ตอนที่ 42 ข้าอดทนรอวันนี้มานานแล้ว !
นักฆ่าชุดดำไม่อาจทำความเข้าใจและไม่สามารถเชื่อในความจริงนี้ได้
ในช่วงเวลาที่มันกำลังครุ่นคิดอยู่ ปราณกระบี่ทั้ง 12 สายก็บินไปหาด้วยความรวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด
“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ !”
ปราณกระบี่พุ่งไปทั้งในแนวตั้งและแนวนอน พวกมันทอประกายสีทองเจิดจ้าในราตรี
หน้าอก ไหล่และใบหน้าของนักฆ่าชุดดำถูกเจาะทะลุ จนเกิดรอยแผลฉีกขาดเป็นทางยาวสีแดง โลหิตเริ่มไหลซิบๆลงมา
การต่อสู้ของยอดฝีมือมิอาจวอกแวกหรือลังเลได้แม้เพียงเสี้ยววิ !
ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บเหล่านี้จะไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็ทำให้นักฆ่าชุดดำเริ่มหายใจถี่ขึ้นและแผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ
มันตอบโต้อย่างรุนแรงบ้าคลั่งและกวัดแกว่งมีดคู่เข้าปัดป่ายปราณกระบี่บินทั้ง 12 และพุ่งมาหาจี้เทียนซิงอย่างดุดัน
“ระยำ ! ไปตายซะ !”
ในขณะที่นักฆ่าชุดดำวิ่งเข้ามา มันก็หอบเอาจิตสังหารที่เปี่ยมล้นจนบรรยากาศรอบๆเย็นเฉียบลง
จี้เทียนซิงยังคงใจเย็นและสงบนิ่ง สิ่งที่เขาต้องทำก็คือตั้งจิตควบคุมปราณกระบี่ทั้ง 12 ให้ปิดกั้นเส้นทางของนักฆ่าชุดดำ ไม่ให้เข้ามาใกล้
ผลที่ออกมากลายเป็นนักฆ่าชุดดำไม่อาจฝ่าปราณกระบี่ที่โบยบินไปมาได้ แม้นมันจะปัดทิ้งไปได้ชุดหนึ่ง อีกชุดก็พุ่งเข้ามาสกัดกั้นเป็นระลอกอย่างไม่มีวันจบสิ้น
เสียง “หึ่ง หึ่ง” ของปราณกระบี่ที่ล่องลอยไม่มีที่สิ้นสุดเริ่มมุ่งโจมตีเข้าใส่นักฆ่าชุดดำอย่างต่อเนื่อง พวกมันทั้งแทง เฉือน ฟัน ไม่ยั้งจนเกิดเสียงฉัวะดังขึ้นตลอดเวลา
หลังจากนั้นไม่นาน นักฆ่าชุดดำก็ถูกปราณกระบี่โจมตีเข้าไปถึง 37 ครั้งและสร้างบาดแผลไว้ทั่วร่าง
โลหิตฉีดพุ่งออกมาจนทำให้เสื้อผ้าของมันเปียกชุ่มราวกับอาบเลือดมา และทำให้มันดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
แม้แต่วานรเพลิงสีชาดที่แข็งแกร่งก็ยังไม่อาจทนทานต่อการโจมตีและบาดแผลจากปราณพวกนี้ได้ นับประสาอะไรกับนักฆ่าชุดดำในระดับต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 4 !
ผลที่ตามมาจากการสูญเสียเลือดมากเกินไปก็คือ ดวงตาของมันเริ่มมืดลงและความแข็งแรงของมันก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ฝีเท้าของมันเริ่มเชื่องลงอีกด้วย
ในใจของนักฆ่าชุดดำตอนนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสยดสยอง เจตนาคิดต่อสู้หายวับในทันควัน ตอนนี้มันต้องการเพียงหนีไปเท่านั้น
แต่จี้เทียนซิงใช้พลังเฮือกสุดท้ายควบคุมปราณกระบี่ทั้งหมดไล่ตามมันไป
ฉึก ฉัวะ !
เสียงดังขึ้นอีกระลอกและปราณกระบี่ก็แทงเข้าที่หัวและคำคอของมัน
นักฆ่าชุดดำผินร่างหนีไปได้เพียง 5 ก้าวเท่านั้นก็ถูกปราณกระบี่ทิ่มแทงจนล้มลงกับพื้น
อึก……. อา….
มันครวญครางบนพื้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็สิ้นลม
เลือดไหลทะลักไปตามต้นหญ้าและอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
จี้เทียนซิงเห็นว่านักฆ่าชุดดำตายแน่แล้ว เขาก็รีบชักนำปราณกระบี่ทั้งหมดกลับเข้าไปในร่าง จากนั้นก็ค่อยๆลงล้มบนพื้นหญ้า
ภายในวันเดียว เขาต้องเค้นพลังจิตวิญญาณแทบหมดสิ้นเพื่อควบคุมปราณกระบี่ถึงสองครั้งสองครา
สิ่งนี้ทำให้จิตวิญญาณและพลังกายถูกใช้ไปจนเกินขีดจำกัด เขาล้มลงไปอย่างรวดเร็ว
เขาหลับตาลงและนอนคว่ำบนพื้นหญ้า รู้สึกแค่เพียงว่าเส้นประสาทและชีพจรทุกสายในร่างกายเหนื่อยล้าอย่างมาก เขาวิงเวียนและอยากจะหลับตาลง
ในเวลานี้เองเสี่ยวปิงหูก็บินออกมาจากป่ามืดและจอดลงข้างๆชายหนุ่ม
เมื่อยามที่จี้เทียนซิงและนักฆ่าชุดดำปะทะกัน มันก็เข้าไปแอบในป่าและรอจนกว่าการต่อสู้จะสิ้นสุดลง
“ตอนนี้ในเทือกเขาเย่เต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่เกลียดชังข้ากำลังออกมาเพ่นผ่าน แต่เจ้ากลับถูกศัตรูไล่ล่าแทนเสียนี่”
“โอ้… แล้วสภาพเจ้าเช่นนี้จะหนีกันได้อย่างไร”
เสี่ยวปิงหูถอนหายใจและร่ำร้องออกมา แต่อุ้งเท้าก็ไม่ได้อยู่ว่าง มันรีบคุ้ยหาขวดโอสถและยัดเข้าปากจี้เทียนซิงอย่างรวดเร็ว
จี้เทียนซิงฟื้นฟูพละกำลังกลับมาได้เล็กน้อย เขารีบหยิบขวดยาและกินเข้าไปอีก
จากนั้นเขาก็หลับตาลงครู่หนึ่งและได้ยินเสียงสัตว์อสูรดังมาจากทุกทิศทาง ดังนั้นเขาจึงพยายามชันกายขึ้นอย่างอ่อนล้าและโซเซ
“กลิ่นคาวเลือด… ที่ติดตามหญ้าในระแวกนี้จะชักนำสัตว์อสูรมา พวกเรารีบไปกันเถอะ”
เขากล่าวอย่างอ่อนแรงและสะพายย่ามก้มเก็บกระบี่มังกรโลหิตขึ้นมาและพยายามลากสังขารเดินทางต่อไป
ด้วยความช่วยเหลือของเสี่ยวปิงหู เขาสามารถหลีกเลี่ยงสัตว์อสูรร้ายได้ตลอดทาง รวมไปถึงยอดฝีมือบางส่วนที่กำลังควานหาดอกไม้ดาราแดงในภูเขา
ตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะจิตวิญญาณและพลังกายของเขานั้นถูกใช้เกินขีดจำกัด
ทุกครึ่งชั่วโมง พวกเขาต้องหยุดพักหนึ่งครั้งเพื่อกินโอสถฟื้นฟูและกินอาหารแห้งเพื่อเสริมเรี่ยวแรง
ค่ำคืนที่มืดมิดอันยาวนานได้ผ่านพ้นไปในที่สุด
เมื่อแสงแรกของรุ่งอรุณยามเช้าเผยให้เห็น จี้เทียนซิงก็รู้สึกโล่งใจ เขามองหาถ้ำเพื่อหลบซ่อนตัวและรักษาอาการชั่วคราว
เขาพันแผลก่อนเป็นอันดับแรกแล้วงีบฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณ จากนั้นก็พักอยู่ถ้ำเป็นเวลาสองชั่วโมง
ถึงใกล้ยามเที่ยงวัน ในที่สุดเขาก็ฟื้นตัวได้ราว 60% แล้ว
เขาเดินออกจากถ้ำพร้อมกับเสี่ยวปิงหูและรีบมุ่งหน้าไปที่ชานเมืองเทือกเขาเย่อย่างรวดเร็ว
พวกเขาข้ามภูเขาใหญ่อีกสี่ลูกและเมื่อเวลาใกล้ถึงช่วงเย็น ในที่สุดเขาก็กลับมาที่ทางออกของเทือกเขา
ระหว่างทางจี้เทียนซิงได้พบกับจอมยุทธ์มากมายที่เดินทางเข้าออกไปในเทือกเขาเย่
คนเหล่านี้ล้วนมุ่งหน้าไปค้นหาดอกไม้ดาราแดงนั้นเอง พวกเขาเพียงคิดแค่ว่าจะค้นหามันได้อย่างไรและไม่ได้สนใจชายหนุ่มอย่างจี้เทียนซิง เมื่อเดินสวนกัน พวกเขาเพียงแค่เหลือบมองแวบเดียวและไม่ได้สร้างปัญหาใดๆ
คนเหล่านั้นไม่มีทางคาดฝันได้เลยว่า สุดท้ายแล้วดอกไม้ดาราแดงที่ทุกคนตามหากันให้วุ่นจะอยู่ในมือของชายหนุ่มผู้นี้
เมื่อถึงยามราตรี จี้เทียนซิงก็กลับเข้าเมืองไต้ห่าวอย่างเงียบงัน
ไม่กี่วันที่ผ่านมาเมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยความคึกคัก แต่ยามนี้มันกลับกลายเป็นเงียบสงัดดั่งเดิม
สาเหตุก็เนื่องมาจากเหล่าจอมยุทธ์มากหน้าหลายตาต่างก็เข้าไปในเทือกเขาเย่เพื่อตามหาดอกไม้ดาราแดงกันหมดแล้ว ทำให้ในเมืองเหลือเพียงประชากรดั้งเดิมเท่านั้น
จี้เทียนซิงไม่ได้กลับไปที่โรงเตี๊ยมไลฟุและไม่ได้กลับไปเอาม้าของเขากลับคืนด้วยซ้ำ
เพราะเขารู้ว่าผู้ที่ต้องการชีวิตเขาและเหล่ามือสังหารของหมู่ตึกอาภรณ์โลหิตนั้นย่อมต้องดักซุ่มอยู่ที่โรงเตี๊ยมเป็นแน่
มือสังหารชุดดำที่เขาปะทะบนเชิงเขานั้นต้องเป็นคนของหมู่ตึกอาภรณ์โลหิตแน่นอน
เขาเพียงสงสัยว่า ผู้ที่จ้างวานมือสังหารพวกนั้นเป็นใครกันแน่ ?
เกี่ยวกับคำถามนี้ ในหัวใจของเขามีคำตอบอันเลือนรางอยู่ แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจ 100%
ในสถานการณ์ปัจจุบันของเขานั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ ตัวเลือกที่ดีที่สุดแน่นอนว่าย่อมเป็นการกลับเมืองจักรวรรดิโดยเร็วที่สุด
ในคืนนั้นจี้เทียนซิงหาซื้อม้าและออกจากเมืองไต้ห่าวในทันที
สามวันต่อมา จากการเร่งร้อนเดินทางทั้งวันทั้งคืน สุดท้ายเขาก็กลับมาถึงเมืองจักรวรรดิอย่างปลอดภัย
เขากลับเข้าบ้านตระกูลจี้โดยที่ไม่ได้แจ้งข่าวต่อบิดาและบอกฮวนเอ๋อแค่ว่าจะเก็บตัวสักหลายวัน อย่าให้ใครมารบกวนเด็ดขาด
จากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องลับและเตรียมที่จะใช้คุณสมบัติของดอกไม้ดาราแดงเพื่อควบแน่นตัวอ่อนกระบี่ !
ภายในห้องลับอันมืดมิด ข่ายอาคาถูกเปิดใช้งานและดูดซับพลังฟ้าดินเพื่อมาบรรจบกับแกนกลางของข่ายอาคม
จี้เทียนซิงนั่งคุกเข่าลงในข่ายอาคมและถือกล่องไม้จันทน์ไว้ในมือทั้งสองข้าง
เมื่อมองไปที่กลีบสีเงินหกกลีบในกล่อง ใบหน้าของเขาก็แสดงรอยยิ้มที่น่ายินดีออกมา แววตาของเขาพลุ่งพล่านไปด้วยความคาดหวังที่ลึกล้ำ
ในช่วงกว่า 10 วันที่ผ่านมา เขาเดินทางไกลกว่า 4,000 ไมล์ และเกือบจะต้องสิ้นลมในภยันตรายต่างๆไปหลายครั้งด้วยซ้ำ
ตอนนี้ดอกไม้ดาราแดงอยู่ในมือของเขาแล้ว สิบวันแห่งความเหนื่อยล้าสิ้นหวังนั้นสมควรคุ้มค่า !
ในที่สุด ข้าก็จะสามารถควบแน่นตัวอ่อนกระบี่ได้แล้ว*!*
ข้าอดทนรอวันนี้มานานแล้ว*!*