แอ๊ดดด~~~
ขณะที่ประตูค่อยๆ เปิดออก หลิงม่อก็ตื่นขึ้นมา
“เฮือกก!”
เขาลุกพรวดนั่งบนเตียง และถอนหายใจยาวๆ สองที สองสามวินาทีต่อมา เขาก็ได้สติกลับคืนมาจากความมึนงงชั่วครู่นั้น และมองไปทางประตูเหมือนรับรู้ได้
ทว่า กลับว่างเปล่า…
ประตูห้องเปิดอ้าซ่าไว้ แต่ด้านนอกกลับไม่มีใครอยู่เลยซักคน ประตูบานนั้นยังคงแกว่งไหวไปมาดัง “เอี๊ยดอ๊าดๆ” เบาๆ ราวกับเพิ่งมีใครสัมผัสโดนมัน
“นี่มัน…อะไรกัน?”
หลิงม่อสะบัดศีรษะไล่อาการมึนงง แล้วหันกลับมามองรอบห้อง
เขาอยู่ในห้องที่ไม่คุ้นเคยเลยซักนิด และไม่ว่าจะดูจากเฟอร์นิเจอร์หรือการตกแต่ง ที่นี่ไม่เหมือนห้องสำหรับอยู่อาศัยจริงๆ ด้วยซ้ำ
และในห้องนี้ก็ไม่มีใครอยู่เลย นอกจากเขา…
บนชั้นวางข้างเตียงยังมีน้ำแก้วหนึ่งวางไว้ หลิงม่อยื่นมือออกไปแตะดู จึงรู้ว่ามันยังอุ่นอยู่…
“คนอื่นๆ ล่ะ? พวกเย่เลี่ยนไปไหนกันแล้ว…”
หลิงม่อครุ่นคิดอย่างสงสัย พลางพยายามลุกจากเตียง
“เราหลับไปนานแค่ไหนกันนะ…”
เขาขยับเท้าเพื่อเป็นการบริหารเล็กน้อย เพราะรู้สึกว่าแขนขาค่อนข้างอ่อนแรง
ไม่ว่าอย่างไร หากดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว เขาน่าจะหลับไปอย่างน้อยก็หนึ่งวันแล้ว…ไม่อย่างนั้น เขาจะตื่นขึ้นมาในสถานที่แบบนี้ได้ยังไง?
“จำได้ว่า…เฮลิคอปเตอร์มารับพวกเราแล้วสินะ…”
หลิงม่อค่อยๆ เดินไปทางหน้าต่าง พลางมองลอดช่องเล็กๆ ออกไปข้างนอก
นอกหน้าต่างเงียบงัน อาคารบ้านเรือนส่วนมากถูกบดบังอยู่ในเงามืด มองจากที่ไกลๆ เห็นเพียงเค้าโครงเลือนราง หลิงม่อกระพริบตาถี่ๆ แต่กลับไม่ได้ช่วยให้เห็นอะไรชัดเจนขึ้นเลย
“กลางคืนหรอ…”
นอกจากมองเห็นไม่ชัดแล้ว รอบข้างยังเงียบจนน่าใจหาย อย่าว่าแต่เสียงคนเลย แม้แต่เสียงลม…ก็ไม่มี
ถ้ามองออกไปนอกหน้าต่างแล้วไม่ได้อะไร ก็คงต้องเดินออกไปดูนอกห้องแล้วล่ะ…
ตอนนี้หลิงม่อเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติรางๆ แล้ว แต่จะให้อยู่แต่ในห้องอย่างนี้ ก็เห็นจะไม่ใช่วิธีที่ดีนัก
เขาเดินไปทางประตูอย่างระมัดระวัง และไม่ลืมสอดส่องสถานการณ์ข้างนอกอย่างรอบคอบ
โถงทางเดินมืดมิด รอบด้านราวกับไร้ซึ่งผู้คน
“มีใครอยู่ไหม?” หลิงม่อลองตะโกนเรียกเพื่อความแน่ใจ
แต่หลังจากรอฟังอยู่หลายวินาที กลับไม่มีใครตอบ ตรงกันข้าม บรรยากาศกลับเงียบกริบยิ่งกว่าเดิม
ในอาคารขนาดใหญ่หลังหนึ่งที่ทุกอย่างดูปกติ แต่ทุกคนกลับหายไปกันหมด
หลิงม่อขมวดคิ้ว พลางก้าวเท้าเดินไปตามโถงทางเดินอันมืดมิด
หลายวินาทีต่อมา เขามองเห็นบันไดเส้นหนึ่ง แต่ไม่รอให้เขาได้สังเกตอย่างละเอียด เสียง “แอ๊ดด” ก็ดังมาจากบนบันได
“ใครน่ะ?”
หลิงม่อชะงักครู่หนึ่ง ไม่นานก็รีบจับราวบันไดวิ่งตามขึ้นไป
แต่เมื่อเขาวิ่งขึ้นไปถึงปากบันไดด้านบน กลับไม่เห็นใครอยู่ตรงนั้น
ทางเดินว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาคน ประตูห้องสองข้างทางปิดสนิท
นั่นทำให้หลิงม่อนึกถึงห้องตัวเองขึ้นมา…คนที่เปิดประตูห้องเขา กับคนที่หายตัวไปจากตรงนี้ จะใช่คนเดียวกันหรือเปล่านะ?
“ใครน่ะ? ออกมานะ!”
หลิงม่อยืนนิ่งอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง ในใจพลันเดือดดาลขึ้นมา
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่?!
แต่ในขณะที่เขาเพิ่งจะก้าวเท้าไปข้างหน้าสองก้าว หางตากลับเหลือบเห็นอะไรบางอย่างเข้า
หลิงม่อรีบเดินเข้าไปดูอย่างละเอียด เขาใช้นิ้วจิ้มๆ เล็กน้อย จากนั้นก็ยกขึ้นมาสังเกตดู
“นี่มัน…เลือด?”
ใช่จริงๆ ด้วย สิ่งที่อยู่บนพื้น คือหยดเลือดจริงๆ…
และดูจากความหนืด เลือดเหล่านี้ยังใหม่อยู่เลย
“ไม่มีกลิ่นเชื้อไวรัส…มีใครบาดเจ็บอย่างนั้นหรอ?”
หลิงม่อก้มหน้ามองพื้น พบว่ารอยเลือดพวกนั้นเลี้ยวตรงทางโค้งด้านหน้า จากนั้นก็ลากยาวไปยังในโถงทางเดิน
เขาครุ่นคิด จากนั้นก็เดินตามรอยเลือดพวกนั้นไปอย่างเงียบๆ
เดินไปได้ไม่นาน เลือดพวกนั้นก็หายไปตรงหน้าประตูบานหนึ่ง หลิงม่อเดินเลียบผนังเข้าไปช้าๆ จากนั้นค่อยๆ ใช้หนวดสัมผัสสอดแทรกเข้าไปในกลอนประตู
ในเวลานี้เอง เขาพลันได้ยินเสียงหนึ่งดังอยู่หลังประตูเบาๆ
“ฮู่ว…ฮู่วว…”
เสียงนั้นเลือนรางมาก เหมือนเป็นเสียงของคนที่กำลังหอบหายใจอย่างรุนแรง แต่พยายามปิดปากตัวเองไว้
หลังมั่นใจว่าข้างในมีคนอยู่ หลิงม่อก็ระมัดระวังมากขึ้น เขาค่อยๆ บิดกลอนประตู และสูดหายใจลึกในขณะเดียวกัน
“แกร๊ก!”
ในเสี้ยววินาทีที่ประตูเปิดออก หลิงม่อกระโจนเข้าไปอย่างรวดเร็ว โดยที่หนวดสัมผัสได้เล็งไปยังดวงแสงแห่งจิตของอีกฝ่ายก่อนแล้ว
เห็นชัดว่าอีกฝ่ายตกใจไม่น้อย แต่เขาเพิ่งจะกระโดดโหยง ศีรษะก็ถูกหนวดสัมผัสของหลิงม่อโจมตีเข้าอย่างจังหนึ่งที ขณะที่อีกฝ่ายกำลังหน้ามืดตาลาย หลิงม่อก็เข้าประชิดด้านหลัง และเอื้อมแขนมารัดคอเขาแน่น
“อ๊ากกก…” อีกฝ่ายลั่นร้องอย่างหวาดกลัว
หลิงม่อเค้นเสียงต่ำถามจากข้างหลัง “นายเป็นใคร?”
“อย่านะ! อย่าฆ่าฉัน!” อีกฝ่ายร่างกายสั่นเทา ตะโกนร้องขอชีวิตโดยสัญชาตญาณ
หลิงม่อขมวดคิ้วอย่างสงสัย เสียงของคนคนนี้…ทำไมคุ้นหูจัง?
“หันมาเดี๋ยวนี้…” หลิงม่อจับร่างเขากดกับผนัง จากนั้นก็กระชากผมเขาแล้วจับหน้าเขาหันกลับมา ปรากฏว่าเสี้ยววินาทีที่เห็นหน้าอีกฝ่าย หลิงม่อพลันอึ้งงันไป
นี่มัน…
“อ๊ากกก! ช่วยด้วย!”
เห็นชัดว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวจนถึงขีดสุด แต่เพราะหลิงม่อมัวแต่อึ้ง มือที่จับตัวเขาไว้จึงคลายไปด้วย พออีกฝ่ายรับรู้ได้ว่าแรงของหลิงม่อเปลี่ยนไป ก็รีบสลัดตัวออกจากพันธนาการ จากนั้นก็รีบวิ่งหนีออกจากประตูห้องที่อยู่ด้านข้างไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งวินาทีต่อมา หลิงม่อพลันได้สติกลับมา เขาวิ่งตามไปอย่างโซซัดโซเซ
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป!”
“เจ้าลิงผอม!”
แต่ไม่ว่าเขาจะตะโกนเรียกตามหลังเท่าไหร่ เจ้าลิงผอมกลับยังคงวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
หลังจากทิ่วิ่งตามเขาอยู่นาน หลิงม่อก็พบว่า พวกเขาถูกขังไว้ในห้องโถงใหญ่ห้องหนึ่ง
“แฮ่ก…แฮ่กก…”
หลิงม่อหอบหายใจหนักหน่วง ช้อนเปลือกตามองเจ้าลิงผอมที่อยู่ข้างหน้า “นายวิ่ง…หนีทำไมเนี่ย?”
แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ สายตาที่เจ้าลิงผอมมองเขา กลับยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว…เขาส่ายหน้าไปมาไม่หยุด และก้าวถอยหลังด้วยใบหน้านองน้ำตา ปากก็บอกว่า “จะฆ่าก็ฆ่าเถอะ อย่าปั่นหัวฉันเล่นอย่างนี้อีกเลย…”
“นายพูดอะไรของนาย?” หลิงม่อพูดขึ้นด้วยสีหน้าตึงเครียด
เขามองไปรอบๆ และหันกลับมากวาดมองตัวเอง…
ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินี่!
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งพลันดังมาจากด้านหลังหลิงม่อ
“คิกๆ…ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่หรอ? ฉันไม่มีทางฆ่าแกหรอก”
หลิงม่อหันขวับไปมอง แต่ข้างหลังกลับไม่มีใครอยู่ ทว่าพอเขาหันหน้ากลับมาทางเดิม ก็พบว่ามีเงาร่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
ร่างดวงจิตของร่างแม่ที่อยู่ใต้ดิน! เด็กผู้หญิงนั่น!
“นี่มันอะไรกัน?” หลิงม่อจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างตะลึงงัน
“แกคิดจะทำอะไร…” เจ้าลิงผอมยังคงตะโกนร่ำไห้ต่อไป
คราวนี้หลิงม่อจึงเพิ่งรู้ ว่าเจ้าลิงผอมไม่ได้มองเขา แต่กำลังมองเด็กผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาต่างหาก
แต่ว่าเมื่อกี้วิ่งตามมาตั้งนาน ทำไมเขาถึงไม่เห็นล่ะ?
หรือว่า เด็กผู้หญิงนั่นอยู่บนตัวเขางั้นหรอ?
ไม่…ไม่หรอก…เด็กผู้หญิงตายไปแล้ว แม้แต่ตัวตนของมันก็ถูกหลิงม่อกลืนกินไปแล้ว…ถึงแม้มันจะยังมีร่างจริงอยู่อีก แต่มันไม่มีทางปรากฏตัวอีกครั้งในเวลาสั้นๆ ได้แน่…
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มันยังไงกันแน่?!
“เรื่องนี้น่ะ…ความจริงฉันบอกแกให้ก็ได้” เด็กผู้หญิงหัวเราะคิกคักแล้วเดินไปทางเจ้าลิงผอมช้าๆ ปากก็พูดว่า “ถ้าหากเขาไม่ตาย…แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องสมมติ ถ้าหากเขาไม่ตาย…ก็ถึงคิวนายต้องแสดงฝีมือซักหน่อยแล้วล่ะ…”
ตอนนี้เอง มือของเด็กสาวสัมผัสโดนตัวเจ้าลิงผอม และเจ้าลิงผอมที่เดิมทีมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าเด็กผู้หญิงถึงครึ่งหนึ่ง พลันไถลตัวตามผนังลงไปกับพื้น ราวกับร่างกายไร้เรี่ยวแรงกะทันหัน ขาทั้งสองข้างของเขาสั่นเทา ใบหน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ เทียบกันแล้ว สีหน้าของเด็กผู้หญิงทั้งชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์
มันค่อยๆ เดินอ้อมไปข้างหลังเจ้าลิงผอม จากนั้นก็ใช้มือกดหัวเขาไว้ พลางพูดต่อว่า “หาโอกาสให้ได้ จากนั้น…ทำให้เขากลายเป็นของฉัน…เข้าใจหรือยัง?”
“ฉัน…ฉัน…” เจ้าลิงผอมส่ายหน้า แต่ปากกลับเริ่มพูดประโยคจับใจความไม่ได้
“เรื่องนี้…ไม่ได้ขึ้นอยู่กับแก” เด็กผู้หญิงเงยหน้าขึ้น แล้วบอกว่า “เพราะว่าแกเป็นแค่มนุษย์”
ไม่รู้ทำไม พอได้ยินคำนี้ หลิงม่อกลับสะดุ้งสุดตัว
อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่า ตอนที่เด็กผู้หญิงพูดคำนี้ออกมา มันกำลังมองมา…ที่เขา!
แต่ตอนนี้หลิงม่อรู้แล้วว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนที่เจ้าลิงผอมถูกเด็กผู้หญิงจับตัวไป…แต่เวลานี้ อีกฝ่ายจะจ้องหน้าและพูดกับเขาได้ยังไง?
———————————-