“ลอง? ลองยังไง? หรือว่าเอานิ้วฉันให้เขาฟันงั้นเหรอ?”
เมี่ยวเสว๋ปินส่งเสียงเยาะเย้ยแบบหน้าได้ใจเต็มที่ ไม่ได้หันหน้ามองไปดูที่มาของเสียงในวินาทีแรก
“ถ้านายอยาก ก็ได้นะ!”
เสียงผู้หญิงคนนั้นลอยมาอีกครั้ง
นี่ทำให้เมี่ยวเสว๋ปินยักคิ้วยกใหญ่ เขาอยู่ที่เจียงหนันอย่างไรก็ถือว่าเป็นบุคคลแนวหน้า ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดจาแบบนี้กับเขา
“ฉันอยากดูหน่อยสิ เป็นใคร……”
เขาพูดพลางหันหน้า แต่ตอนที่มองผู้มาเยือนแจ่มชัด ชั่วขณะนั้นเสียงหยุดลงฉับพลัน ราวกับเป็ดตัวผู้ที่โดนจับคอไว้ ชั่วพริบตาเดียวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม
“คุณหนูใหญ่ฉิน?”
ทุกคนมองผู้มาเยือนชัดเจนแล้ว ต่างสีหน้าเปลี่ยนกันยกใหญ่
เห็นเพียง ฉินโล่หยินถูกทุกคนรุมล้อม ก้าวเดินเข้ามาจากด้านนอก ใบหน้าที่งดงามดูไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธเคือง สายตายิ่งสงบนิ่งไร้ที่เปรียบอย่างชัดเจน
หลังจากที่เธอปรากฏตัวขึ้น คนในเหตุการณ์มึนงงในชั่วพริบตาเดียว
บางทีฉินโล่หยินอาจไม่รู้จักคนในงาน แต่คนในงาน แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักเธอ
เพราะเจียงหนันที่กว้างใหญ่ มีเกือบครึ่งหนึ่งเป็นของตระกูลฉิน!
“ฉินโล่หยิน? หล่อนปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
เยี่ยนจื่อเฉินยักคิ้ว สายตาที่มองทางฉินโล่หยินเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
“ท่านเทียน!”
และในเวลานี้ หลิวชิงตามมาข้างกายฉินโล่หยิน ก้าวมาตรงหน้าเย่เทียนก่อนก้าวหนึ่ง พยักหน้าโค้งตัว ราวกับเคารพนับถืออย่างมาก
“หลิวชิง! พี่ใหญ่ของแก๊งไผ่เขียว!”
“เขา เขาเรียกเย่เทียนว่าอะไร……”
“ฉันคงไม่ใช่กำลังฝันอยู่มั้ง? พี่ใหญ่แก๊งไผ่เขียวที่ยิ่งใหญ่ นึกไม่ถึงเรียกเขาว่า‘ท่านเทียน’?”
ทุกคนได้ยินคำเรียกของหลิวชิง พากันสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน
เย่เทียนมองหลิวชิงแล้ว ถามแบบสงสัย “นายอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“ครับท่านเทียน ผมเข้ามาหาท่านเป็นเพื่อนคุณหนูใหญ่ฉินครับ!”
หลิวชิงตอบอย่างสุภาพ ระหว่างที่พูด ในสายตาเขามีเจตนาร้ายนิดหน่อย กวาดตามองทั้งสี่ด้านรอบหนึ่ง
“ท่านเทียนครับ เจอเรื่องยุ่งยากอะไรหรือเปล่าครับ? ต้องการความช่วยเหลือของผมหรือเปล่าครับ?”
หลังจากพูดคำนี้ออกมา ทุกคนในเหตุการณ์สีหน้ายิ่งซีดในชั่วพริบตา
นี่เป็นถึงพี่ใหญ่แก๊งไผ่เขียวเลยนะ แค่พูดไปอย่างสบายๆ ก็สามารถกำจัดการมีอยู่ของพวกเขาทิ้งได้!
ถ้าเย่เทียนเล่าเรื่องเมื่อสักครู่ออกมา กลัวแต่ว่าพวกเขาก่อเรื่องไว้จำเป็นต้องแบกรับผลไว้เอง
การแสดงออกของเมี่ยวเสว๋ปินโดดเด่นที่สุดในนั้น ทั้งตื่นตกใจ หวาดกลัว สงสัย อารมณ์สารพัดเปลี่ยนแปลงไม่นิ่ง
“มาหาฉัน?”
เย่เทียนได้สติกลับมา มองทางฉินโล่หยิน
ฉินโล่หยินเดินขึ้นมา หัวเราะเล็กน้อย “คุณเย่ ก่อนหน้าที่ฉันเคยบอกว่า คุณปู่ของฉันอยากเจอคุณ”
เย่เทียนคิดแล้ว ถึงแม้ไม่อยากพัวพันกับตระกูลฉินสักเท่าไร แต่เขาก็ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงพยักหน้าตอบตกลงไป
“เอาแบบนี้ งั้นไปเลยดีกว่า ในเมื่อฉันก็ไม่มีธุระอะไรแล้ว”
ตั้งแต่ต้นจนจบ เดิมทีเย่เทียนไม่ได้หันไปมองพวกเขาสักนิด ราวกับมองเห็นพวกตัวตลกเต้นแร้งเต้นกาอย่างนั้น เพิกเฉยต่อพวกเขาถึงที่สุด
เมี่ยวเสว๋ปินสีหน้าเปลี่ยนอย่างรุนแรง ท่าทีนี้ของเย่เทียน เทียบกับการเอาเท้าทั้งคู่มาเหยียบเขาไว้ ยังจะรู้สึกแย่กว่ามากทีเดียว
รู้สึกว่าเย่เทียนที่เขาดูถูกมาโดยตลอด คาดไม่ถึงยังสามารถสร้างความสัมพันธ์กับนายท่านฉินได้ ถ้าเย่เทียนอยากทำอะไรเขาสักหน่อย ไม่ต้องพูดถึงเขาเลย แม้แต่กิจการครอบครัวของเขา ล้วนแล้วแต่จะโดนโดยถ้วนหน้า
นึกถึงตรงนี้ อารมณ์เมี่ยวเสว๋ปินยิ่งหวาดกลัวและกังวล
“ดี”
ฉินโล่หยินก็ไม่พูดมากเช่นกัน พยักหน้ารับปากอย่างรวดเร็วมาก ก่อนจะไป ยังหันหน้ามาสั่งหลิวชิง
“เรื่องในที่นี้ มอบให้คุณมาจัดการ!”
“ครับ!”
หลิวชิงพยักหน้าแบบเคารพนับถือ
เย่เทียนบอกลากับเห่าเหรินสักนิด ไม่นานก็ออกไปจากที่นี่พร้อมฉินโล่หยิน
หลิวชิงสังเกตเห็นการกระทำระหว่างเห่าเหรินและเย่เทียนตั้งแต่แรก รู้ว่านี่ต้องเป็นเพื่อนสนิทของเย่เทียน จึงทำหน้ายิ้มแย้มพูดว่า “น้องห่าว คนนี้ รบกวนนายเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้สักรอบหน่อยสิ”
ถึงแม้ว่าเย่เทียนไม่ได้บอกอยากทำอะไร แต่เขาซึ่งสามารถอยู่มาได้ถึงตำแหน่งนี้ จะเป็นพวกธรรมดาอะไรได้อย่างไรกัน
ไม่ใช่เรื่องราวอะไร ล้วนต้องให้คนอื่นสั่งถึงจะสามารถทำได้
เห่าเหรินได้ยินคำพูดนี้ ชั่วขณะหนึ่งดวงตาเป็นประกาย รีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วรอบหนึ่ง
“อ่อ ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!”
หลิวชิงพยักหน้า สายตาที่เจตนาร้ายเต็มเปี่ยม ชั่วพริบตาเดียวล็อกอยู่บนตัวเมี่ยวเสว๋ปิน
เมี่ยวเสว๋ปินรู้สึกเพียงว่าตนเองเหมือนถูกงูพิษจ้องไว้อย่างนั้น สั่นเทาไปทั้งตัวไม่หยุด พูดแบบเคร่งขรึมแข็งกร้าว “นาย นายอยากทำอะไร ฉันขอเตือนไว้ ที่นี่คือถิ่นของแก๊งเสือดำ ฉันกับพี่ไห่ของแก๊งเสือดำ เป็นพี่น้องร่วมสาบานกันนะ!”
“อ่อ แกหมายถึงเหล่าไห่น่ะเหรอ เมื่อคืนฉันเพิ่งไปดื่มเหล้ากับเขามาเอง ถ้าไม่อย่างนั้นให้เขาเข้ามา รักษาหน้าแกเอาไว้?”
หลิวชิงหัวเราะเยาะเหยียดหยาม เดิมทีไม่ได้เห็นเมี่ยวเสว๋ปินคนกระจอกนี้อยู่ในสายตา
เวลานี้คนอื่นๆ ยิ่งไม่กล้าพูดอีกสักคำเดียว ถูกหลิวชิงลูกพี่กลุ่มผิดกฎหมายนี้กดไว้ แม้แต่ขยับสักนิดยังไม่กล้าเลย
“พี่ใหญ่หลิว!”
เวลานี้ ผู้จัดการเหอมาถึงได้เวลาพอดี
“เหล่าเหอ นายมาพอดีเลย คนพวกนี้ล่วงเกินท่านเทียนเข้า ต่อไปอย่าต้อนรับอีก ไล่ออกไปให้หมด โดยเฉพาะคนนี้ ที่บ้านเขาทำอะไร เดี๋ยวกลับไปเอาข้อมูลมาให้ฉัน ทั้งยังกล้าหาเรื่องท่านเทียน ฉันจะดูสิว่าเขาจะอยู่ที่เจียงหนันต่อไปยังไง!”
หลิวชิงกอดหน้าอกไว้ ใช้น้ำเสียงแบบไม่เป็นที่สงสัยพูดสั่งการ
“ล่วงเกินท่านเทียน?”
ผู้จัดการเหอขมวดคิ้ว โบกมือแล้ว จากนั้นมีลูกน้องหลายคนเดินเข้ามา
“ไล่คนพวกนี้ออกไปเถอะ อีกอย่าง เงินค่าเหล้าทั้งหมดจำไว้ให้ฉันด้วย ถ้าเขาไม่ให้เงิน อย่าคิดว่าวันนี้จะเดินออกไปจากประตูนี้!”
บนหน้าเมี่ยวเสว๋ปินซีดเซียวแถบหนึ่ง “ผู้จัดการเหอ คุณ คุณไม่ใช่บอกว่าเหล้านั้นส่งให้ผมเหรอ?”
“ส่งให้? แกคงไม่ได้คิดว่า เหล้านี้ส่งให้แกหรอกมั้ง?”
ผู้จัดการเหอทำหน้าดูถูก เบ้ปากพูด “ไม่ดูแกหน่อยว่าสภาพแบบไหน มีสิทธิ์อะไรให้ฉันเอาเหล้าให้แก? ลาฟิตปีแปดสองนั้น ฉันใช้มาเคารพท่านเทียนต่างหาก!”
“ใครจะรู้ว่าพวกแกตาถั่วขนาดนี้ ยังกล้าล่วงเกินท่านเทียน สมน้ำหน้าที่แกซวย”
ของที่ส่งให้เย่เทียน?
คนในงานมึนงงถึงที่สุด เมื่อสักครู่พวกเขาต่างคุยโวโอ้อวดเมี่ยวเสว๋ปินไปรอบหนึ่ง ยังคิดว่าความมีหน้ามีตาเขาใหญ่มาก รู้สึกว่าทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเพราะปัจจัยของเย่เทียน!
เวลานี้ ในใจทุกคนเสียใจอย่างยิ่ง เป็นอย่างที่เห่าเหรินว่าเอาไว้จริงๆ มีตาหามีแววไม่
เย่เทียนที่ไม่โด่งดัง ถึงเป็นคนร่ำรวยแท้จริงสินะ!
ปึง!
เมี่ยวเสว๋ปินหมดแรงนั่งลงบนพื้น ถึงแม้เขาจะมีเงินสะสมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงหนึ่งล้านกว่า
เงินนี้เขายังไม่กล้าไม่จ่าย เพราะที่นี่คือถิ่นฐานของแก๊งเสือดำ คนที่กล้าหาญกล้าเบี้ยวเงินอยู่ที่นี่ ล้วนแล้วแต่ศพจมในทะเลกันหมด!
“ฉันไม่เชื่อ เขาเย่เทียนสรุปมีเบื้องหลังอะไร มีสิทธิ์อะไรมาเหนือกว่าพวกเรา?”
พี่เห้าคนก่อนหน้านั้นตะโกนเสียงดัง ตามออกไปดูผลสรุปโดยตรง
พอดี เย่เทียนกำลังมาถึงข้างล่าง เปิดประตูรถไมบัคแล้ว ขับตามฉินโล่หยินไปอย่างรวดเร็ว
“เชี้ย ไมบัคที่ราคาสามล้าน! นี่สิถึงจะเป็นคนรวยตัวจริง!”
พี่เห้าตะโกนขึ้น ครู่หนึ่งแข็งอยู่ที่เดิม ราวกับอยู่ในความฝัน
คิดว่าเขาเพิ่งเช่ารถไม่กี่หมื่นคันหนึ่งเท่านั้น เย่เทียนกลับขับไมบัคคันหนึ่งมาเข้าร่วมงานรวมตัว นี่ไม่ใช่คนรวย แล้วอะไรถึงคือคนรวยล่ะ?
หลินอ้าวเสว่กับเยี่ยนจื่อเฉินไม่รู้ว่ายืนอยู่ข้างหน้าต่างตั้งแต่เมื่อไร มองภาพด้านหลังที่เย่เทียนขับรถออกไป หลินอ้าวเสว่ดวงตาขรึมเล็กน้อย
“เกาะตระกูลเก่าแก่ของเจียงหนันไว้ คลุกคลีกับฉินโล่หยิน นี่คือกำลังของนาย? นี่คือที่พึ่งของนาย?”
“น่าเสียดาย พวกนี้ไม่เพียงพอเป็นต้นทุนที่จะทำให้นายท้าทายตระกูลเย่ได้หรอก!”