บทที่ 64 ลองดูก็รู้เอง

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เวลานี้ เย่เทียนวางแก้วเหล้าในมือลง มองทางหลินอ้าวเสว่ด้วยสายตาที่ไม่ยินดียินร้าย

“มีธุระเหรอ?”

หลินอ้าวเสว่กัดริมฝีปากที่มันวาวแล้ว สังเกตเห็นสายตาที่นิ่งสงบนั้นของเย่เทียน ยิ่งปวดร้าวในใจ

“นานขนาดนี้แล้ว นายยังสบายดีไหม?”

เย่เทียนหัวเราะ “พอใช้ได้ พูดว่าดีก็ไม่เชิง จะว่าแย่ก็ไม่ใช่”

ท่าทีที่พูดไม่ถูกนี้ ยิ่งทำให้หลินอ้าวเสว่รู้สึกเศร้าใจ “นายยังโทษที่ตอนนั้นฉันไปแบบไม่บอกลา? นายน่าจะรู้ดี นั่นคือความต้องการของครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายในตอนนั้น ก็……”

ไม่รอให้หลินอ้าวเสว่พูดจบ เย่เทียนปัดมือขัดจังหวะเธอแล้ว พูดเรียบๆ “มันผ่านไปแล้ว อย่าพูดเรื่องนี้เลย เธอเข้ามาแบบนี้ ไม่กลัวแฟนเธอจะหึงเหรอ?”

“แฟน? นายหมายถึงเยี่ยนจื่อเฉิน?”

หลินอ้าวเสว่ได้สติเข้ามา มองทางเขาตรงๆ “เขาไม่ใช่แฟนของฉัน เป็นคนที่ตามจีบฉันเท่านั้น ฉันไม่คิดจะรับปากเขาด้วย นายน่าจะรู้ความหมายของฉัน!”

“ฉันไม่ใช่พยาธิในท้องของเธอสักหน่อย จะรู้ได้ยังไงเธอหมายความว่าอะไรกัน?”

เย่เทียนพิงเก้าอี้ไปอย่างเกียจคร้าน

“นายยังโทษฉันอยู่ โทษที่ตอนนั้นฉันไปโดยไม่บอกลา”

หลินอ้าวเสว่ถอนหายใจหนัก

เย่เทียนรู้สึกจำใจอย่างยิ่ง ไม่ว่าตอนนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทุกอย่างนี้ผ่านไปตั้งนานแล้ว

โดยเฉพาะ ตอนนั้น เย่เทียนรู้ตั้งแต่แรกว่า ระหว่างตนเองและหลินอ้าวเสว่ ไม่อาจจะมีความสัมพันธ์อะไรกันได้อีก

ตอนนี้เห็นหลินอ้าวเสว่ยังยึดติดเรื่องราวในตอนนั้นอยู่ เขาก็ขี้เกียจอธิบาย “ช่างเถอะ เธออยากคิดแบบไหนก็คิดแบบนั้นแล้วกัน”

ขณะพูด เขาเก็บสายตากลับ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูดอะไรกับหลินอ้าวเสว่มากอีกต่อไป

แต่การแสดงออกแบบนี้ของเขา ตกอยู่ในสายตาของหลินอ้าวเสว่ คิดว่าเย่เทียนยังคงเสียใจต่อเรื่องราวในตอนนั้นอยู่ จึงถอนหายใจบอก

“ที่จริงนายกลับไปกับฉันตอนนี้ได้นะ ขอเพียงนายยอมรับผิดกับตระกูลเย่ เชื่อว่าคุณปู่เย่ไม่อาจปล่อยนายไปโดยไม่สนใจ”

“ขอเพียงนายกลับไปที่ตระกูลเย่ ระหว่างพวกเรา……ก็ยังมีโอกาส!”

“ตระกูลเย่?”

เย่เทียนหัวเราะเบาๆ เขาเมื่อชาติก่อน เคยเกลียด และเคยกล่าวโทษจริง แต่กลับมาเกิดใหม่ วิสัยทัศน์ของเขาไม่หยุดอยู่แค่นี้ตั้งนานแล้ว

“หน้าที่ทั้งชีวิตนี้ของฉันเย่เทียน คือสำนึกบุญคุณของผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ แต่อยากให้ฉันก้มหัวให้ตระกูลเย่ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ส่วนถ้าฉันต้องกลับไปตระกูลเย่จริง นั่นต้องเป็นตระกูลเย่ขอร้องให้ฉันกลับไป!”

“นาย……”

ในใจหลินอ้าวเสว่โมโหขึ้นแล้ว ตระกูลเย่เป็นถึงตระกูลชั้นนำของประเทศจีน นายเย่เทียนไม่มีความสามารถอะไร มีสิทธิ์อะไรให้ตระกูลเย่มาขอร้องนายกลับไป?

“เย่เทียน สรุปนายกำลังคิดอะไรอยู่ นายคิดว่านายเป็นใครกัน? ยังอยากให้ตระกูลเย่ขอร้องนายกลับไป?”

เย่เทียนยักไหล่ “เธอไม่เชื่อก็ช่างเถอะ”

หลินอ้าวเสว่สีหน้าเย็นชาลงไปถึงที่สุด

“ฉันยังคิดว่า ลำบากมาหลายปีขนาดนี้แล้ว นายจะเปลี่ยนแปลงไปเสียอีก ตอนนี้ดูแล้วฉันคงคิดมากไปเอง นายยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ครั้งนี้ เป็นนายละทิ้งความเป็นไปได้ระหว่างพวกเราเอง!”

พูดจบ หลินอ้าวเสว่ไม่ยอมมองเขาอีก เดินไปด้วยขุ่นเคืองใจ!

เหตุผลที่เธอมาถึงเจียงหนันเข้าร่วมงานรวมตัวเพื่อนนักเรียนที่จัดขึ้นนี้ เพียงแค่อยากให้เย่เทียนกลับเมืองจินไปกับตนเอง

แต่ว่า ท่าทีเห่อเหิมทะเยอทะยานเกินตัวนี้ของเย่เทียน แม้กระทั่งพูดเรื่องอวดดีที่ให้เย่เทียนขอร้องเขากลับไปออกมาอีก ทำให้หลินอ้าวเสว่ผิดหวังอย่างยิ่ง

แต่คิดดูแล้วก็ถูก ผู้ชายที่อายุยี่สิบต้นๆ และพลังชีวิตเต็มเปี่ยม คนไหนบ้างไม่หยิ่งยโสเกินจริง คิดว่าตัวเองพลังแกร่งไร้ศัตรู!

หลังจากถูกปฏิเสธ จึงเข้าใจความโหดร้ายของเรื่องจริง ถึงความสำคัญของชาติตระกูล และเบื้องหลัง!

มองเห็นระหว่างหลินอ้าวเสว่และเย่เทียนจบกันแบบไม่สวย คนที่ดีใจที่สุดคงหนีไม่พ้นเยี่ยนจื่อเฉิน

แต่ว่า เขาไม่ได้ล้มเลิกความคิดอยากเหยียดหยามเย่เทียน เพราะหลินอ้าวเสว่เป็นผู้หญิงในอนาคตของเขา เยี่ยนจื่อเฉินไม่อยากมองเห็นภรรยาในอนาคตของตนเอง ยังคิดถึงผู้ชายคนอื่นอยู่ในใจ

วันนี้เขาอยากเหยียบเย่เทียนให้จมดินถึงที่สุด ทำให้หลินอ้าวเสว่รู้ว่า ผู้ชายแบบไหน ถึงคู่ควรกับเธอ!

พิจารณาถึงจุดนี้ เยี่ยนจื่อเฉินจึงย้ายสายตาไปบนตัวเมี่ยวเสว๋ปิน

เมี่ยวเสว๋ปินมองสีหน้าก็เข้าใจความคิด รู้ว่าโอกาสแสดงผลงานของตนเองมาแล้ว ส่งสายตาเข้าไปทีหนึ่ง เพื่อนสมัยเรียนที่สนิทกับเขาสองสามคนรีบพยักหน้าอย่างเข้าใจดี เดินไปยังเย่เทียนทางนั้นตามๆ กัน

“เย่เทียน นายมองเห็นแล้วสินะ ดาวมหาลัยหลินไม่อยากมองเห็นนาย คุณชายเยี่ยนก็ไม่ต้อนรับนาย ไม่อย่างนั้นนายก็ไปซะเถอะ”

เมี่ยวเสว๋ปินยืนอยู่ตรงหน้าเย่เทียน พูดจาด้วยท่าทางปกติ

ราวกับเขาอยากไล่เย่เทียนไป เย่เทียนก็ต้องไป

มองเห็นฉากนี้เข้า คนโดยรอบแอบหัวเราะในใจ รอดูว่าเย่เทียนจะตอบสนองอย่างไร

สำหรับหลินอ้าวเสว่ เวลานี้ก็เดินมาอีกข้างหนึ่ง เธอไม่อยากพูดมากกับเย่เทียนต่อไปอีก

เยี่ยนจื่อเฉินสังเกตเห็นใบหน้าที่หนาวเย็นของหลินอ้าวเสว่ หัวเราะแล้วพูดว่า “อ้าวเสว่ เย่เทียนคนนี้ที่จริงไม่รู้จักให้เกียรติ คุณไม่อยากเห็นเขา ผมจะให้คนเชิญเขาออกไป คุณน่าจะไม่ถือสามั้ง?”

ในใจหลินอ้าวเสว่กำลังโกรธ พูดจาเย็นชา “ฉันไม่รู้จักเขา!”

เธอผิดหวังต่อเย่เทียนถึงขั้นสุด รู้สึกว่าเย่เทียนประเมินตัวเองสูงเกินไปเสียเหลือเกิน แค่คนตัวเล็กๆ ยังอยากให้ตระกูลเย่แสดงความอ่อนแอต่อเขา?

แต่ว่า เรื่องราวภายในตระกูลใหญ่ จะง่ายดายขนาดนี้ได้อย่างไร?

ทั้งหมดที่เธอพูดล้วนคำนึงถึงเย่เทียน แต่เดิมทีเย่เทียนกลับไม่ฟัง

ในเมื่อไม่ยินยอมฟัง งั้นนายทำให้ฉันดูหน่อย นายมีความมั่นใจอะไร สามารถท้าทายตระกูลเย่!

“พวกนายหมายความว่าอะไร?”

เห่าเหรินเห็นคนพวกนี้ลักษณะท่าทางคุกคาม ยิ่งโมโหจนเลือดขึ้นหน้า

ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเพื่อนสมัยเรียนกัน แต่ทั้งหมดล้วนมองเย่เทียนเป็นเรื่องตลก ในใจเขาโกรธแทบไม่ไหว

“หมายความว่าแบบนี้แหละ จะออกไปดีๆ หรือว่าจะให้พวกเราส่งเขาเย่เทียนไป เห่าเหริน นายอย่าคิดว่าชื่อดูเป็นคนดี แล้วจะคิดว่าเป็นฮีโร่ได้จริงมั้ง? ถ้านายทนดูไม่ได้ ไปด้วยกันกับเขาก็ได้นะ!”

เมี่ยวเสว๋ปินเพื่อเอาอกเอาใจเยี่ยนจื่อเฉินแล้ว ฉีกหน้าคนอื่นถึงที่สุด

เห่าเหรินกุมหมัดแน่น โกรธจนแทบจะระเบิดอารมณ์ ทนไม่ไหวด่าว่า “พวกนายนี้ เพื่อเขาเมี่ยวเสว๋ปินแล้ว อยากมาทำให้เย่เทียนลำบากใจจริงๆ เหรอ?”

“เห่าเหริน นายพูดแบบนี้ไม่ถูก พวกเราจะทำให้เย่เทียนลำบากใจได้ยังไง? เพียงแค่อยากเชิญเขาออกไปจากที่นี่เท่านั้น”

“ถูกๆ พวกเราไม่มีเจตนาร้ายอะไร”

“เย่เทียน นายไปเถอะ รอเดี๋ยวเกิดเรื่องจะดูแย่เกินไป ไม่ดีกับใครทั้งนั้น”

ทุกคนพูดจาเย้ยหยัน ไม่เห็นเย่เทียนอยู่ในสายตาสักนิด

ในอดีตพวกเขาล้วนเป็นคนตัวเล็กส่วนหนึ่ง อยู่ในสังคมล้วนเป็นพวกโดนเหยียบ ตอนนี้สามารถพลิกมาเหยียบเย่เทียนที่ต่ำต้อยกว่าพวกเขาได้ ในใจยิ่งเต็มไปด้วยความสุข

ในนั้นคนที่ดีใจมากที่สุดโดยไม่ต้องสงสัยคือหยูเสี่ยวเหวิน

ก่อนหน้านี้หล่อนถูกเย่เทียนด่าว่าหญิงมั่วโลกีย์ ถึงแม้จะเป็นความจริง ก็ทำให้ศักดิ์ศรีของหล่อนได้รับบาดแผล เกลียดเย่เทียนถึงขั้นสุด

ตอนนี้เห็นเขาถูกทุกคนโกรธกลับ และจะโดนไล่ออกไป ความรู้สึกเหมือนได้กินไอศกรีมในวันอากาศร้อนจัด ช่างรู้สึกสะใจเสียเหลือเกิน

พวกเขาทำท่าทางสาบานว่าจะไม่เลิกรา เห่าเหรินโกรธจัดทว่ากลับหัวเราะ “พวกนายนี่มันมีตาหามีแววไม่กันจริงๆ พวกนายรู้ไหมว่าเย่เทียนเป็นใคร? เมื่อหลายวันก่อน เหลยเหลาหู่ของแก๊งไผ่เขียวเขามาหาเรื่องเย่เทียน ผลปรากฏว่าต้องชดใช้ด้วยนิ้วมือสองนิ้ว ถ้าพวกนายคิดว่าเก่งกว่าเหลยเหลาหู่ ก็เข้ามาต่อไปสิ!”

พูดว่าแล้ว เห่าเหรินจึงกอดหน้าอกไว้ ไม่อยากพูดกับพวกเขามากอีกต่อไป

“เหลยเหลาหู่เป็นใคร?” มีคนถามอย่างไม่รู้เรื่องภายใน

“ตลกสิ้นดี เหลยเหลาหู่เป็นถึงหนึ่งในสามปรมาจารย์หางเสือ ของแก๊งไผ่เขียว เขาเย่เทียนสามารถทำให้เหลยเหลาหู่ตัดนิ้วทั้งสองของตัวเองได้? เห่าเหริน นายกำลังขี้โม้ล่ะมั้ง?”

ทุกคนส่งเสียงหัวเราะดัง เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ

“ขี้โม้รึเปล่า ลองดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ?”

ในเวลานี้ เสียงผู้หญิงที่เย็นชาลอยมากะทันหัน