เสี่ยวหลัว เขาคิดว่าเขาเกลียดเธอ แต่เมื่อเขากำลังจะจากไปเขาก็พบว่าความรู้สึกที่เกลียดเธอเล็กๆน้อยนั่น มันไม่สำคัญเลย เมื่อเทียบกับความรู้สึกที่จะต้องแยกจากกัน
ร่างกายของชูเยว่ เปียกโชกไปด้วยหยาดน้ำฝน เมื่อลมแรงพัดผ่านร่างของเธอก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเทา เธอเป็นเหมือนกับดอกไม้ที่อยู่ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ-น่าสมเพชทำอะไรไม่ถูกและน่าสงสาร เธอที่ควรจะเป็นดวงจันทร์และดวงดาวที่โดนเด่นท่ามกลางท้องฟ้า แต่ตอนนี้เธอกลับเป็นเหมือนหนอนที่น่าสังเวชที่สวดมนต์อ้อนวอนขอให้เสี่ยวหลัวกลับมา เธอไม่สามารถลืมความอบอุ่นและความปลอดภัยที่ผู้ชายคนนี้มอบให้ ที่สันเขาหมูป่าได้เลย ตอนนี้เธอกำลังใช้พละกำลังทั้งหมดของเธอเพื่อที่จะคว้าจับเขาเอาไว้ให้แน่น
อย่างไรก็ตามเสี่ยวหลัว นั้นก็ไม่มีความรู้สึกอะไรอยู่ในใจ มันไม่ใช่เพราะชูเยว่ แม้ว่ามันจะเป็น ฮวาง รั่วหราน,อันหวน หรือคนอื่นๆ ที่มาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เขาก็คงจะรู้สึกเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่สามารถหันหลังกลับไปได้แล้ว เขาไม่ได้มาจากโลกเดียวกันกับพวกเธอ เขาเป็นเพียงคนที่เดินผ่านเข้ามาในโลกของพวกเธอเพียงเท่านั้น เขาเป็นเพียงนักเดินทางที่เดินผ่านเข้ามา ทำไม? นักเดินทางถึงจะต้องมองย้อนกลับไปยังทางที่เขาเดินมาด้วย?
เสี่ยวหลัวแสดงสีหน้าที่เยือกเย็นและพูดกับเธออย่างเย็นชาว่า“ คุณหนูชู เธอนี่เป็นเด็กจริงๆ เธอรู้หรือเปล่าว่า ฉันเกลียดเธอ. เธอเป็นผู้หญิงที่หยิ่งผยองและโง่เขลา เธอมันเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต มันไม่มีผู้หญิงคนไหนที่อายุเท่ากับเธอ แล้วกินอมยิ้มทุกวันเหมือนอย่างเธอหรอก เธอคิดว่าเธอจะมีฟันที่ดีตลอดไปหรือไง? หรือว่าเธอคิดว่าการกินอมยิ้มมันจะทำให้เธอดูน่ารัก? ฉันจะบอกเธอให้นะว่าเธอนะมันแปลกมาก และเธอรู้ไหมว่าสิ่งที่ตลกที่สุดคืออะไร? นั่นก็คือเธอให้อมยิ้มกับฉันเป็นของขวัญ เธอแน่ใจงั้นเหรอว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดของหัวเย่ นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน?” (ทำไมมึงปากหมาอย่างนี้)
คำพูดทุกคำเป็นเหมือนกับคมมีดที่กรีดแทงลึกเข้าไปในหัวใจของชูเยว่
เธอมองไปที่เสี่ยวหลัวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง น้ำตาของเธอไหลลงมาที่แก้มตอนนี้มันผสมไปกับน้ำฝนจนหมดแล้ว ทำไม? เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นสิ่งที่เธอคิดไปเองคนเดียวงั้นเหรอ? เธอไม่มีตัวตนอยู่ในหัวใจของเขาเลยงั้นเหรอ?
“กลับไปเป็นคุณหนู ผู้สูงศักดิ์ของเธอต่อไปเถอะ อย่ามาหาฉันอีก สุดท้ายแล้วคนที่ฉันไม่อยากจะเห็นมากที่สุดก็คือเธอ!”
เสี่ยวหลัวกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อน เขาจึงปล่อยมือของเธอ แล้วเดินกลับไปที่รถแท็กซี่ โดยที่ไม่ได้หันกลับมามอง
“จอมโอ้อวด …เสี่ยว…เสี่ยวหลัว…”
ชูเยว่ เดินไล่ตามเขาไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดลง เธอมองไปที่เสี่ยวหลัว อย่างไร้จุดหมาย มองเขาที่เดินออกไปห่างไกลขึ้นเรื่อยๆ
เสี่ยวหลัวที่ขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้ว เขาก็บอกให้คนขับ ขับรถออกไป เขานำโทรศัพท์ของเขาออกมาแล้วโทรไปที่ ชู หยุนเชียง และแจ้งตำแหน่งของชูเยว่ ให้แก่เขา
เสี่ยวหลัว มองผ่านกระจกหน้ารถที่ด้านหลังของที่นั่งผู้โดยสาร เขามองเห็นชูเยว่ ที่ยืนร้องให้ตัวสั่นเทาอยู่ท่ามกลางสายฝน
เฮ้อ …
ทำไมเธอต้องมาหาฉันด้วยนะ
เสี่ยวหลัวถอนหายใจ เขาได้ทำหน้าที่ของเขาสำเร็จแล้ว ตอนนี้เธอยังยังคงเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของเธอต่อไป เธอก็ควรที่จะดำเนินชีวิตของเธอต่อไปเหมือนเดิม มันไม่ดีกว่าเหรอที่เธอและเขาจะปฏิบัติตัวต่อกันในฐานะคนแปลกหน้า? ทำไมเธอต้องมาทำอย่างนี้ด้วย เสี่ยวหลัว เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“พี่ชาย ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหลังนั้นดูดีมากเลย ฉันที่คอยสังเกตพวกคุณอยู่ในรถ … ฉันคิดว่าเธอชอบคุณจริงๆนะ”คนขับรถแท็กซี่พูดขณะที่จ้องมอง เสี่ยวหลัว ในกระจกมองหลัง
เสี่ยวหลัว เขาทำเพียงยิ้ม และไม่ได้พูดอะไร
ชูเยว่ชอบเขางั้นเหรอ?
เขาไม่รู้
เขาชอบ ชูเยว่ ไหม?
เขาตอบได้เลยว่าไม่ชอบเธอ แต่เขาก็ไม่ได้เกลียดเธอ เรื่องที่เธอทำในงานปาร์ตี้ตอนนี้เขาก็ไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจแล้ว
******
ฝนที่ตกลงมาดูเหมือนจะไม่หยุด
หลังจากกลับไปถึงอพาร์ทเมนต์เช่าของเขา เสี่ยวหลัว ก็เริ่มทำความสะอาดบ้าน มันเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว ที่เขาไม่ได้กลับมาที่นี่ ตอนนี้ที่พื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์มันถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาเตอะเต็มไปหมด
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เสี่ยวหลัว ก็นั่งลงบนเตียงและหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาและโทรไปหา จาง ซูซาน
“สวัสดีครับ เรียนสายใครครับ”
จาง ซูซาน มักจะได้รับสายจากลูกค้านิรนามอยู่บ่อยๆ ดังนั้นเมื่อเขาได้รับโทรศัพท์จากหมายเลขที่ไม่รู้จัก เขาจึงทักทายอีกฝ่ายอย่างสุภาพ
“ฉันเองเสี่ยวหลัว!” เสี่ยวหลัว พูด
“เสี่ยวหลัว อะไรกันเนี้ย? ทำไมแกถึงเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์?” เสียงของ จาง ซูซาน ดังมาจากในโทรศัพท์
เสี่ยวหลัว ตอบว่า“ฉันไม่เพียงแต่เปลี่ยนเบอร์ แต่ฉันยังเปิดบัญชี WeChat ใหม่อีกด้วย แอดเพื่อนฉันมาเร็วๆเลย”
ที่เสี่ยวหลัวต้องเปลี่ยนข้อมูลการติดต่อทั้งหมด ก็เพราะว่าเขาต้องการที่จะตัดการเชื่อมต่อทุกอย่าง เมื่อเขาออกมาจากหัวเย่
“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับแกหรือเปล่า?”
“หยุดพูดมากได้แล้ว แค่แอดเพื่อนมาก็พอ” มันเป็นเพราะชูเยว่ เสี่ยวหลัวจึงอารมณ์เสียอยู่นิดหน่อย
“แกเป็นอะไร?”
จากนั้น จาง ซูซาน ก็ถามว่า“ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหาแก ตอนนี้ฉันอยู่ในเมือง”
“ฉันทำงานที่ ชู หยุนเชียง มอบหมายให้เสร็จล่วงหน้าแล้ว ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้าน”
“โอเค แล้วเจอกัน โอ้ใช่เตรียมเสื้อผ้าให้ฉันด้วย ฉันจะไปค้างคืนที่บ้านของแก”
ทันทีที่พูดจบ จาง ซูซาน ก็วางสายลงไปก่อนที่ เสี่ยวหลัว จะได้พูดอะไร
เสี่ยวหลัวรู้สึกพูดไม่ออก จากนั้นเขาก็ส่งข้อมูลผู้ติดต่อใหม่ของเขาไปยังทุกรายชื่อที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์ของเขา หลังจากที่ส่งข้อความไปเป็นจำนวนมาก นิ้วเจ้าปัญหาของเขามันดันกดเร็วเกินไป เขากดส่งข้อความถึงคนที่เขาไม่ต้องการจะส่งไปถึงมากที่สุดซะได้ นั้นก็คือ จ้าว เหมิ่งชี
ความงี่เง่านี้มันทำให้เขาพูดไม่ออก เขาลบข้อมูลผู้ติดต่อของเธอทันทีเพื่อไม่ให้มีสิ่งอื่นที่น่าอึดอัดใจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ จ้าว เหมิ่งชี เธอกลับส่งข้อความตอบกลับมาทันที“ตอนนี้ คุณเป็นอย่างไรบ้าง”
เสี่ยวหลัวตบไปที่หน้าผากของตัวเอง นิ้วของเขานี่มันสร้างแต่ปัญหาจริงๆ
สำหรับข้อความนี้ เขารู้สึกไม่จำเป็นที่จะต้องตอบกลับ
…
หนึ่งชั่วโมงต่อมา จาง ซูซาน ก็มาพร้อมกับเบียร์เป็นลังและอาหารขยะอีกเป็นจำนวนมาก
อพาร์ทเมนต์ของ เสี่ยวหลัว นั้นอยู่ชั้นบนสุดมันประกอบไปด้วยห้องนั่งเล่นและห้องนอน คิดเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของพื้นที่บนดาดฟ้า อีกครึ่งหนึ่งเป็นระเบียงกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่ปูพื้นด้วยกระเบื้องสีแดง เขาไม่จำเป็นต้องทำความสะอาด เพราะฝนมันจัดทำความสะอาดให้เขาจนหมดแล้ว ในวันที่แดดจัดเขาสามารถเดินไปรอบๆ ด้วยเท้าเปล่าได้เลย
แต่วันนี้ฝนตก พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากวางโต๊ะไว้ใต้หลังคาซึ่งทำจากแผ่นอลูมิเนียม หลังจากที่พวกเขาเปิดไฟ บรรยากาศของการดินเนอร์ยามเที่ยงคืนก็ปรากฏออกมาในทันที
“แกวางแผนที่จะดื่มจนกว่าจะอ้วกเลยไหมในคืนนี้?” เสี่ยวหลัว มองไปที่พื้นที่เต็มไปด้วยกระขวดเบียร์
“อ้วก *! ฉันไม่เคยอ้วก! เบียร์เหล่านี้พวกมันจะกลายเป็นปัสสาวะอย่างรวดเร็ว และฉันก็จะไปฉี่มันออก พวกมันไม่ทันได้เป็นอ้วกหรอก”
จาง ซูซาน พูดพร้อมกับเคี้ยวไก่ทอด ตอนนี้ปากของเขามันเต็มไปด้วยคราบน้ำมันเต็มไปหมดแล้ว เครื่องแต่งกายของ จาง ซูซาน ในวันนี้นั้นสบายมาก: มันเป็นเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะ ตอนนี้ จาง ซูซาน ดูน่าประทับใจมากจนไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดได้ เขาส่งโทรศัพท์ของเขาไปที่เสี่ยวหลัวและกระตุ้นให้เสี่ยวหลัว ดูว่ามีอะไรอยู่บนหน้าจอ จากนั้นเขาก็ถามว่า“แกคิดอย่างไรกับผู้หญิงคนนี้”
มันเป็นภาพของหญิงสาวที่แต่รูปมาอย่างชัดเจน เสี่ยวหลัวมองไปที่ภาพแล้วส่ายหัว ปากของเธอใหญ่เกินไปและใบหน้าของเธอก็ดูธรรมดาๆ เธอให้ออร่าที่ขมขื่น อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถตัดสินเธอได้แบบสุ่มสี่สุ่มห้า ถ้าเธอกำลังจะเป็นแฟนคนใหม่ของ จาง ซูซาน มันจะทำให้ จาง ซูซาน เจ็บปวดถ้าเขาบอกว่าเธอไม่สวย
“แล้วแกคิดว่าเธอเป็นยังไง”
“ฉันเป็นคนที่ถามแก แล้วแกจะมาถามฉันกลับทำไม” จาง ซูซาน พูดเสียงดัง ขณะที่ปากของเขาเต็มไปด้วยเนื้อ
“เธอเป็นใครงั้นเหรอ” เสี่ยวหลัว ตัดสินใจถามอย่างระมัดระวัง
จาง ซูซาน ตอบว่า“หัวหน้า”
หัวหน้า?
หลังจากความคิดบางอย่าง เสี่ยวหลัว จึงตัดสินใจที่จะไม่บอกความจริงกับเพื่อนของเขา เมื่อพิจารณาจากใบหน้าของ จาง ซูซาน แล้วดูเหมือนว่าเขาจะสนใจในหัวหน้าของเขา
เสี่ยวหลัวพยักหน้าแล้วพูดว่า“เอาละฉันคิดว่าเธอไม่เลวเลย เธอมีจมูกใบหน้าและมีดวงตาสองข้าง ฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็นคนที่อารมณ์เจ้าระเบียบมากในที่ทำงาน”
ตรงกันข้ามกับความคิดของเขา จาง ซูซาน อารมณ์ขึ้นในทันทีหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลัว เขากระแทกโต๊ะแล้วตะโกนว่า“ใช่เจ้าอารมณ์! แกกำลังพูดว่ามี”อารมณ์” ใช่ไหม! เสี่ยวหลัวแกตาบอดงั้นเหรอ? แกไม่เห็นปากของเธอหรือไง ว่ามันใหญ่มาก? จนฉันคิดว่าเธอสามารถรับสองคนได้พร้อมกัน และแกกำลังบอกฉันว่าเธอมีนิสัยเจ้าระเบียบงั้นเหรอ ไอเชี้…ยเอ้ย”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับแก? ทำไมแกถึงเริ่มบ่นเกี่ยวกับหัวหน้าของแกทันทีหลังจาก ที่มาถึงที่นี่” เสี่ยวหลัวรู้สึกสับสน