ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 254 ฟ้าดินพลิกผัน!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

วาจาของเยี่ยนจ้าวเกอทำให้จอมยุทธ์สำนักเขากว่างเฉิงที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็เสียวสันหลังวาบ

มหาปรมาจารย์สำนักเขากว่างเฉิงที่ประมือกับประมุขตระกูลหวังท่านนั้น จ้องคู่ต่อสู้ตาเขม็ง ตะโกนถาม “เป็นเช่นนี้เองรึ?”

ประมุขตระกูลหวังฉงนสนเท่ห์อยู่บ้าง จึงค่อยฟื้นคืนสติกลับมา ในดวงตามีความอาฆาตแค้นแล่นปราดนิดหน่อย

พวกเขาล้วนถูกใช้ประโยชน์ ให้เป็นเหยื่อล่อและเบี้ยล่างที่ดึงดูดความสนใจของเขากว่างเฉิงไว้

หากแต่ชราชราผู้นี้เก็บอารมณ์ของตนไว้อย่างรวดเร็ว กระนั้นยังคงมีท่าทีฉงน และเปล่งเสียงฮึดฮัดลนลานอยู่บ้าง “ข้าไม่เข้าใจว่าพวกเจ้ากำลังพดเรื่องอะไรอยู่”

แม้ปฏิกิริยาเขาจะฉับไว ทว่าแววตาที่แปรเปลี่ยนไปแม้เพียงน้อยนิด มหาปรมาจารย์เขากว่างเฉิงที่กำลังตั้งใจสังเกตเขาอยู่ล้วนเห็นอย่างชัดเจน

ผู้อาวุโสสำนักเขากว่างเฉิงท่านนี้พลันผิดหวังยิ่งยวดในใจ ดาบหนึ่งปราบคู่ต่อสู้ของตนถอยร่น หันศีรษะกลับมาส่ายหน้าให้พวกผู้อาวุโสฉง “เกรงว่าจะเป็นจริง!”

กลุ่มผู้อาวุโสฉงต่างก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง มองไปทางเจดีย์สูงสีทององค์นั้นที่ได้แตกกระจายไปแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอกระโดดลงมาจากเสาทางเดินวังเทพ ยืนอยู่บนซากปรักหักพังหลังจากที่เจดีย์สูงสีทองพังทลายลง ก่อนจะยื่นฝ่ามือออกไปทาบลงบนพื้นผิว จอจ่อคิดทบทวนการเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนของไอมารในนั้น

หลังจากนั้นครู่ใหญ่ เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึมอยู่บ้าง “ช้าไปหน่อยแล้ว การพลิกผันของค่ายกลได้เริ่มต้นแล้ว ไอมารจำนวนมาถูกส่งไปไกลออกไป การปราบปรามของข้าตอนนี้ ก็เพียงแค่ถ่วงเวลาขั้นตอนนี้ไว้ชั่วคราวเท่านั้น”

สีหน้าท่าทางผู้อาวุโสฉงเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม อยากจะตบหน้าตนเองสักฉาด

มหาปรมาจารย์เขากว่างเฉิงอีกคนหนึ่งไกลออกไปร้องตะโกนเสียงทุ้ม “ศิษย์พี่ฉง สงบจิตใจไว้ ความเสียใจก็เป็นการยึดติดเช่นกัน ถูกมารฉกฉวยได้ง่าย!”

ครั้นกล่าวจบ เขามองไปทางเยี่ยนจ้าวเกอ “ยืนยันได้หรือไม่ว่าประตูนพยมโลกที่เปิดออกใหม่อยู่ที่ใด?”

เยี่ยนจ้าวเกอหลับตา หลังจากครู่หนึ่งจึงลืมตาขึ้น เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “เกาะนภาใต้!”

จอมยุทธ์ทุกคนยิ่งรู้สึกขมขื่นในใจ

เกาะนภาใต้ เนื่องจากอยู่ตรงข้ามกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์พอดี จึงมีจอมยุทธ์พร้อมรบสำนักเขากว่างเฉิงมากมายตั้งมั่นอยู่

นอกจากเกาะนภากลางที่สำนักเขากว่างเฉิงตั้งอยู่แล้ว ในบรรดาผู้อาวุโสคุมการณ์ของเกาะทั้งหก อันได้แก่ นภาใต้ นภาเหนือ นภาตะวันตก นภาตะวันออก เกาะทราย เกาะกาน ผู้อาวุโสสูงสุดเกาะนภาใต้มีพลังความสามารถแกร่งที่สุด

กระนั้นก็เพราะเตรียมป้องกันสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ คุมเชิงกับพวกเขา ฉะนั้นยอดฝีมือเขากว่างเฉิงจำนวนมาก รวมถึงผู้อาวุโสสูงสุดเกาะนภาใต้ จึงมักจะประจำการอยู่ชายแดนเกาะนภาใต้ และบริเวณเขตแดนอัคคีพิภพ

การจัดเตรียมของสำนักเขากว่างเฉิงที่เกาะนภาใต้ คือมุ่งเข้าหาด้านใต้ไม่ใช่ด้านเหนือ เพราะแถบเหนือก็คือเกาะนภากลางนั่นเอง

นี่ทำให้นอกจากเกาะนภาใต้ตรงแนวชายแดนส่วนใต้แล้ว การป้องกันของพื้นที่ส่วนในอ่อนแออย่างยิ่งยวด

ถ้าหากเขตใจกลางเกาะนภาใต้เกิดรอยแยกมิติออก นพยมโลกมาถึง เช่นนั้นก็แน่นอนแล้วว่าจะเกิดการทำลายล้างอย่างมหาศาล สายสำนักเขากว่างเฉิงยากยิ่งตอบโต้ได้ทันกาล

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยังจำเป็นต้องพิจารณาถึงทางด้านสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์นั้นว่าจะมีความเคลื่อนไหวเช่นไร

การเพิ่มกำลังหนุนจากทางสำนักที่เกาะนภากลาง เวลากระชั้นชิดยิ่งเช่นกัน ยากจะตามทัน

มีคนโอบกอดความคาดหวังสุดท้ายไว้ เอ่ยถามเยี่ยนจ้าวเกอ “หากอีกฝ่ายวางแผนเช่นนี้ ไหนเลยต้องรอพวกเราเหยียบย่ำหลุมพราง พวกเขาไม่สามารถพังทลายศูนย์กลางค่ายกลมารของที่นี่ได้เอง จึงทำให้เป้าหมายในการเปลี่ยนตำแหน่งเปิดประตูมารลุล่วงอย่างนั้นรึ?”

“ข้าเองก็หวังว่าข้าจะคิดผิดไป แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่” เยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะ “ไม่ว่าผู้กลายเป็นมาร หรือคนที่มีความคิดมารร้ายในใจ ล้วนไม่อาจทำลายศูนย์กลางค่ายกลได้ ดังนั้นพวกเขาทำได้เพียงเล่นเล่ห์เพทุบาย ยืมมือของพวกเรามาช่วยทำแผนการของพวกเขาให้สำเร็จ”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มกระหยิ่ม “ช่วงเวลาอันสำคัญนี้ กลับเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะสามารถแยกแยะว่ามีจิตใจมารร้ายหรือไม่ ได้ผลชะงัดนัก”

ในเวลานี้ชายหนุ่มยังสามารถคุยเล่นเช่นปกติได้ ทุกคนในที่นี้ไม่ว่ามีพลังฝึกปรือสูงหรือต่ำ ต่างก็เลื่อมใสในความอดทนและเด็ดเดี่ยวของเขาอย่างยิ่ง

เพียงแต่ว่า คนส่วนมากไม่อาจยิ้มและหัวเราะออกมาได้เฉกเช่นเยี่ยนจ้าวเกอ

ผู้อาวุโสฉงออกแรงส่ายศีรษะ บังคับให้ตนเองใจเย็นลง กระบวนท่าดาบวิญญาณแปดฉากฟันศัตรูคนหนึ่งคว่ำไป “แจ้งผู้อาวุโสสือทันที รวมถึงทางสำนักและเกาะนภาใต้นั้นด้วย ส่วนพวกเรากวาดล้างจอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตที่เหลืออยู่ที่นี่ให้หมดสิ้น”

ประมุขตระกูลหวังเห็นดังนั้น ในที่สุดก็หัวร่ออย่างบ้าคลั่งขึ้นมา “แม้จะต้องตายอยู่ที่นี่ ได้ยลพวกเจ้าสำนักเขากว่างเฉิงจนตรอกเช่นนี้ ข้าก็นับว่าไม่เปล่าประโยชน์แล้ว! ฮ่าๆๆ!”

บัดนี้กลุ่มผู้อาวุโสฉงมีสีหน้าไม่น่ามองเป็นยิ่ง

อีกฝ่ายขุดหลุมใหญ่ให้พวกเขา ทว่าพวกเขากลับไม่อาจไม่กระโดดออกไปได้

ทำลายมหาค่ายกลแดนมารของที่นี่ ขัดขวางนพยมโลกมาถึงยังเขตยุทธ์เมฆา กลับสามารถก่อเกิดประตูนพยมโลกอีกบานเปิดออกอีกพื้นที่หนึ่งชั่วพริบตา

แต่หากไม่ทำลายมหาค่ายกลแดนมารของที่นี่ จะนั่งชมนพยมโลกมาถึงเบื้องหน้าตนอย่างนั้นหรือ?

ถึงบอกว่าประการแรกภัยอันตรายมากกว่า กระนั้นประการหลังก็ไม่ใช่ผลดีอะไรอย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน

ลำบากแสนยากนานสองนาน ผลลัพธ์คือเลือกระหว่างเลวร้ายกับเลวร้ายกว่า ผู้ใดก็ไม่อาจมีอารมณ์ดีได้เช่นกัน

อาหู่มองไปทางเยี่ยนจ้าวเกอด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “คุณชาย?”

ฝ่ามือเยี่ยนจ้าวเกอยังคงกดอยู่บนซากปรักหักพังสีทองนั่น พูดรำพึงรำพัน “ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตมียอดฝีมือ ปรับแก้มหาค่ายกลแดนมารสำหรับเปิดประตูสู่นพยมโลกได้ประณีตวิจิตรเช่นนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ไม่รู้ว่าจะสามารถระบุตำแหน่งที่ตั้งประตูเก้าโยมที่เปิดขึ้นใหม่อีกครั้งได้แม่นยำหรือไม่?”

“ถ้าหากเป็นการเปิดประตูตามสถานการณ์ก็แล้วไป แต่หากว่าสามารถกำหนดตำแหน่งได้อย่างแม่นยำยิ่งล่ะก็ เช่นนั้นก็หาได้ยากจริงๆ แล้ว”

จิตใจเยี่ยนจ้าวเกอจมสู่ภายในค่ายกลมาร ทัศนียภาพเบื้องหน้าเปลี่ยนผัน ข้างหูมีเสียงร้องโอดครวญแสบแก้วหูราวกับอยู่ในเหวลึกดังขึ้น สุดท้ายหยุดอยู่ที่ภาพตรงหน้า ซึ่งก็คือบนที่ราบแห่งหนึ่งในเกาะนภาใต้

บนพื้นที่กว้างอันราบเรียบ ทุกหนแห่งล้วนเป็นที่นา และยังมีเมืองใหญ่จำนวนหนึ่งตั้งอยู่ บ้านเรือนกระจายตัวหนาแน่น

แม่น้ำใหญ่สายหนึ่งไหลผ่าน หล่อเลี้ยงทดน้ำเรือกสวนไร่นาทั้งสองฝั่ง เกิดเป็นภาพอันอุดมสมบูรณ์

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูภาพฉากนี้ นิ่งเงียบ

เขาแทบจะมองออกในทันที ว่าหลังจากนพยมโลกมาถึงแล้ว ที่แห่งนี้จะกลายสภาพเป็นนรกบนดินได้ถึงเพียงไหน

บนท้องฟ้า ไอมารสีดำกระจัดกระเจิงหายไปฉับพลันนั้น เงาคนผู้หนึ่งลอยต่ำลงมาจากฟ้า ราวกับเทพจุติยังโลกมนุษย์ แสงจ้าสาดส่องพื้นดินกว้าง ซึ่งนั่นก็คือสือเถี่ย ‘ราชสีห์โลหะ’ นั่นเอง

เขาที่แต่เดิมกุมความได้เปรียบไว้ได้ เกือบจะสังหารซือหม่าฉุย หลังจากได้ยินศิษย์ร่วมสำนักส่งข่าวสาร ก็จำต้องปล่อยคู่ต่อสู้ไป รีบเร่งมาทางกลุ่มเยี่ยนจ้าวเกอนี้ก่อน

“หาวิธีที่เร็วที่สุดแจ้งทางสำนักและเกาะนภาใต้นั้นแล้ว” สือเถี่ยเอ่ยถาม “พวกเรามีเวลาประมาณเท่าใด?”

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวตอบ “…ประมาณหนึ่งก้านธูป”

สือเถี่ยตรึกตรองในใจครู่หนึ่ง “หากอาจารย์อาศัยเสื้อคลุมนภาเร่งไป ก็อาจจะไม่ทันเช่นกัน”

คนอื่นต่างก็หลับตาลงอย่างเป็นทุกข์ ถ้าหากแม้แต่ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของเขากว่างเฉิงผนวกกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์เสื้อคลุมนภา ล้วนยังรีบไปสกัดกั้นไม่ทันล่ะก็ เช่นนั้นสำนักเขากว่างเฉิงก็อับจนหนทางแล้ว

พวกเขาอยู่ที่นี่ ยิ่งทำได้เพียงร้อนรน กลับจนปัญญา

ความรู้สึกนี้ช่างเหมือนกับหลับตารอความตายทำให้ผู้คนเป็นทุกข์

ท่ามกลางทุกผู้ทุกคน มีเพียงเยี่ยนจ้าวเกอที่จดจ้องซากปรักหักพังของเจดีย์สูงสีทองตรงหน้าอยู่เพียงลำพัง แววตาทอประกายตลอดเวลา คล้ายกับกำลังใคร่ครวญสิ่งใดอยู่

สือเถี่ยมองดูเยี่ยนจ้าวเกอ กล่าวเสียงทุ้ม “มีวิธีรึ?”

หลังเยี่ยนจ้าวเกอนิ่งเงียบครู่หนึ่ง สายตาจึงสบมองสือเถี่ย “หากมีก็เสี่ยงอันตรายนัก ต้องการความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ลุงใหญ่”

ทุกคนล้วนฮึกเหิมขึ้น สีหน้าสือเถี่ยไม่แปรเปลี่ยน “ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัว เพียงพูดความคิดของเจ้า”

————————–