ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 253 เยี่ยนจ้าวเกอที่แปลกไป

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

‘สงครามนี้ ยอดฝีมือของฝ่ายศัตรูเองก็น้อย นอกจาก ซือหม่าฉุย ‘ราชันมังกร’ แล้ว ก็ไม่มีมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณคนไหนอีก’ เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งมองเจดีย์สูงสีทองนั่น พลางจมสู่ห้วงความคิด

อาหู่ยิ้มกว้างเห็นฟัน “แม้ว่าจะมีการดักซุ่ม แต่การทำลายมหาค่ายกลแดนมารนี้ก่อน ถึงอย่างไรก็ไม่น่าผิดไปได้ ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่สามารถทำให้นพยมโลกมาถึงที่นี่ได้กระมัง?”

“อีกทั้งทำลายมหาค่ายกลแดนมารแล้ว ศัตรูก็สูญเสียข้อได้เปรียบชัยภูมิเช่นกัน”

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เอ่ยตอบ เพียงมองรอบๆ ทั้งสี่ด้าน และมองลวดลายแต่ละสายที่ตัดสลับกันนั่น เริ่มคิดคำนวณทบทวนในใจไม่หยุดหย่อน

หลังจากเหตุปั่นป่วนที่ทะเลสาบปิดนภา เยี่ยนจ้าวเกอได้รับบทเรียนและประสบการณ์ กัดฟันพยายามทุ่มเวลาในด้านวิถีค่ายกลอย่างแท้จริงครั้งหนึ่ง

ถึงแม้จะมีเวลาจำกัด ไม่สามารถเกิดความเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินในชั่วประเดี๋ยวได้ ทว่าก็มีความก้าวหน้าที่ฉับไวเช่นกัน

 ‘มหาค่ายกลแดนมารนี้ ท้ายที่สุดแล้วมีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะให้นพยมโลกมาถึง เป็นค่ายกลที่ทำลายเส้นเขตมิติเวลา’ เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดในใจ ‘กระนั้น หากต้องการลอบทำด้วยเล่ห์กลล่ะก็ จะเป็นที่ด้านมิติแปรปรวนด้วยหรือไม่?’

‘เปิดประตูสวนทาง ส่งพวกเราไปยังนพยมโลกจากโลกแปดพิภพแห่งนี้หรือ? แต่ก็รู้สึกว่าไม่เหมือน…’

เยี่ยนจ้าวเกอคิดหาวิธีปัญหาแบบแผนค่ายกลไม่ตก ความคิดเหลือคณานับผุดขึ้นในใจราวกับสายฟ้าแลบ

ที่แห่งนี้เขากับอาหู่หยุดมือแล้ว ยอดฝีมือเขากว่างเฉิงคนอื่นๆ กลับไม่ได้หยุดฝีเท้าบุกเข้าโจมตี

มหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณคนหนึ่ง ใช้กระบวนท่าดาบวิญญาณแปดฉากผ่าออกไป พลังปราณดั้งเดิมกลายสภาพเป็นม่านแสงกั้น คลุมเจดีย์สูงสีทองนั่นไว้

ชั่วขณะถัดมา ม่านแสงกั้นรอบทิศนั้นแตกกระจายออกพร้อมกัน เชื่อมกับเจดีย์สูงสีทองที่เดิมก็จะล้มแหล่มิล้มแหล่ เริ่มถล่มพังทลายลงในที่สุดเช่นกัน

ชายหนุ่มตั้งใจสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของการพังทลายเจดีย์สูงสีทอง และมหาค่ายกลแดนมาร

ชั่วเวลาฉับพลันนั้น เยี่ยนจ้าวเกอสังเกตเห็นถึงปัญหา

เปรียบเทียบการโคจรของมหาค่ายกลแดนมารในตอนนี้ กับมหาค่ายกลใต้ทะเลสาบปิดนภาที่ถูกเขาทำลายสิ้นครั้งนั้น ทั้งสองหาได้แตกต่างกันไม่ หนำซ้ำยังเหมือนกันทุกประการ

ทว่าเมื่อถึงตอนที่มหาค่ายเกิดเริ่มผันกลับดับสูญ กลับมีความต่างเล็กน้อย

เจดีย์สูงสีทองกำลังถล่ม ประตูแสงสีแดงดับลงในที่สุด ลวดลายค่ายกลสีดำราวกับสายโซ่ทุกสายขาดสะบั้นอย่างต่อเนื่อง

ไอมารสีดำอันเข้มข้นในโลกหล้าเริ่มไหลย้อนเข้าสู่ภายในร่างกายผู้กลายเป็นมารที่อยู่ที่นี้ ทำให้พวกเขาเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่

ทุกสิ่งทุกอย่างต่างก็คล้ายคลึงกัน ประหนึ่งภาพฉากครั้งในทะเลสาบปิดนภาปรากฏขึ้นอีกครั้ง

มีเพียงหนึ่งอย่างที่ไม่เหมือน!

เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกถึงพลังของมหาค่ายกลแดนมารแห่งนี้ คล้ายกับกำลังถูกนำพาไปยังสถานที่อื่นอย่างคลุมเครือ ตามการถล่มลงของเจดีย์สูงสีทอง!

เขาเชิดศีรษะขึ้นทันใด บัดนี้ไม่มีเวลากล่าวมากความ ชายหนุ่มกระโดดลงจากเสาทางเดินวังเทพ จากนั้นยกเสาขึ้นด้วยมือข้างหนึ่ง พุ่งไปทางเจดีย์สูงสีทองที่กำลังถล่มลงอย่างรวดเร็ว

จอมยุทธ์เขากว่างเฉิงคนอื่นๆ มองดูเยี่ยนจ้าวเกอยกเสาทางเดินวังเทพมหึมาพุ่งพรวดไปทางเจดีย์สูงสีทอง ต่างก็รู้สึกงุนงงอยู่บ้าง “ศูนย์กลางค่ายกลก็กำลังจะล่มสลายแล้ว เขากำลังจะทำอะไร ละโมบความดีความชอบรึ?”

“แต่หากว่าละโมบความชอบล่ะก็ พวกเราหลายคนเช่นนี้เห็นอยู่ เจ้านำหน้าทลายค่ายกล ช่วยเหลือทุกคนตีฝ่าเข้ามา ไหนเลยความชอบชั้นแรกจะขาดส่วนหนึ่งของเจ้าไปเล่า”

มหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณที่เข้าใกล้เจดีย์สูงสีทองนั้นที่สุด ยามนี้ก็มองทางเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความงงงันเช่นกัน พลางมุ่นคิ้วเล็กน้อย “จ้าวเกอไม่ต้องห่วง ดาบนั่นของข้าดาบเดียว รับรองได้ว่าทำลายเจดีย์สูงสีทององค์นี้ได้…”

ไม่รอให้เขากล่าวจบ เยี่ยนจ้าวเกอกระวีกระวาดตัดบท “ท่านผู้อาวุโสฉง รักษาเจดีย์นี้ไว้ก่อน อย่าให้มันพังลงมา!”

ครั้นประโยคนี้ออกจากปากชายหนุ่ม ทุกๆ คนก็อ้าปากตาค้าง

แม้แต่จอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตกับผู้กลายเป็นมารที่ยังคงเหลือรอดอยู่ในที่นี้ ต่างก็ตะลึงงันอยู่กับที่ ตกอยู่ในภวังค์มองดูเยี่ยนจ้าวเกอ

กระทั่งในฝันผู้อาวุโสฉงก็คิดไม่ถึงเช่นกัน ว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะโพล่งประโยคเช่นนี้ออกมา

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความประหลาดใจ “สุดท้ายแล้วเจ้า…”

ผู้อาวุโสฉงเอื้อนเอ่ยออกมาเพียงครึ่งหนึ่ง ความระแวดระวังฉายชัดในดวงตา ทั้งยังเจือความพินิจพิเคราะห์ในนั้นด้วย พลางสำรวจเยี่ยนจ้าวเกอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

เขาคิดได้ถึงความเป็นไปได้หนึ่ง แม้เขาจะรู้สึกว่าความเป็นได้นี้ดูเหลวไหลสิ้นดี กระนั้นถึงเหลวไหลเพียงใดก็มิสู้การกระทำของราวกับเยี่ยนจ้าวเกอ ที่เหมือนกับกลายเป็นคนละคนในตอนนี้

กลายเป็นมาร!

จอมยุทธ์กว่างเฉิงคนอื่นๆ ต่างก็มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความลังเลอยู่บ้างเช่นกัน

หากพูดว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลายเป็นมาร พวกเขาก็ไม่เชื่อเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเหตุปั่นป่วนที่ทะเลสาบปิดนภา ที่ชายหนุ่มขัดขวางการมาถึงของนพยมโลกไว้ และการมาถึงของนพยมโลก ณ ดินแดนบรรพชนตระกูลหวังคราวนี้ เขก็แสดงบทบาทสำคัญในการตีฝ่ามหาค่ายกลแดนมารเช่นกัน

หากต้องหาจอมยุทธ์ปรมาจารย์ในโลกแปดพิภพคนหนึ่ง ที่ปรารถนาสังหารภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตและนพยมโลกที่สุดจึงจะสบายใจ เยี่ยนจ้าวเกอเป็นที่สอง ก็ไม่มีผู้ใดกล่าวว่าเป็นที่หนึ่ง

คนเช่นนี้กลายเป็นมาร ทำให้ผู้คนยากปักเชื่ออย่างยิ่ง

ทว่าการกระทำที่ผิดแผกไปของเยี่ยนจ้าวเกอ ทำให้ทุกคนยากจะเข้าใจจริงๆ

หรือว่าตอนทำลายค่ายกลเมื่อครู่ ถูกปลุกความคิดชั่วร้ายในใจในขณะนั้น?

นพยมโลกมุ่งเจาะรูรั่วในใจผู้คนโดยเฉพาะ ใครก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตนเองจะถูกปลุกปั่นฉับพลันเมื่อใด ได้แต่เพียงตื่นตัวทุกวินาที

เจดีย์สูงสีทองได้แตกเป็นเศษเล็กเศษน้อย ถล่มทลายลงไปจนจะกลายเป็นซากปรักหักพังอยู่แล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอไม่มีเวลาจะอธิบายมากนักแล้ว เขากระโจนตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า ปล่อยเสาทางเดินวังเทพลงมา กดอัดเจดีย์สูงสีทองที่ใกล้จะแหลกละเอียดไว้

เคราะห์ดีที่ชื่อเสียงบารมีและการแสดงออกของเขาในยามปกติ สร้างความประทับใจไว้ในจิตใจบรรดาผู้คนลึกซึ้งอย่างยิ่ง ทุกคนแม้จะกังขา ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้ขัดขวางเขา

เยี่ยนจ้าวเกออัดเจดีย์สูงสีทองที่พังทลายลงไว้ สีหน้าท่าทางยังคงหนักแน่น รวมสมาธิคิดแก้ปัญหาสะสางความเปลี่ยนแปลงของค่ายกลอยู่ตลอดเวลา

เห็นเยี่ยนจ้าวเกอไม่อาจแยกสมาธิพูดจาได้ อาหู่จึงเร่งรีบรุดหน้าเอ่ย “ผู้อาวุโสฉง คุณชายรู้สึกว่าการเดินทางหนนี้ของพวกเราราบรื่นเกินไป เกรงว่าอีกฝ่ายจะมีเล่ห์กล”

ผู้อาวุโสฉงได้ยินดังนั้น ก็ผงกศีรษะเล็กน้อย “ใช่ ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน หากแต่ไม่ว่าจะแอบซุ่มโจมตีหรือสิ่งอื่น ก็จะไม่อาจเห็นนพยมโลกมาเยือนได้ ทำลายมหาค่ายกลแดนมารไว้ก่อน ถึงอย่างก็จะไม่มีทางพลาดพลั้ง ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีแผนการเช่นไรอีก ท้ายที่สุดเป้าหมายก็คือทำให้นพยมโลกมาถึง”

“ซึ่งหากว่าประตูนพยมโลกเปิดออก ผลที่ตามมาย่อมแสนสาหัสสุดจะคาดอย่างไม่ต้องสงสัย ผลลัพธ์ที่เลวร้ายถึงเพียงใด ก็เลวร้ายไม่สู้ผลลัพธ์นี้เช่นกัน”

ยอดฝีมือมหาปรมาจารย์สำนักเขากว่างเฉิงคนอื่นๆ หลายคน ต่างก็ผงกศีรษะเช่นกัน

เวลานี้ในที่สุดเยี่ยนจ้าวเกอก็กระจ่างชัดถึงการแปรเปลี่ยนฉับพลันของค่ายกล เปล่งเสียงกล่าวว่า “นพยมโลกมาเยือนที่แห่งนี้ เป็นผลลัพธ์ที่เลวร้ายยิ่งจริงแท้ ทว่ายังไม่ใช่ที่เลวร้ายที่สุด”

กลุ่มของผู้อาวุโสฉงงุนงงเล็กน้อย เยี่ยนจ้าวเกอสูดหายใจเข้าลึก เงยศีรษะขึ้นมองไกลออกไป “นพยมโลกมาเยือนที่แห่งนี้ จะดีหรือร้ายพวกเราก็ต่อสู้อย่างมีการตระเตรียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีท่านอาจารย์ลุงใหญ่อยู่ที่นี่ ต่อให้ประตูนพยมโลกเปิดออกจริงๆ พวกเราก็สามารถสู้รบด้วยชีวิตขัดขวางมารร้ายได้ เพื่อให้ยอดฝีมือคนอื่นๆ ของสำนักเข้าหนุนกำลัง และยื้อเวลาให้ชาวบ้านคนธรรมดาเคียงใกล้ได้ถอยอพยพ”

“แต่ว่าหากอยู่ในอีกพื้นที่ที่พวกเราไม่ได้เตรียมป้องกันสักนิด พลันไร้ซึ่งลางสังหรณ์ใดๆ เปิดประตูอีกบานหนึ่งในชั่วเสี้ยวขณะ นำนพยมโลกมาถึงเล่า?”

จอมยุทธ์กว่างเฉิงทุกคนในพื้นที่พลันรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง

ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบปิดนภา หรือจะดินแดนบรรพชนตระกูหวังแห่งนี้ สามารถขัดขวางการเยือนของนพยมโลกได้ สาเหตุที่สำคัญยิ่งอยู่ที่การก่อตัวของมหาค่ายกลแดนมาร ประตูนพยมโลกเปิดออก มีกระบวนการหนึ่ง ต้องใช้เวลาตามที่กำหนด

ขณะเดียวกัน การตั้งมหาค่ายกลก็ต้องใช้เวลาและของวิเศษเช่นกัน ใช่ว่าจะไร้ร่องรอยให้เสาะหาเสียเมื่อไร และมีความเป็นได้ว่าก่อนหน้าที่มหาค่ายกลจะก่อตั้งสมบูรณ์ ก็ถูกสังเกตเห็นเสียก่อน

นี่ล้วนเป็นโอกาสให้จอมยุทธ์โลกแปดพิภพพังทำลาย

กระนั้นหากเป็นสถานที่หนึ่ง ไร้ซึ่งเค้าลางแม้แต่น้อย อีกทั้งไม่ต้องการกระบวนการใดๆ ชั่วพริบตาก็เปิดบานประตูนพยมโลกได้เล่า?

เพียงแค่ครุ่นคิด ทุกคนในเหตุการณ์ล้วนกลัวจนตัวสั่นงก

—————————