่ร่ำรวยที่จะทำสิ่งนี้ได้เป็นเรื่องยากโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้านางเป็นลูกสาวสุดหวงตัวน้อย
ครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็วขณะที่เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเดินทางโดยไม่ได้เจอกับชิเซียงกราน ตอนนี้พวกเขาเดินทางไกลออกมาจากภูเขาหัวโล้นและตอนนี้อยู่ในภูเขาที่เต็มไปด้วยหญ้าทุกที่
ในช่วงเวลานี้เจี้ยนเฉินและหญิงสาวยังคงเมินเฉยต่อกัน พวกเขาไม่ค่อยสนทนากันหรือพูดอะไรกันเลย สิ่งเดียวที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือในช่วงครึ่งเดือนหลัง ทั้งคู่ได้รับผลกำไรมากมาย แต่ละคนได้ป้ายนับพันหลังจากฆ่าเซียนปฐพีไปหลายคน แม้แต่เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษบางคนที่พวกเขาฆ่าก็ยังมีป้ายอย่างน้อย 50 อัน
เหลือเพียงเดือนเดียวและอีกสองสามวันก็จะถึงสำหรับรอบแรก ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ป้ายทั้งหมดจะถูกรวมกันในหมู่เซียนปฐพี เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษจำนวนน้อยมากที่สามารถรักษาป้ายไว้ได้
ขณะที่เจี้ยนเฉินและหญิงสาวกำลังปีนขึ้นไปบนเนินขนาดใหญ่ พวกเขาก็ได้ยินเสียงต่อสู้ เมื่อมองไปทางต้นกำเนิดเสียง เขาจะเห็นชายคนหนึ่งที่มีพลังเซียนธาตุลมล้อมรอบร่างกายของเขาซึ่งเขากำลังต่อสู้กับเซียนปฐพี 2 คน ไม่ไกลจากพวกเขามากนักมีร่างที่โชกเลือดอยู่บนพื้น.
ธาตุลมที่เกิดจากเซียนปฐพีนั้นแข็งแกร่งมาก เขาสามารถต่อสู้กับเซียนปฐพี 2 คนด้วยตัวเขาเอง อีกทั้งเขายังชนะอย่างช้า ๆ ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บมากจนทำให้เสื้อผ้าของพวกเขาย้อมด้วยสีแดงด้วยเลือดสด ส่วนเซียนปฐพีธาตุลมกลับไม่มีรอยขีดข่วนเลย
ด้วยจิตใต้สำนึกเจี้ยนเฉินมองไปที่ที่ถูกโจมตีซึ่งนอนอยู่ เขาสามารถมองเห็นร่างกายซึ่งดูคุ้นตาเขาในทันที หลังจากเพ่งดูอย่างละเอียด ดวงตาของเจี้ยนเฉินก็เปิดกว้างในทันที ประกายอันตรายปรากฏขึ้น ทันทีที่ดวงตาของเขาเบิกกว้างเขาก็รู้สึกกระหายเลือด