ตอนที่ 41 มือสังหารโจมตี

กระบี่สะบั้นเก้าสวรรค์

ตอนที่ 41 มือสังหารโจมตี

 

 

จี้เทียนซิงยืนอยู่บนโขดหิน ในมือถือกล่องไม้จันทน์ที่มีกลีบหกกลีบของดอกไม้ดาราแดงไว้ในมือ ดวงตามองไปที่เงาหลังอันสง่างามของหยุนเหยา

 

ร่างของนางเริ่มไกลออกไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็ค่อยๆกลืนหายไปในความมืดมิดยามราตรี

 

จี้เทียนซิงยืนอยู่เป็นเวลานานและยังคงไม่รั้งสายตากลับมา

 

ในเวลานี้เองเสี่ยวปิงหูที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนก็หยิบกิ่งไม้ทุบหัวจี้เทียนซิงอย่างแรง

 

จี้เทียนซิงตื่นตัวในทันทีและหันขวับไปมองเสี่ยวปิงหูพลางตะโกนออกมาด้วยความโกรธว่า “บัดซบ  เสี่ยวปิงหู ทำอะไรของเจ้า ! ตีหัวข้าทำไม ?”

 

เสี่ยวปิงหูหรี่ตามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าบูดบึ้งและกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ปกติ “มองอะไรอยู่ได้   นางไปแล้ว เจ้าจะมองเพื่อ ?”

 

ชายหนุ่มคร้านเกินกว่าจะตอบคำถามมัน เขาเก็บกล่องไม้จันทน์ลงในย่ามและเตรียมพร้อมสำหรับการลงเขา

 

เสี่ยวปิงหูกางปีกสีครามของมันและบินมาข้างๆ ถามว่า “สหายจี้ เจ้ารู้จักนาง ? เจ้าชอบนาง ?”

 

“เจ้าชอบเพราะนางงดงามใช่เปล่า ? หรือว่าเจ้าชอบหน้าอกและต้นขาเรียวงามของนาง ?”

 

“สหายจี้ นางไม่ค่อยพูดกับเจ้าใช่มั้ย งั้นเจ้าต้องตามจีบ !  ตามจีบไม่ได้ก็ตามตื๊อ!”

 

“เจ้าไม่บอกความในใจออกไป นางจะรู้ได้ไงว่าเจ้าชอบนาง”

 

“เฮ้ยสหายจี้ ทำไมเจ้าไม่พูดกับข้าล่ะ ? หรือว่าเจ้ายังคิดถึงแม่ไก่นางนั้น ?”

 

จี้เทียนซิงต้องการลงจากภูเขาอย่างเงียบๆและพยายามไม่สนใจเสี่ยวปิงหู แต่เขาก็ถูกมันกลั่นแกล้งกวนประสาทจนอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาว่า “เสี่ยวปิงหู หุบปากได้แล้ว !”

 

เมื่อเสี่ยวปิงหูเห็นว่าอีกฝ่ายโกรธแล้ว มันก็หยุดพูดมาก หลังจากพึมพำอยู่ไม่กี่คำมันก็กลับเข้าไปนอนในย่าม

 

“เฮอะ ดูเจ้าสิ เพียงเจอสาวงามนมใหญ่เข้าไปก็ถวายดอกไม้ดาราแดงที่พวกเราหามาอย่างยากลำบากให้เสียแล้ว”

“เจ้านี่มันจริงๆน้า เจอสาวงามก็ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว  เช่นนี้เจ้าจะปกป้องข้าได้อย่างไรในอนาคต  ตอนนี้ข้ารู้สึกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของข้าซะแล้วสิ….”

 

จี้เทียนซิงคร้านเกินกว่าจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้เสี่ยวปิงหูเข้าใจ และเขาก็ไม่อยากอธิบายให้มันฟังว่า นิสัยของเขาไม่ชอบติดหนี้ใคร เขาให้นางเพื่อตอบแทนบุญคุณเท่านั้น

 

ถึงจะอธิบายความหมายของความรู้สึกของมนุษย์ให้มันฟัง มันก็ไม่เข้าใจอยู่ดี

 

ดังนั้นเขาเลยไม่ตอบโต้ให้มากความและรีบลงจากภูเขาอย่างเงียบๆ

 

 

 

ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา จี้เทียนซิงก็มาถึงเชิงเขาแล้วกลับไปที่ลำธารแห่งหนึ่ง

 

เขาได้ดอกไม้ดาราแดงมาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องอยู่ในเทือกเขาเย่ต่อไป เขาอยากไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด

 

นอกจากนี้ในเทือกเขาเย่ในตอนกลางคืนนั้นเต็มไปด้วยอันตรายยิ่งยวด สัตว์อสูรจำนวนมากออกมาเพ่นพ่านเต็มไปหมด

 

อย่างไรก็ตาม จี้เทียนซิงรู้ว่าด้วยประสาทสัมผัสชั้นเลิศของเสี่ยวปิงหู พวกเขาจะสามารถรับรู้และหลีกเลี่ยงสัตว์อสูรได้ล่วงหน้า

 

ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินออกจากป่าและลัดเลาะไปตามลำธาร น้ำเสียงเย่อหยิ่งก็ดังขึ้นในป่ามืดที่อยู่ไม่ไกล

“ฮี่ๆ ข้าไม่คิดเลยว่ายอดฝีมือจากที่ต่างๆมากมายมารวมตัวกันกลับหาที่อยู่ของดอกไม้ดาราแดงไม่พบ แต่มีบางคนกลับได้มันไปแล้ว !”

 

ทันทีที่เสียงดังขึ้น จี้เทียนซิงก็ตื่นตัวในทันที มือกุมกระบี่มังกรโลหิตไว้แน่นและกวาดสายตามองไปรอบๆ

 

เขาไม่ส่งเสียง แต่ดวงตากระพริบถี่มองต้นตอของเสียงในเงามืดอย่างระมัดระวัง หูของเขาลอบฟังเสียงทั้งหมดภายในรัศมีสิบฟุต

 

จากนั้นก็มีเสียงแหบแห้งและฟังไม่ลื่นหูดังขึ้นอีกครั้ง

“โอ้ ? ข้านี่ช่างโชคดีนัก ไม่เพียงแค่เอาหัวเจ้าไปรับรางวัล แต่ข้ายังได้ดอกไม้ดาราแดงอีกด้วย เหอเหอเหอ…”

 

เมื่อเสียงเงียบลง ป่าอันมืดมิดก็แผ่กลิ่นอายเย็นซ่านออกมาและมีลูกศรยิงไปที่จี้เทียนซิง

 

“เป็นอาวุธลับ !”

จี้เทียนซิงรูม่านตาเบิกกว้าง เขาก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่งและสะบัดกระบี่มังกรโลหิตออกไป

 

เสียง ‘เป้ง เป้ง’ ดังขึ้นสองครั้งและมีลูกดอกสองลูกถูกปัดออกไปด้วยกระบี่มังกรโลหิตจนกระเด็นตกลงไปในพงหญ้า

 

ลูกดอกอีกลูกหนึ่งถูกยิงต่อเนื่องออกมาอีกครั้งตามด้วยเสียงหวีดที่เกิดขึ้นในอากาศ มันพุ่งเฉียดร่างชายหนุ่มไปและปักทะลุเข้าไปในต้นไม้ใหญ่หลังตัวเขา

 

ในเวลาเดียวกัน เงาดำสายนั้นก็พุ่งออกมาจากความมืดและกวัดแกว่งมีดคู่อย่างเงียบงัน แทงเข้าหาจี้เทียนซิง

 

การกระทำของเงาดำสายนั้นนั้นรวดเร็วยิ่ง ราวกับภูตผียามราตรี

 

ด้วยมีดคมสองเล่มที่กำอยู่ในมือของมัน ใบมีดสีดำเปล่งประกายอันเย็นเยียบท่ามกลางความมีดมิด

 

จี้เทียนซิงรับรู้ได้ในทันทีว่าเงาดำนี้คือมือสังหาร !

 

“ฟุ่บ ! ฟุ่บ!”

มีดสั้นสองเล่มพุ่งเข้าหาด้านหน้าของเขาทันที  แต่ทว่า คมมีดยังไม่ทันมาถึงแรงกดทับอันรุนแรงก็กระแทกใบหน้าของชายหนุ่มจนรู้สึกเจ็บ

 

ในช่วงความเป็นความตาย จี้เทียนซิงมีสีหน้าจริงจัง เขาวาดกระบี่ในมือออกไปต้านรับการลอบสังหารของอีกฝ่ายอย่างสุดกำลัง

 

 

“เคร้ง เคร้ง !”

อาวุธทั้งสองชนกันหลายครั้งติดต่อกันจนเสียงของโลหะที่แหลมแสบแก้วหูดังสนั่นไปทั่วบริเวณ

 

เมื่อคมอาวุธทั้งสองปะทะกันจนเกินประกาย จี้เทียนซิงก็ตื่นตระหนกจากแรงกระแทก แขนของเขารู้สึกสั่นสะท้าน

 

 

เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่3  ?หรือว่า4กันนะ

เขากระซิบอยู่ในใจและเริ่มประเมินระดับพลังของนักฆ่าชุดดำที่อยู่ตรงหน้า

 

หากว่ากันตรงๆ เขาไม่มีทางชนะนักฆ่าผู้นี้ได้เลย แต่เขาก็ไม่มีวันยอมให้อีกฝ่ายสับสังหารได้ตามใจ

 

 

“10เพลงกระบี่ล้ำลึก!****”

จี้เทียนซิงกัดฟันแน่นและใช้ออกด้วยเพลงกระบี่สุดกำลังของเขาเพื่อตอบโต้นักฆ่าชุดดำ

 

ร่างกายทั้งหมดของเขาพองตัวขึ้นและกระดูกลั่น ‘เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ’  ดูราวกับว่าเขาพยายามรีดเค้นพลังออกมาให้ถึงขีดจำกัด

 

 

เป้ง เป้ง !

ร่างของทั้งสองฝ่ายกระโจนเข้าใส่กัน แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างต่อเนื่องภายในป่าของภูเขา

 

ถึงแม้ว่าจี้เทียนซิงจะรีดเค้นพลังและใช้ออกด้วยวิชาที่ร้ายกาจที่สุดของตน แต่ด้วยระดับบ่มเพาะที่ต่างกันมาก เขาเริ่มเต็มไปด้วยเหงื่อและใบหน้าซีดลงเรื่อยๆ

 

แม้แต่แขนซ้ายของเขาก็เกิดรอยเลือดจากคมมีดกรีดผ่านยาวเท่ากับตะเกียบ

 

นักฆ่าชุดดำที่โจมตีจี้เทียนซิงอย่างต่อเนื่องหลายสิบครั้งและทุกครั้งก็สร้างบาดแผลให้ชายหนุ่มได้ แต่กลับไม่อาจสังหารอีกฝ่ายได้เสียที  เขาเริ่มหงุดหงิดขึ้น

 

เขาเป็นคนจอมยุทธ์ที่ค่อนข้างใจร้อน เมื่อเวลายิ่งผ่านไปนาน ดวงตาของเขาก็เริ่มแดงก่ำด้วยความรำคาญ โทสะอัดแน่นจนเขาตัดสินใจใช้วิชาที่รุนแรงที่สุดเพื่อจบชีวิตอีกฝ่ายโดยเร็ว

 

มีดคู่รุ้งทองคำ!”

นักฆ่าชุดดำคำรามเสียงต่ำเต็มไปด้วยจิตสังหาร มีดคู่สองเล่มแยกของเป็น 9 และพุ่งเข้าโจมตีจุดสำคัญทั้งเก้าบนร่างของจี้เทียนซิง

 

จี้เทียนซิงถอยร่นต่อเนื่องจนหลังชนกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่สูงตระหง่าน เขาไม่มีทางหนีอีกแล้ว

 

ในช่วงเวลาสำคัญนี้ เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจบางอย่าง

 

 

จงไป12ปราณกระบี่!****”

ขณะที่เขาตะโกนด้วยเสียงต่ำ ปราณกระบี่ทั้งสิบสองเล่มก็ปะทุออกจากร่างของเขาทันที และพุ่งเข้าต้านรับกับเงามีดทั้งเก้าของนักฆ่าชุดดำ

 

 

เคร้ง เคร้ง เคร้ง …..

 

12 ปราณกระบี่ บินวนเวียนและปะทะเข้ากับเงามีดทั้ง 9 เสียงเคร้ง เคร้ง ดังกึกก้องสะท้อนไปทั่ว

 

ถึงแม้ว่าเงามีดทั้งเก้าจะไม่แตกสลาย แต่พวกมันก็ถูกบีบให้เบี่ยงทิศทางไปจนกระทั่งปักเข้าที่ต้นไม้ใหญ่ข้างๆแทน

 

 

“ปราณกระบี่ ?!  แถมยังมากมายเช่นนี้… !?”

นักฆ่าชุดดำตะลึงงัน เขาเบิกตากว้างจ้องมองไปอย่างสยดสยอง

 

ขยะชนชั้นปรับแต่งกายาที่รับกระบวนของเขาได้มากกว่า 30 รอบก็ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อพอแล้ว

 

แต่ ณ ตอนนี้ขยะที่ว่านั่นกลับปะทุปราณกระบี่ออกมาจากร่างได้ ! แถมยังมีถึง 12 เล่ม !

 

เป็นที่ทราบกันโดยชัดเจนว่ามีเพียงยอดฝีมือในเขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 7 ขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถควบแน่นพลังลมปราณในร่างให้ผันแปรเป็นปราณกระบี่และปลดปล่อยพวกมันออกมาภายนอกได้

 

แล้วขยะที่เลื่องลือของเมืองจักรวรรดิทำเช่นนี้ได้อย่างไร ?

 

หรือว่าความแข็งแกร่งของมันไม่ได้อยู่ในระดับปรับแต่งกายาอีกแล้ว แต่ฟื้นฟูกลับสู่จุดสูงสุดของมัน,  เขตแดนต้นกำเนิดแท้จริงขั้นที่ 7 ?

 

นักฆ่าชุดดำครุ่นคิดในใจอย่างตื่นตระหนก