บทที่ 60 ข่มขู่เอาค่าชดเชย

รักหวานอมเปรี้ยว

มายมิ้นท์ยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เรียบง่ายมาก ก็แจ้งตำรวจไง!”

ลาเต้มองไปที่เธอด้วยความประหลาดใจ “มิ้นท์ เมื่อกี้เธอไม่ใช่พูดว่า……”

“หือ?” มายมิ้นท์ส่งคำเตือนไปให้เขาทางสายตา

เขาทำท่าทางรูดซิปปาก แล้วนิ่งเงียบไปในทันที

มายมิ้นท์จึงพูดอีกว่า “ในเมื่อคุณส้มเปรี้ยวบอกว่าตัวเองไม่ได้ตั้งใจ แต่พวกเราก็คิดว่าคุณตั้งใจ เราทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความเห็นเป็นของตัวเอง แล้วก็ยากที่จะวินิจฉัยความจริงออกมาได้ในตอนนี้ ดังนั้นเราให้ตำรวจมาสอบสวนเรื่องนี้้ดีกว่าเป็นอย่างไรบ้าง?”

เปปเปอร์จับได้ถึงแสงที่เปล่งประกายแว็บหนึ่งอยู่ในดวงตาของมายมิ้นท์ ภายในใจจึงรู้ว่าจุดประสงค์ของเธอนั้นเกรงว่าจะไม่เรียบง่ายอะไรอย่างนั้นเลย และเธออาจจะกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ พอเขาคิดที่จะเตือนส้มเปรี้ยว ส้มเปรี้ยวก็เอ่ยปากพูดออกมาเสียแล้วว่า “ได้อย่างแน่นอน”

บนใบหน้าของเธอพูดว่าเห็นด้วยกับเธอด้วยรอยยิ้ม แต่ภายในใจกลับยิ้มอย่างกับคนโง่เขลา คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะแจ้งตำรวจจริงๆ

ไม่มีกล้องวงจรปิด แจ้งตำรวจไปจะมีประโยชน์อะไร?

มายมิ้นท์แสร้งทำเป็นไม่เห็นการเยาะเย้ยที่อยู่ภายในดวงตาของส้มเปรี้ยวเธอจึงปรบมือด้วยรอยยิ้ม แล้วพูดว่า “ดีดีดี คุณส้มเปรี้ยวตัดสินใจได้ถูกต้องมากลาเต้ ในเมื่อคุณส้มเปรี้ยวเห็นด้วยแล้ว นายก็รีบโทรแจ้งตำรวจเถอะ และเตือนทางตำรวจด้วยว่าตอนที่เตรียมจะออกมา ให้พานักสะกดจิตมาด้วยนะ”

“ให้พานักสะกดจิตมาด้วยเหรอ?” ลาเต้หยิบโทรศัพท์ออกมา แต่ก็ยังอึ้งอยู่สักพัก

เปปเปอร์หรี่ตาลง แล้วใช้สายตาที่ล้ำลึกก็จับจ้องไปที่ใบหน้าที่สว่างสดใสของมายมิ้นท์

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เขาเดาออกว่าเธอไม่ใช่แค่แจ้งตำรวจธรรมดาๆเท่านั้น

แต่กลับไม่ได้คิดว่า นี่คือจุดประสงค์ที่แท้จริงของเธอ

ส้มเปรี้ยวก็มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาแล้วเช่นกัน สีหน้าของเธอจึงค่อยๆขาวซีดลง

ในขณะที่มายมิ้นท์เฝ้ามองดูท่าทางของเธอ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น “แน่นอนว่ามันคือการตรวจสอบความจริง ฉันได้ยินมาว่าการจัดการกับผู้ต้องสงสัยที่ค่อนข้างปากแข็ง ทางตำรวจจะเชิญนักสะกดจิตมาหนึ่งคน เพื่อทำการสะกดจิตผู้ต้องสงสัย แล้วผู้ต้องสงสัยคนนั้นก็จะสารภาพความผิดออกมาโดยไม่รู้ตัว”

“ถูกต้อง!” ลาเต้ตบต้นขาของเขาอย่างฮึกเหิม “วิธีนี้ดีมากเลย”

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว แต่ยังไม่หมดเท่านี้นะ พอสะกดจิตไปสักพัก ลาเต้นายอย่าลืมถ่ายทอดสดกระบวนการสะกดจิตให้ผู้ชมได้รับชมด้วยนะ ถ้าหากสุดท้ายแล้วพิสูจน์ได้ว่าคุณส้มเปรี้ยวประมาทจริงๆ เรื่องนี้ก็เป็นอันเลิกแล้วต่อกันไป และฉันก็จะยอมรับความซวยเอง แต่ถ้าหากว่าเธอตั้งใจล่ะก็……เอ๊ะ?”

มายมิ้นท์มองไปที่ส้มเปรี้ยวและแกล้งทำเป็นสงสัย “คุณส้มเปรี้ยว คุณเป็นอะไรไป? ทำไมถึงตัวสั่น แถมสีหน้าก็ดูไม่ดีและมีเหงื่อออกเยอะขนาดนี้ล่ะ คุณไม่สบายหรือเปล่าคะ?”

“ฉันคิดว่าเธอไม่ได้ป่วยหรอก แต่เธอประหม่ามากกว่านะ ยังไงซะเดี๋ยวก็จะต้องถูกตบหน้าแล้ว” ลาเต้เยาะเย้ยเสียงดัง

ส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปากเอาไว้อย่างสุดชีวิต ภายในใจทั้งลนลานและหวาดกลัว แล้วก็รู้สึกเกลียดชังมายมิ้นท์จนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว

ผู้หญิงคนนี้เป็นนังปีศาจจริงๆ ไม่เพียงแต่เธอจะคิดอุบายหานักสะกดจิตออกมา ยังจะถ่ายทอดสดไปทุกเครือข่ายอีกด้วย มันต่างกับการสังหารคนตรงไหนกัน!

“เปปเปอร์……” น้ำตาของส้มเปรี้ยวไหลรินลงมา แล้วเธอก็มองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเพื่อขอความช่วยเหลือ

ชายหนุ่มขมวดคิ้วอยู่พักหนึ่ง ภายในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนเพลียอยู่บ้างเล็กน้อย

บางที เขาอาจจะคิดผิดตั้งแต่แรกไปแล้วก็ได้ เขาไม่ควรใจอ่อนและยอมปิดบังความจริงให้เธอตอนที่เธอมาอ้อนวอนขอร้องเมื่อเช้านี้เลย

จนถึงขนาดที่ว่าตอนนี้เรื่องราวมันบานปลายจนกลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจบสิ้นไป

“มายมิ้นท์ ไม่ต้องถ่ายทอดสดการสะกดจิตหรอก คุณไม่เห็นจำเป็นต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เลย นั่นมีแต่จะยิ่งเพิ่มความขัดแย้งระหว่างตระกูลภักดีพิศุทธิ์กับเทนเดอร์กรุ๊ปนะ” เปปเปอร์มองมายมิ้นท์

ทันใดนั้นมายมิ้นท์ก็ได้เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาแล้ว เธอจึงกำมือแน่น แล้วจ้องมองไปที่เขาด้วยสายตาที่ไร้ความรู้สึก “ประธานเปปเปอร์ คุณห้ามไม่ให้ฉันสะกดจิตคุณส้มเปรี้ยว แล้วก็ห้ามไม่ให้ฉันถ่ายทอดสดอีก ถ้าอย่างนั้นฉันสามารถคิดได้ไหมว่า คุณยอมรับแล้วว่าคุณส้มเปรี้ยวรู้และตั้งใจทำเรื่องนี้?”

ถ้าไม่อย่างนั้น ทำไมเขาถึงไม่ให้เธอเชิญนักสะกดจิตมาและถ่ายทอดสดล่ะ

แค่นี้ก็พอที่จะอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจนแล้ว!

“มิ้นท์ ยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้นะ ฉันคิดว่าประธานเปปเปอร์เองก็รู้มาตั้งนานแล้วเหมือนกันว่าคุณส้มเปรี้ยวตั้งใจทำ แต่เขากลับช่วยเธอปิดบังล่ะ” หมุนแขนและยิ้มเยาะเย้ย

“เป็นอย่างนี่เองเหรอ?” มายมิ้นท์จ้องไปที่ผู้ชายคนนั้น

ชายหนุ่มเงียบไปนานก่อนที่จะเอ่ยปากออกมาว่า “ใช่”

“ดี ”ดีมากจริงๆ!” ฝ่ามือของมายมิ้นท์แน่นขนัดขึ้นเรื่อยๆ แล้วเล็บก็ฝังเข้าไปในฝ่ามือของเธอแล้ว ดูท่าจะเจ็บมาก

แต่ความเจ็บปวดเล็กๆน้อยๆนี้ เทียบกับความเจ็บปวดในใจของเธอได้ที่ไหนกัน

นี่คือผู้ชายที่เธอรัก ผู้ชายที่เธอรักมานานหลายปี เพื่อส้มเปรี้ยวแล้ว แม้แต่คุณธรรมสามประการก็สามารถละทิ้งได้ ซึ่งมันทำให้เธอประหลาดใจจริงๆ

“ในที่สุด วันนี้ฉันก็ได้รู้แล้วว่าประธานเปปเปอร์เป็นคนแบบไหน แต่ที่น่าตลกก็คือ คิดไม่ถึงเลยว่าฉันจะเสียเวลาในช่วงวัยรุ่นตั้งหกปีให้กับคนอย่างคุณ!” รอยยิ้มของมายมิ้นท์เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน

เปปเปอร์แสดงสีหน้าที่หม่นหมอง ทำให้ผู้คนมองไม่ออกเลยว่าเขากำลังมีความสุขหรือโกรธกันแน่

ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าการที่ตัวเองปกป้องส้มเปรี้ยวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

แต่เขาไม่สามารถทนดูส้มเปรี้ยวเข้าคุกได้

“เรื่องที่ส้มเปรี้ยวทำกับคุณ ผมจะรับผิดชอบเอง ขอเพียงแค่คุณไม่ติดใจเอาความเรื่องนี้อีก” เปปเปอร์เอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

ลาเต้โกรธมาก จึงกำหมัดแน่นแล้วชกไปที่หน้าของเขา

ส้มเปรี้ยวกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ “เปปเปอร์ระวัง!”

“ผู้ช่วยลาเต้!” มายมิ้นท์ก็หยุดลาเต้ได้ทันเวลาเหมือนกัน

หมัดของลาเต้หยุดอยู่ข้างหน้า เปปเปอร์สองสามเซนติเมตร แล้วหลังจากนั้นเขาก็วางหมัดลงอย่างไม่เต็มใจ

ในขณะเดียวกันมายมิ้นท์ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วจ้องมองเปปเปอร์ด้วยดวงตาที่เย็นชา “แล้วคุณจะรับผิดชอบยังไง? ถ้าคุณให้ในสิ่งที่ทำให้ฉันไม่พอใจ ฉันจะไม่รับปากลาเต้ นายบันทึกคำพูดต่อไปนี้ของประธานเปปเปอร์เอาไว้เลย เพื่อไม่ให้ประธานเปปเปอร์กลับคำพูดในภายหลัง”

“ได้เลย!” ลาเต้ยิ้มอ่อน แล้วเปิดเครื่องบันทึกเสียงในโทรศัพท์

ส้มเปรี้ยวไม่พอใจเป็นอย่างมาก “คุณมายมิ้นท์ เปปเปอร์ไม่ใช่คนตระบัดสัตย์อย่างนั้นหรอก นี่คุณจะดูถูกพวกเรามากเกินไปนะ”

ถึงอย่างไรก็ตามมายมิ้นท์กับลาเต้กลับปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นอากาศแล้วมองข้ามเธอไปโดยสิ้นเชิง

ส้มเปรี้ยวรู้สึกเพียงว่าตัวเองโดนดูถูกเหยียดหยาม ใบหน้าของเธอจึงแดงก่ำไปหมดด้วยความโกรธ “พวกคุณ……”

“พอได้แล้ว” เปปเปอร์ยกมือขึ้นแล้วโบกมือลง เพื่อแสดงสัญญาณว่าเธอไม่ต้องพูดอะไรแล้ว จากนั้นก็มองมายมิ้นท์ แล้วพูดว่า “ผมจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คุณจนกว่าคุณจะหายดีเป็นปกติ นอกจากนี้ ธุรกิจท่าเรือของบริษัทตระกูลนวบดินทร์ที่ด่านศุลกากร ผมก็สามารถมอบให้พวกคุณได้”

ธุรกิจท่าเรือ?

มายมิ้นท์จิตใจฮึกเหิมขึ้นมาในทันที และดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นมา

นี่เป็นเรื่องดีๆทีใหญ่มากเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ และเธอยังคงพิจารณาอยู่กับที่ว่า รอหลังจากที่สินค้าล็อตนั้นของโรงงานทิพย์ฟ้าผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว ค่อยไปกระชับความสัมพันธ์เพื่อเปิดพอร์ตการค้า

คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นฝ่ายมอบให้เธอก่อนอย่างนี้

“คิดไม่ถึงเลยว่าจะใจกว้างอย่างนี้ แต่มันยังไม่พอหรอกนะ!” มายมิ้นท์ยิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่ง

ส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปาก แล้วพูดด้วยความเคียดแค้นและรู้สึกไม่เป็นธรรมว่า “คุณมายมิ้นท์ เยอะขนาดนี้ยังไม่พออีกเหรอ คุณนี่มันโลภมากไม่รู้จักพอเกินไปหน่อยแล้วนะ?”

“เฮ้ๆๆ ระวังคำพูดของคุณหน่อย อะไรเรียกว่าโลภมากไม่รู้จักพองั้นเหรอ?” ลาเต้ชี้ไปที่ผ้าพันแผลบนศีรษะของมายมิ้นท์ “คุณตั้งใจทำร้ายมิ้นท์ของเรา พูดตรงๆเลยก็คือคุณเจตนาฆ่าคน พวกเราอยากจะได้เยอะๆหน่อยจะเป็นไรไป?”

เมื่อได้ยินคำว่าเจตนาฆ่าสี่คำ ส้มเปรี้ยวก็เบือนหน้าหนีด้วยความร้อนตัว และหยุดพูดในทันที

ส่วนเปปเปอร์ก็ขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “งั้นคุณยังต้องการอะไรอีก?”

“ได้ยินมาว่าตระกูลภักดีพิศุทธิ์อยากได้ที่ดินผืนหนึ่งที่อยู่ในมือของประธานเปปเปอร์ แล้วลงทุนและพัฒนาให้เป็นอสังหาริมทรัพย์ใหม่ และประธานเปปเปอร์ก็วางแผนที่จะขายให้ตระกูลภักดีพิศุทธิ์ในราคาที่ต่ำมากอีกด้วย”

มายมิ้นท์เสยผมขึ้น แล้วพูดว่า “ฉันคนนี้ปฏิบัติอย่างยุติธรรมเสมอ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่คุณส้มเปรี้ยวเป็นคนทำ ดังนั้นประธานเปปเปอร์คุณรับผิดชอบทั้งหมดคนเดียวไม่ได้ คุณส้มเปรี้ยวก็สมควรรับผิดชอบสักหน่อยเช่นกัน ยกที่ดินผืนนั้นให้ฉันซะ”

“ไม่ได้!” ส้มเปรี้ยวกระวนกระวายใจขึ้นมาแล้ว

ที่ดินผืนนั้นเป็นของขวัญหมั้นที่เปปเปอร์เตรียมเอาไว้ให้กับตระกูลภักดีพิศุทธิ์ แล้วจะมอบให้มายมิ้นท์ได้อย่างไร

“คุณส้มเปรี้ยวไม่เห็นด้วยอ่ะ ถ้าไม่เห็นด้วยงั้นก็ช่างเถอะลาเต้ แจ้งตำรวจ!” มายมิ้นท์ส่งสายตาให้ลาเต้

ลาเต้ปลดล็อคโทรศัพท์ทันที

ในครั้งนี้ส้มเปรี้ยวรู้สึกลำบากใจไม่รู้จะเลือกอะไรดี แต่สุดท้ายเปปเปอร์เอ่ยปากตอบตกลงไป “ตกลง ผมยกที่ดินผืนนั้นให้คุณ”

“เปปเปอร์?” ส้มเปรี้ยวจับแขนเสื้อของเขาเอาไว้

เขาตบหลังมือของเธอเบาๆสักพักหนึ่ง และพูดว่า “ไม่เป็นไร ผมยังมีที่ดินผืนหนึ่งอยู่ทางเหนือของเมือง แม้ว่ามันจะเล็กไปนิด แต่ก็เพียงพอที่จะให้คุณลุงได้ใช้สอยได้เหมือนกัน ”

พูดจบ เปปเปอร์ก็หันหน้ามา และกวาดสายตาที่เย็นชาไปทางมายมิ้นท์ แล้วพูดว่า “รอให้กลับไปถึงเมืองเดอะซีก่อน ผมจะให้คนเอาโฉนดไปส่งให้คุณ หวังว่าคุณมายมิ้นท์จะปฏิบัติตามข้อตกลง และไม่ต้องมาซักไซ้ไล่เลียงส้มเปรี้ยวอีกต่อไปเช่นกันนะครับ”