ตอนที่ 304: พบกับฉินเซียว

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 304: พบกับฉินเซียว

“ฉินเซียว ~~~! ” เจี้ยนเฉินคำรามอย่างโกรธเคืองขณะที่ร่างของเขาพร่ามัว เจี้ยนเฉินบินไปหาชายทั้งสามที่กำลังต่อสู้ด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ในเวลาเดียวกัน ความโกรธแค้นก็เริ่มไหลออกมาจากร่างของเขายิงตรงไปในอากาศ

หญิงสาวอ้าปากค้างในขณะที่มองดูเจี้ยนเฉินที่เร่งตัวออกไป ก่อนหน้านี้นางยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ตั้งแต่วันที่นางเดินทางไปกับเจี้ยนเฉิน นางได้เรียนรู้ว่าเขาเป็นคนที่ว่องไว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในตัวเขา นางรีบตามเขาไป

ชายทั้งสามคนได้ยินเสียงคำรามของเจี้ยนเฉิน คนสองคนที่มีเลือดเปื้อนนั้นตกใจมาก พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเจอใครก็ตามที่คุ้นเคยกับนายน้อยของตระกูลเทียนฉิน พวกเขาสองคนได้ใช้กำลังทั้งหมดในการต่อสู้และรู้สึกโล่งใจอย่างมากที่ได้เห็นโอกาสใหม่ในชีวิต ช่วงเวลาที่พวกเขาเห็นเจี้ยนเฉินวิ่งเข้ามาหาพวกเขา ความสุขของพวกเขาจางหายไปจากใบหน้าของพวกเขาและถูกแทนที่ด้วยความสิ้นหวัง

พวกเขาทั้งคู่รู้จักเจี้ยนเฉินและเขาเป็นสหายต่างอาณาจักรคนเดียวของฉินเซียว ความสามารถในการสู้รบของเขาไม่เป็นสองรองใคร แต่เจี้ยนเฉินยังคงอายุน้อยและเป็นเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษเท่านั้น คู่ต่อสู้ของพวกเขาคือเซียนปฐพีและเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้อีกทั้งยังมีพลังเซียนธาตุลม พวกเขาทั้งสองร่วมกันก็ยังเสียเปรียบ เจี้ยนเฉินคงทำอะไรไม่ได้

เมื่อมาถึงจุดนี้ เซียนปฐพีธาตุลมก็ได้สังเกตเห็นเจี้ยนเฉิน เมื่อเขาเห็นหน้าตาที่หล่อเหลาของเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของเขาก็สูญเสียความมั่นใจทันที เขารู้สึกหวาดกลัวและหมดความปรารถนาที่จะต่อสู้

“หืมม วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไป ” เซียนปฐพีถ่มน้ำลายอย่างไม่เต็มใจก่อนที่จะบินไปในอากาศเพื่อวิ่งหนี

เมื่อชายคนนั้นหนีไป ชายคนที่บาดเจ็บสาหัสผู้หนึ่งซึ่งสูญเสียพลังเซียนส่วนใหญ่ไปก็หมดสติไปในทันที

ชายอีกคนไม่มีพลังงานเหลือและล้มลงบนพื้นด้วยสีหน้าเหี่ยวแห้ง

“ฉินเซียว ฉินเซียว ! เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง ? ตื่นขึ้นมา ! ” เจี้ยนเฉินมาถึงตัวฉินเซียวอย่างรวดเร็วในขณะที่เรียกชื่อของเขาซ้ำ ๆ อย่างบ้าคลั่ง

บาดแผลของฉินเซียวค่อนข้างรุนแรงและร่างกายของเขาเปียกชุ่มไปด้วยเลือด แม้แต่หญ้าที่อยู่ข้างใต้เขาก็เปียกโชกไปด้วยเลือดของเขา เจี้ยนเฉินสังเกตเห็นบาดแผลลึกที่น่ากลัว 2 บาดแผล ที่เอวของฉินเซียวเกือบถูกหั่นเป็น 2 ส่วนโดยมีเพียงประมาณครึ่งหนึ่งของร่างกายที่เขายังเชื่อมต่ออยู่ อีกแผลอยู่บนหน้าอกของเขาซึ่งดาบแทงทะลุผ่าน ทำให้อวัยวะภายในของเขาเสียหายอย่างรุนแรง ตอนนี้ฉินเซียวผ่านประตูนรกมาถึงครึ่งทางแล้ว

“เร็วเข้า ใช้ธนูยิงเขา ! อย่าปล่อยให้เขาหนีไป ! ” เจี้ยนเฉินคำรามขณะที่เขาชี้บอกให้หญิงสาวในชุดเหลืองจัดการกับร่างที่กำลังจะหายไปอย่างรวดเร็วของเซียนปฐพีธาตุลม

หญิงสาวจ้องมอง นางกำลังดึงธนูขึ้นมาเพื่อฆ่าชายคนนั้น แต่เมื่อนางได้ยินเสียงของเจียนเฉิน นางก็ขมวดคิ้วและวางมือลง นางยืนเฉยและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าไม่ทำ ทำไมข้าต้องฟังเจ้า ? “

ปัง ! กำปั้นของเจี้ยนเฉินกระแทกกับพื้น ทำให้เกิดหลุมครึ่งเมตรลึกลงไปในพื้นดินที่อ่อนนุ่ม ดวงตาแดงก่ำของเจี้ยนเฉินจ้องมองหญิงสาวอย่างฉุนเฉียวขณะที่ความโกรธของเขายังคงโบยบินไปในอากาศ คราวนี้เจี้ยนเฉินโกรธจริง ๆ

เมื่อเห็นความกระหายเลือดบนใบหน้าของเจี้ยนเฉิน หัวใจของหญิงสาวก็สั่นคลอนด้วยความกลัวก่อนที่จะยืนแข็งทื่อ ในช่วงเวลานั้นนางก็รู้สึกเสียใจมาก ในตอนที่นางปฏิเสธที่จะยิงชายที่หลบหนีไปและไม่ได้หันมาสนใจ ชายคนนั้นซึ่งเป็นเซียนปฐพีธาตุลมก็ได้ทะยานเข้าไปในภูเขาและคลาดจากสายตาไปเสียแล้ว

“เจี้ยนเฉิน .. เจี้ยนเฉิน”

ขณะที่เจี้ยนเฉินกำลังจะใช้พลังเซียนธาตุแสงเพื่อรักษาบาดแผลของฉินเซียว มีเสียงจาง ๆ กระซิบมาเมื่อดวงตาของฉินเซียวเปิดออก ปากของเขาสั่นเล็กน้อยขณะที่เขาเรียกชื่อของเจี้ยนเฉินเบา ๆ

“ฉินเซียวแข็งใจไว้ ! ข้าจะรักษาเจ้าเดี๋ยวนี้ ! ” เจี้ยนเฉินเริ่มควบคุมพลังเซียนธาตุแสงรอบ ๆ พลังงานโลกเพื่อรักษาฉินเซียว ตอนนี้ฉินเซียวตกอยู่ในอันตรายอย่างที่สุด ชีวิตของเขาแขวนไว้บนเส้นด้ายและสามารถถูกตัดได้ทุกเวลา

“เจี้ย เจี้ยน …เจี้ยนเฉิน” ดวงตาของฉินเซียวเปิดกว้างขึ้นอีกเล็กน้อยขณะที่แขนขวาของเขาสั่นและพยายามที่จะคว้ามือเจี้ยนเฉิน เขาดึงมือเจี้ยนเฉินวางมันลงบนเข็มขัดมิติของเขาเองช้า ๆ และเริ่มพูดว่า “ช่วย… ช่วยด้วย.. .. เอา… ขวดสีเขียว.. … ออกมา .. จาก .. เข็มขัดมิติ .. ให้ข้า …” เสียงของฉินเซียวเริ่มจางหายไป เมื่อเขาหายใจออกเบา ๆ ศีรษะของเขาก็ตกลงไปที่พื้นและเขาก็หมดสติไป

เจี้ยนเฉินเข้าใจความหมายของฉินเซียวทันที เขาหยิบเข็มขัดมิติของฉินเซียวขึ้นมาอย่างระมัดระวังโดยไม่ได้สัมผัสบาดแผลของฉินเซียว เขาก็เริ่มค้นหาอย่างจริงจัง ก่อนที่จะหยิบขวดสีเขียวลายครามออกมา 3 ขวด

เจียนเฉินเปิดขวด กลิ่นหอมหวานโชยออกมา

ขวดแต่ละขวดบรรจุเม็ดยาขนาดนิ้วหัวแม่มือที่เปล่งแสงสีขาวจาง ๆ

“นี่..นี่คือ ? ! ” เจี้ยนเฉินร้องออกมาด้วยความตกใจ เขารู้จักมันดี ในขณะที่ทั้งสามเม็ดมีผงจาง ๆ บนเปลือกนอก ส่วนภายในมีพลังเซียนธาตุแสงที่บริสุทธิ์จำนวนมาก

เจี้ยนเฉินก็เหมือนกับเซียนธาตุแสงและเข้าใจอย่างชัดเจนถึงผลลัพธ์ของพลังเซียนธาตุแสง เขาคว้ามันและยัดมันใส่ในปากของฉินเซียวทันที

หลังจากกลืนเม็ดโอสถ ใบหน้าของฉินเซียวเริ่มเปลี่ยนสีดีขึ้น โอสถเต็มไปด้วยพลังเซียนธาตุแสง มันเพียงพอที่จะรักษาฉินเซียวและสามารถช่วยชีวิตของเขาได้ อย่างไรก็ตามฉินเซียวยังไม่ไม่สติ

หลังจากอาการของฉินเซียวคงที่แล้ว เจี้ยนเฉินก็หายใจอย่างโล่งอก จากนั้นเขาก็หันไปหาชายสองคนที่มีเลือดไหลท่วมตัว

เขาจำผู้ชายทั้งสองคนได้ หนึ่งในนั้นคือฉินเจว่ซึ่งเป็นคนที่ฉินเซียวกล่าวว่าพ่อของเขาได้ชุบเลี้ยง เขาเกิดขึ้นมาและเติบโตมาในตระกูลเทียนฉินและเป็นคนที่ซื่อตรงมาก แต่ตอนนี้เขาหมดสติไปแล้ว ชายอีกคนหนึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกตระกูลเทียนฉินและเป็นหนึ่งในคนที่เข้าไปในประตูมิติเพื่อไปยังเมืองทหารรับจ้างพร้อมกับเขา เขาเป็นสหายของเทียนโจวแต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดเซียวอย่างมาก เขานั่งอยู่บนพื้นและกำลังกินยารักษาเพื่อฟื้นฟูร่างกาย

ชายสามคนรีบพรวดเข้ามาหาเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว

ทุกคนเรียกรู้จักทั้งสามคนนี้ “พี่ใหญ่ ! ” ทันใดนั้นทุกคนก็ร่าเริงขณะที่คนที่รักษาตัวอย่างช้า ๆ มองไปที่ชายสามคนที่กำลังเข้ามาใกล้และพยายามคลานขึ้นมาพบพวกเขา

ชายทั้งสามนี้คือเทียนโจวและพี่น้องอีกสองคนจากข้างนอก ตระกูลเทียนฉิน

“น้องสี่ ! “

“น้องสี่ ! “

“น้องสี่ ! “

เทียนโจวและอีกสองคนนั้นสามารถจดจำร่างที่เปื้อนเลือดได้อย่างรวดเร็วและตะโกนออกชื่อของเขาขณะที่พวกเขาวิ่งไปที่ด้านข้างของเขา

“น้องสี่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ? ใครทำอย่างนี้กับเจ้า ? “

“น้องสี่ บอกพวกเราสิ คนชั่วคนไหนที่ทำให้เจ้ามีสภาพเช่นนี้ ? “

ชายทั้งสองคนโกรธมากเมื่อเห็นร่างของน้องชายที่เปื้อนเลือด ใบหน้าของเทียนโจวค่อนข้างไม่น่าดูเมื่อทั้งสามคนเริ่มมองไปรอบ ๆ และเห็นร่างไร้สติของนายน้อยตระกูลเทียนฉิน โดยมีเจี้ยนเฉินและหญิงสาวที่มีธนูอยู่ข้าง ๆ เขา

เจ้าเป็นใคร ! หนึ่งในนั้นคำรามใส่หญิงสาว พวกเขารู้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นใคร แต่ไม่ใช่ผู้หญิงคนใหม่นี้

หญิงสาวมองดูทั้งสามคนอย่างดูถูกเหยียดหยามขณะที่นางหันหน้าไปทางด้านข้างอย่างหยิ่งยโส ราวกับว่านางไม่เต็มใจพูดหรือมองพวกเขา

เมื่อเห็นท่าทางของหญิงสาว ชายคนหนึ่งก็ตะคอกอย่างเยือกเย็นว่า “สาวน้อยเกเร เราถามคำถามเจ้า เจ้าหูหนวกหรือเปล่า ? “

หลังจากที่เขาพูดจบ หญิงสาวก็เคร่งขรึมขณะที่นางจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาที่รังเกียจ “หากพูดเช่นนี้อีกครั้ง ข้าจะฆ่าเจ้า” นางเดาว่าเจี้ยนเฉินรู้จักคนเหล่านี้ เพราะถ้าไม่ใช่เช่นนั้นนางคงจัดการพวกเขาไปนานแล้ว ชายทั้งสามคนนี้เป็นเซียนปฐพีและไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคงมีป้ายมากมาย

“เจ้า..” ชายคนที่นางพูดด้วยโมโหอย่างโกรธเคือง มีดยาวคมปรากฏขึ้นในมือของเขา “เจ้าคงเหนื่อยกับการมีชีวิต ข้าจะสอนบทเรียนกับเจ้าเอง ! ” จากนั้นเขาก็บินไปข้างหน้านาง

“เฮ้ พี่รอง อย่าหุนหันพลันแล่น ! เจ้าไม่ควรรีบทำร้ายสาวงาม ทันใดนั้นชายที่ดูน่าเกลียดคนหนึ่งยื่นมือออกมาเพื่อหยุดยั้งชายอีกคนจากการจู่โจมขณะที่เขาจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาเจ้าชู้

เมื่อได้ยินอย่างนี้พี่รองผู้นั้นก็ตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพูดด้วยเสียงหัวเราะที่มืดมนว่า “น้องสาม เจ้าเป็นคนฉลาดมาก ! มันคงจะเป็นเรื่องน่าเสียดายหากสาวงามผู้นี้ต้องตายตอนนี้ ! ” เขาหัวเราะอีกครั้งเมื่อพูดกับหญิงสาว “สาวน้อย ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ช่างน่าละอายที่ต้องฆ่าสาวงามเช่นนี้ ทำไมเจ้าไม่มารรับใช้พวกเราให้ดี ถ้าเจ้าทำให้เราพอใจ พี่ใหญ่จะปล่อยเจ้าไป”

ใบหน้าของหญิงสาวนั้นแข็งกระด้าง นางมีสีหน้าฉุนเฉียว

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ แม้แต่ใบหน้าของเจี้ยนเฉินก็มืดมน แม้ว่าเขาจะมีเรื่องทะเลาะกับนางมากมาย แต่เขาก็ไม่สามารถทนฟังคำพูดของทั้งสองได้ ในขณะนี้เพราะหญิงสาวและเขาอยู่ฝ่ายเดียวกัน ส่วนเทียนโจวและพวกของเขาก็ไม่ได้ตรงไปตรงมากับเขา เพราะเทียนโจวได้ก่อปัญหามากมายให้กับเขาก่อนหน้านี้ในตระกูลเทียนฉิน

“ถ้าไม่อยากตาย เจ้าทั้งสองคนก็ควรหุบปากซะ” เจี้ยนเฉินยืนขึ้นอย่างช้า ๆ ขณะที่จ้องมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างเย็นชา

“เจ้าโง่ หญิงงามกับเราสองคนกำลังพูดกันอยู่ เจ้าจะเข้ามายุ่งทำไม ? เจ้าไม่ตายดีแน่” พี่รองจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างอันตราย ในขณะที่เจี้ยนเฉินมีมิตรภาพที่ดีกับนายน้อยฉินเซียวที่อยู่ในตระกูลเดียวกันกับเทียนโจว พวกเขาเป็นพี่น้องของเทียนโจวและรู้ว่าเจี้ยนเฉินไม่ใช่คนที่เหมือนกับเทียนโจว

เทียนโจวที่เงียบขรึมก่อนหน้านี้มองด้วยสีหน้าฉุนเฉียว. เขาจ้องเจี้ยนเฉินด้วยสายตาอำมหิต,เขามีข้อร้องเรียนจำนวนมากเกี่ยวกับเจี้ยนเฉินจากเมืองหว่าลู่เหรินและเริ่มมีข้อพิพาท. ถ้าไม่ใช่เพราะผู้นำตระกูลทั้งสองมาหยุดเรื่องนี้ เขาคงได้สู้กับเจี้ยนเฉินไปแล้ว แม้แต่ในเมืองทหารรับจ้างเขาต้องการโจมตีเจี้ยนเฉินหลายครั้งแต่ถูกระงับเนื่องจากผู้อาวุโสสูงสุด อย่างไรก็ตามตอนนี้มีโอกาสอยู่ตรงหน้าเขา เขาจะไม่ปล่อยให้สิ่งนี้ผ่านไป

เทียนโจวมองดูชายที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดซึ่งเขาเข้าใจสิ่งที่เทียนโจวหมายถึง เขาชี้ไปที่เจี้ยนเฉินพลางร้องเสียงดังว่า “พี่ใหญ่, พี่สอง, พี่สาม ! เด็กชั่วช้าคนนี้โจมตีเรา ! เด็กที่โหดร้ายคนนี้ต้องการฆ่าฉินเซียวคนในตระกูลเทียนฉินของเรา สมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มและข้าถูกจับเมื่อเขาโจมตีและพวกเราก็บาดเจ็บสาหัส ! ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่มาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว ข้าเกรงว่าข้าคงไม่มีโอกาสได้พบท่านอีกแล้ว”

น้องสี่ผู้นั้นเช็ดน้ำตาและเริ่มส่งเสียงครวญคราง

ใบหน้าของเทียนโจวแข็งตัวขณะที่จ้องมองเจี้ยนเฉิน “เจ้าหนู เจ้าดูหมิ่นน้ำใจของพวกเรา ในขณะที่เจ้าได้รับการนับถือว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติ เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ ? วันนี้ ข้าเทียนโจวจะไม่ให้อภัยเจ้า น้องสามไปจับตัวฆาตกรฉินเซียวของเรา” ในสายตาของเทียนโจว เจี้ยนเฉินเป็นเพียงเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษและไม่ใช่คนที่มีจุดเด่น

“ได้เลยพี่ใหญ่ ! ” ทันใดนั้นน้องสามก็กระโดดขึ้นมาและบินเข้าหาเจี้ยนเฉินพร้อมกับอาวุธเซียนของเขา ตั้งแต่เริ่มต้นเขาไม่เคยเห็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษอยู่ในสายตา

เจี้ยนเฉินจ้องกลับไปเนื่องจากเป็นเรื่องที่ไร้สาระ เขาจึงไม่อยากพูดตอบโต้

หยุด ! ทันใดนั้นได้ยินเสียงที่อ่อนแอดังขึ้นเมื่อฉินเจว๋ที่โชกเลือดได้สติขึ้นมาในขณะที่พวกเขากำลังวุ่นวาย ด้วยความพยายามอย่างที่สุด เขาพูดออกมาอย่างรีบร้อนว่า “เจ้าเข้าใจผิด เราถูกเซียนปฐพีที่แข็งแกร่งมากจู่โจม มันไม่เกี่ยวข้องกับเจี้ยนเฉินเลย”

ใบหน้าของเทียนโจวดูน่าเกลียดในขณะที่เขาจ้องมองฉินเจว๋ “ไร้สาระ ! ฉินเจว๋ หัวของเจ้าคงได้รับการกระทบกระเทือน เจ้า, ฉินเซียวและน้องสี่ถูกเจี้ยนเฉินซุ่มโจมตีอย่างชัดเจน มีคนอื่นอยู่ที่นั่นรึ ? “

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินเจว๋ก็ได้แต่กระพริบตาและนิ่งเงียบ เขาเพิ่งได้สติขึ้นมาและไม่ได้ยินคำพูดของเทียนโจว ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจในสถานการณ์อย่างชัดเจน เขารู้ว่าเทียนโจวปรารถนาอย่างยิ่งที่จะทำให้ชีวิตของเจี้ยนเฉินยากลำบาก แต่ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสของเขา เขาไม่สามารถแม้แต่จะช่วยตัวเองได้ ไม่ต้องพูดถึงการรวบรวมกำลังช่วยเหลือเจี้ยนเฉิน

ในขณะนี้น้องสามได้มาถึงตัวเจี้ยนเฉินแล้ว เขาเย้ยหยันเจี้ยนเฉินต่อหน้าใบหน้าขาวหล่อเหลา ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว แขนของเขาเอื้อมมือจับไหล่ของเจี้ยนเฉินด้วยพละกำลังที่สามารถหักกระดูกของเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้ทันที

ดวงตาของเจี้ยนเฉินส่องประกายอย่างรุนแรงขณะที่กระบี่วายุโปรยปรากฏขึ้นในมือขวาของเขา กระบี่วายุโปรยหยุดและจ่อที่ลำคอของก่อนที่พี่สามจะตอบโต้ได้

การเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันนี้ทำให้ชายผู้นั้นตกตะลึง แม้แต่แขนที่กำลังจะคว้าที่ไหล่ของเจี้ยนเฉินก็หยุดชะงักในขณะที่เขายืนนิ่งสนิท

“จ จ เจ้า ..” พี่สามจ้องดาบที่คอของเขาอย่างไร้เสียงพูด ความตกใจทำให้เขาเริ่มพูดติดอ่าง

เขาไม่คิดเลยว่า “เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ” คนเดียวสามารถจ่ออาวุธเซียนมาที่คอของเขาได้โดยที่เขาไม่สังเกตเห็น สำหรับเซียนปฐพี นี่เป็นสิ่งที่เขาตกใจอย่างยิ่ง

“เจ้าสามารถกลับดำเป็นขาวได้ด้วยสถานการณ์นี้ อย่าโทษข้าที่ไม่สุภาพ” เจี้ยนเฉินจ้องมองเทียนโจวขณะที่เขาพูด

เมื่อถูกคุกคามโดยคนรุ่นใหม่ ทำให้หน้าของเทียนโจวฉุนเฉียว “โจมตี ! ฆ่าเขาและช่วยน้องสาม ! ” ด้วยเหตุนี้เทียนโจวจึงดึงดาบสีแดงออกมาและพุ่งไปหาเจี้ยนเฉิน

น้องรองก็ดึงอาวุธเซียนออกมาและพุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินเช่นกัน

ในเวลาเดียวกัน น้องสามที่ถูกจับเป็นตัวประกันโดยกระบี่ของเจี้ยนเฉินก็ใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงและเตรียมพร้อมหนีทันที ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มือของเขาจ่อไปที่คอของเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินมองเขาด้วยสายตาดูหมิ่นและใช้กระบี่ตัดคอของน้องสาม ในไม่ช้าหัวของเขาก็แยกออกจากร่างกาย น้ำพุเลือดสาดกระเซ็นออกมาจากคอของเขาและย้อมสีพื้นด้วยสีแดงสด

“พี่สาม ! “

“พี่สาม ! “

“น้องสาม ! “

เทียนโจวและคนอื่น ๆ ร้องด้วยความโกรธแค้นและความโศกเศร้า

เจ้าคนชั่วช้า ! วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้า ! “

” เพื่อล้างแค้น ! “

เทียนโจวและคนอื่น ๆ ต่างคำรามด้วยความโกรธเมื่อจ้องมองเจี้ยนเฉินด้วยตาที่ลุกเป็นไฟราวกับว่าพวกเขาต้องการทำลายเจี้ยนเฉิน

“วูช ! “

ทันใดนั้นได้ยินเสียงเป่าก็ดังขึ้นอีกเสียงเมื่อแสงสีทองพุ่งมาจากด้านหลังของเจี้ยนเฉิน ในทันใดนั้นสิ่งที่เหมือนสายฟ้าก็พุ่งทะลุหน้าอกของน้องรอง ปักตรงหัวใจของเขาด้วยหลุมลึก

หลังจากพุ่งเข้าหาหน้าอกของน้องรอง ลูกธนูก็ยังดิ่งตรงไปและเดินทางไปอีก 100 เมตรก่อนที่จะชนเข้ากับทางลาดชันของภูเขาและหายไปจากสายตา

เจี้ยนเฉินหันหน้าไปมองจึงเห็นใบหน้าเย็นยะเยือกของหญิงสาวสวมชุดสีเหลือง ในมือของนางคือธนูสุริยันจันทราสีทองที่มีสายธนูดูราวกับว่ามันเพิ่งจะถูกบิด

พี่รองเป็นคนแรกที่ได้ดูถูกนาง และด้วยบุคลิกของหญิงสาว ไม่มีทางที่นางจะให้อภัยเขา หากน้องสามไม่ได้ถูกเจี้ยนเเฉินฆ่าตายไปก่อน นางก็คงจะฆ่าเขาเช่นกัน

ดวงตาของน้องรองเบิกกว้างขณะที่มองดูคันธนูสีทองและหญิงสาวซึ่งถือมันด้วยความไม่เชื่อ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเด็กสาวที่ดูอ่อนแออย่างนางจะมีพลังการต่อสู้ที่น่ากลัว ลูกศรสีทองนั้นเดินทางด้วยความเร็วเกินกว่าที่เขาจะตรวจพบได้

ปัง ! ร่างของน้องรองล้มลงกับพื้น เขาสิ้นลมหายใจ หลังจากถูกเด็กสาวที่ดูอ่อนแอฆ่าตาย เขาจึงตายในสภาพที่ไม่สงบ

เมื่อเห็นน้องรองของเขาล้มตาย ใบหน้าของเทียนโจวก็ตื่นตระหนกก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีขาวทันที ทั้งเจียนเฉินและพลังการต่อสู้ของเด็กสาวคนนี้เกินกว่าที่เขาคาดไว้ น้องรองและน้องสามต่างก็มีพละกำลังที่ไม่ด้อยกว่าเขามากนัก แต่พวกเขาทั้งสองก็ถูกฆ่าตายทันที

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือลูกศรที่หญิงสาวชุดเหลืองยิงออกมา พวกเขาทิ้งเขาไว้ในสภาพหวาดกลัว ถ้าหากเขาเป็นคนที่ถูกยิง เขาก็คงไม่มีเวลาพอให้หลบเพราะมันใกล้กันมาก เขาจะได้พบกับชะตากรรมเดียวกันกับน้องรองของเขา

เทียนโจวเลิกก้าวไปข้างหน้าทันที ด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เขาก็ติดอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

เจี้ยนเฉินหันไปมองเทียนโจวพร้อมกับจ้องมองอย่างตั้งใจและยั่วยุว่า “เจ้าไม่ได้บอกหรอกหรือว่าเจ้ากำลังจะฆ่าข้า ? ทำไมเจ้ายังไม่ทำอะไรอีก ? “

เมื่อได้ยินอย่างนี้ ใบหน้าของเทียนโจวก็เปลี่ยนไป เขามองทั้งสองคนอย่างโกรธแค้น “เจ้าคนชั่ว ข้าเทียนโจวจะไม่ลืมวันนี้ ! ” จากนั้นเทียนโจวก็บินไปในทิศทางตรงกันข้ามเพื่อหลบหนี

หญิงสาวดึงธนูของนางออกทันที นางกำลังจะยิงเทียนโจวทันใดนั้นเจี้ยนเฉินก็หายตัวไปจากตำแหน่งเดิมและบินไปหาเทียนโจว

เมื่อมาถึงครึ่งทาง กระบี่ของเจี้ยนเฉินพุ่งเข้ามาพร้อมกับแสงสว่าง ปราณกระบี่จำนวนหนึ่งบินไปที่เทียนโจว

เมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกประหลาดไล่ล่า เทียนโจวก็บินไปด้านข้างและใช้พลังเซียนธาตุไฟของเขาเสริมกระบี่ยักษ์เพื่อทำลายปราณกระบี่ที่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ด้วยความล่าช้านี้ ความเร็วในการหนีของเขาก็ช้ากว่าเดิมมาก เจี้ยนเฉินจึงตามตัวเขาทันและแทงเขาโดยไม่ลังเล

หลังจากถูกปิดกั้นเส้นทางหลบหนี เทียนโจวจึงทำอะไรไม่ได้และเลือกที่จะหันกลับมาสู้กับเจี้ยนเฉิน เขาระเบิดพลังเซียนออกมาจากร่างของเขา แรงกดดันรอบตัวพวกเขาก็เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น หญ้าเบื้องล่างเริ่มเหี่ยวเฉา

“ฮะ ! ” เทียนโจวตะโกน เขาเหวี่ยงกระบี่ยักษ์ลงมาที่เจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินฟาดกระบี่วายุโปรยลงมาปะทะอย่างไม่เกรงกลัว จากนั้นเจี้ยนเฉินก็โบกมือทำให้กระบี่วายุโปรยกระแทกกระบี่ยักษ์จนกระเด็นออกไป ด้วยพลังที่แข็งแกร่งกระบี่แทงเข้าไปที่หน้าอกลึกของเทียนโจวในทันทีก่อนที่ปลายกระบี่คมจะทะลุออกจากด้านหลัง

“จ…เจ้า….เจ้าเป็นเซียนปฐพีหรือ ? ได้อย่างไร ! ? ” ในขณะนั้นเทียนโจวเพิ่งจะกระจ่าง คนที่เขาไม่เคยใส่ใจที่จะเหลียวมองไม่ใช่เซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ แต่เป็นเซียนปฐพี !

“ไม่น่าแปลกใจเลย ! ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าสามารถฆ่าน้องสามและไล่ตามข้าได้ ! ” ใบหน้าของเทียนโจวมัวหมองขณะที่เขาเริ่มรู้สึกเสียใจอย่างมาก หากเขาได้ทราบมาก่อนหน้านี้ว่าเจี้ยนเฉินเป็นเซียนปฐพี เขาจะไม่พยายามยั่วยุเจี้ยนเฉิน

“ช่างโชคร้ายเหลือเกินที่เจ้ารู้เรื่องนี้สายเกินไป” เจี้ยนเฉินกล่าวโดยไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเพราะในขณะนี้เขาตั้งใจจะฆ่าเทียนโจว