ตอนที่ 340

The Divine Nine Dragon Cauldron

รองเจ้าตำหนักนั้นถูกแต่งตั้งโดยเจ้าตำหนักของตำหนักรองนั้นๆ เขาที่มีตำแหน่งผู้ตรวจการนั้นทำหน้าที่สังเกตการณ์ในตำหนักรอง เขาไม่มีอำนาจในการแทรกแซงกิจการในตำหนักรอง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสำคัญอย่างการปลดรองเจ้าตำหนักเลย

 

“ฮื่ม! ก่อนที่ข้าจะมา ข้าได้รับมอบอำนาจในการลงโทษมาจากจ้าวไป่ลั่วแล้ว!”

 

“ความผิดของเจ้ามันน่าสังเวชนัก ฆ่าได้แม้กระทั่งคนบริสุทธิ์ เจ้ามันคนชั่วช้า ผู้ตรวจการอย่างข้าคิดว่าเจ้าไม่เหมาะกับตำแหน่งรองเจ้าตำหนัก! ในตอนนี้ ด้วยนามแห่งจ้าวไป่ลั่ว ข้าขอประกาศว่าเจ้าถูกปลดออกจากการเป็นรองเจ้าตำหนัก!”

 

เมื่อครู่ เขาประกาศใช้ตำแหน่งของตัวเองที่เป็นผู้ตรวจการ แต่เมื่อเขาถูกเปิดโปง…เขาเปลี่ยนไปใช้นามของจ้าวไป่ลั่ว

 

แม้ว่าจ้าวไป่ลั่วจะให้สิทธิ์กับเขา แต่ผู้ตรวจการไป่ฮีก็ทำไปโดยไม่ได้ถามหลิงเสี่ยวเทียนก่อนแน่นอน

 

มิเช่นนั้นทำไมจ้าวไป่ลั่วจะต้องสร้างปัญหาโดยการขอรองเจ้าตำหนักทุกคนจากหลิงเสี่ยวเทียนด้วยเล่า? นั่นเป็นเพราะเขาสั่งหลิงเสี่ยวเทียนไม่ได้ใช่หรือไม่?

 

ผู้ตรวจการไป่ฮีแค่กำลังหลอกลวงผู้คน เขาใช้คำพูดเพื่อทำให้เจ้าเมืองอันยี่ได้มีโอกาสลงมือเท่านั้น

 

“เจ้าเมืองอันยี่ หยินหยูไม่ใช่คนจากอาณาจักรทมิฬอีกแล้ว ข้อพิพาทระหว่างพวกเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรทมิฬ เจ้าไม่ต้องสนใจข้า สะสางเรื่องระหว่างกันไปซะ!”

 

ผู้ตรวจการไป่ฮีประสานหมัดให้กับเจ้าเมืองอันยี่

 

ผู้คนรู้สึกได้ว่าซือหยูพบกับความไม่เป็นธรรม พวกเขาทำเกินไปแล้ว!

 

แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างผู้ตรวจการไป่ฮีกับเจ้าตำหนักหยินหยู สถานการณ์ก่อนหน้านี้ก็บอกอย่างชัดเจนว่าผู้ตรวจการไป่ฮีใช้อำนาจทางการเพื่อล้างแค้นให้ตัวเอง เขาไล่ต้อนเจ้าตำหนักหยินหยูให้จนมุม!

 

และที่ไร้ยางอายยิ่งกว่าก็คือเขาไม่ระวังคำพูดเลยแม้แต่น้อย เขาพูดกับเจ้าเมืองอันยี่โดยไม่แสดงความนับถือเลย!

 

ราวกับว่าเขากำลังทำเรื่องที่ถูกต้องอย่างไรอย่างนั้น

 

เจ้าเมืองอันยี่ประสานหมัดตอบ

 

“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะไม่ออมมือ”

 

“คนผู้นี้สังหารและชิงสมบัติในเมืองอันยี่ เขาได้ทำเรื่องชั่วร้ายโดยการฆ่าลูกของข้าเพียงเพราะเรื่องผิดใจเล็กน้อย คนชั่วช้าเช่นนี้ต้องถูกกำจัดทิ้ง!!”

 

อะไรนะ? เหล่านักสู้ในเมืองตกตะลึง นายน้อยตระกูลตู่ที่เป็นหนึ่งในแปดตระกูลยิ่งใหญ่ถูกหยินหยูสังหารไปแล้ว!

 

ถึงจะเห็นได้ชัดว่าเจ้าเมืองอันยี่เป็นคนฆ่าลูกของตัวเอง เขาก็ประกาศให้โลกรู้ว่าซือหยูเป็นคนทำ!

 

ทั้งสองช่วยกันใส่ร้ายให้ซือหยูสมควรแก่ความตายเป็นพันนครั้ง

 

ซือหยูไม่คิดจะพูดอะไรอีกเมื่อเผชิญหน้ากับความไร้ยางอายของทั้งคู่

 

ซือหยูหัวเราะ เขาหัวเราะเสียงดังลั่น

 

“ฮ่าๆๆๆๆๆ…ไร้ปรานีเรอะ? ใช่แล้ว! ข้ามันไร้ปรานีทั้งยังป่าเถื่อน ข้าฆ่าคนจนชิน…แล้วยังไงรึ?”

 

แววตาของเขาเยือกเย็น สายลมพัดผ่านชุดให้ร่ายรำโบกสะบัด

 

เส้นผมสีเงินสยายออก แววตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้น

 

เว่ยเทียนเฉินหัวเราะอย่างเย็นชา

 

“เจ้ายอมรับแล้วรึว่าเจ้ามันป่าเถื่อน อภัยให้ไม่ได้ ทุกคนควรจะมีสิทธิ์ได้ฆ่าเจ้า!”

 

“เจ้าเมืองอันยี่ ข้าขอร้องให้ท่านกำจัดคนน่ารังเกียจเช่นนี้แทนพวกเราด้วย ด้วยนามแห่งคุณธรรม!”

 

เขาขี้ขลาดและอ่อนแอไม่กล้าจะเดินเข้าไป แต่เขาอ้อนวอนคนจากข้างๆด้วยคำพูดที่ราวกับเที่ยงธรรม

 

เฉินยู่เหลียนเห็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ความหวาดกลัวของนางลดลง แววตาของนางกลับมาดุร้ายอีกครั้ง

 

“ใช่แล้ว! คนเช่นนี้ก็ทำได้แค่ทำร้ายคนบริสุทธิ์เท่านั้นถ้ารอดไปได้!”

 

“ขอร้องท่านเจ้าเมือง โปรดกำจัดมันให้เพื่อพวกเราเถอะ!”

 

เห็นได้ชัดว่านางพยายามจะลอบสังหารซือหยูถึงสองครั้ง และนางในตอนนี้กำลังใส่ร้ายว่าซือหยูนั้นโหดร้าย

 

คนในตระกูลตู่เกือบจะตายในน้ำแข็ง แววตาพวกเขาดุดัน

 

“ได้โปรดเถอะท่านผู้นำตระกูล บัญชาสวรรค์ก็ต้องการกำจัดคนผู้นี้!”

 

“บัญชาสวรรค์ต้องการกำจัดคนน่ารังเกียจนี่…”

 

“กำจัดคนน่ารังเกียจนี่…”

 

เสียงดังก้องไปทั่วเมืองอันยี่

 

เสียงอันทรงพลังของคนร้อยคนนั้นราวกับคลื่นโหมกระหน่ำทะลวงนภา มันดังไปทั่วเมืองอันยี่

 

แต่ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือความตั้งมั่นของทุกคนที่จะฆ่าซือหยู!

 

สามคนก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างพยัคฆ์ ไฉนจะร้อยคน

 

ในตอนนี้ ไม่มีนักสู้คนใดก้าวออกมาเพื่อซือหยูอีกแล้ว

 

ทุกคนรู้ว่าซือหยูถูกไล่ต้อน ทุกคนรู้ว่าซือหยูต้องตาย

 

ทุกคนจึงอย่างจะฆ่าเขา!

 

เมื่อรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขา สัมผัสได้ถึงความเด็ดเดี่ยวของผู้คน สัมผัสได้ถึงสถานการณ์อันสิ้นหวังที่ไร้ทางออก…

 

ซือหยูยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เส้นผมสีเงินยังคงร่ายรำอย่างบ้าคลั่ง เส้นผมนั้นบดบังดวงตาลึกซึ้งราวกับดารา…แต่มิอาจบดบังจิตวิญญาณที่จ้องมองออกมาไม่ได้!

 

“ถ้าทุกคนคิดว่าข้าโหดร้ายป่าเถื่อน อยากจะฆ่าข้านัก ข้าก็จะทำให้พวกเจ้าทุกคนรู้ว่าคนที่โหดร้ายจริงๆเป็นเช่นไร!”

 

ปั้ง—

 

จิตสังหารอันน่าหวาดกลัวพุ่งออกจากดวงตาของซือหยู

 

เส้นผมสีเงินที่บดบังดวงตาถูกพัดเปิด

 

ดวงตาอันเปล่งประกายในตอนนี้เหมือนกับก้นบึ้งไร้ขอบเขตที่พยายามจะลากดวงวิญญาณของทุกคนลงไป

 

“พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!”

 

เป็นเสียงอันเยือกเย็นจากนรกที่ขู่เข็ญให้ทุกคนต้องตาย!

 

หัวใจของทุกคนที่ถูกซือหยูจ้องมองสั่นสะท้าน ดวงตาของเขาราวกับประตูไปสู่นรกอันมืดมิดที่จะส่งพวกเขาไปยังโลกหน้า

 

แม้แต่ผู้ตรวจการไป่ฮีก็เบิกตากว้าง เขาหวาดกลัวแววตานั้น

 

“แววตาอะไรกัน!”

 

เหล่านักสู้อ้าปากค้าง!

 

“พวกเขาอาจจะทำเกินไปจริงๆ!”

 

กว้างเนื้อที่คอของเขาบิดไปมา ผู้ตรววจการไป่ฮีหัวเราะ

 

“ดวงตาของเศร้าผู้คนเป็นดั่งแก้วใสบริสุทธิ์ หากทุกคนอยากให้เจ้าตายมันก็เพียงพอแล้วว่าเจ้าสมควรตายเพียงใด!”

 

ซือหยูหัวเราะอย่างเย็นชา

 

“ผู้คนงั้นรึ? ข้าก็แค่ต้องฆ่าให้หมดเท่านั้น!”

 

เขาอยากจะฆ่าทุกคนในตระกูลตู่และรวมถึงทุกคนที่เข้าใจเขาผิด!

 

“เจ้าเมืองอันยี่ เจ้าจะลงมือก็ได้! ไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรแล้ว!”

 

แต่ผู้ตรวจการไป่ฮีก็รีบถอยหนี เขาไม่คิดจะลงมือเอง

 

เจ้าเมืองอันยี่ตากระตุก เขาไม่รู้ว่าทำไมหัวใจของเขาถึงเต้นแรงเมื่อได้ยินคำพูดอันเต็มไปด้วยจิตสังหารของซือหยู

 

แววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารนั้นทำให้เจ้าเมืองอันยี่เสียใจเล็กน้อย

 

ถ้าเขาเข้ามาจัดการเพียงเล็กน้อย สถานการณ์จะมาถึงขั้นนี้รึ?

 

แต่ความคิดก็จากไปอย่างรวดเร็ว

 

ซือหยูได้เสียตำแหน่งในอาณาจักรทมิฬไปแล้ว เขามิใช่สิ่งใดนอกจากแมลงสาบในสายตาเขา เขาสังหารซือหยูได้เพียงย่างก้าว

 

“เห้อ หยินหยู มาถึงขั้นนี้แล้วเจ้าก็ยังไม่รู้สำนึก เจ้าไม่คิดจะหยุดความปรารถนาในการฆ่า ข้าทำได้แค่ทำตามบัญชาสวรรค์เท่านั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะได้มีชีวิตใหม่ที่ดี!”

 

เจ้าเมืองอันยี่ถอนหายใจเบาๆและก้าวไปข้างหน้า

 

แต่ก่อนที่เขาจะได้ขยับตัว รังสีพลังอันน่ากลัวก็ปรากฏขึ้นจากน่านฟ้าเมืองอันยี่!

 

อั่ก—

 

เมื่อรังสีพลังปรากฏ เหล่านักสู้ในขอบเขตมังกรต่างกระอักเลือด

 

หลายร้อยคนที่กำลังต่อสู้กับสัตว์อสูรไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น พวกเขาตกลงไปในคลื่นสัตว์อสูร พริบตาเดียวซากศพของพวกเขาก็เข้าไปอยู่ในท้องของเหล่าสัตว์อสูร

 

พวกที่เป็นขอบเขตอำมฤตนั้นรู้สึกได้ถึงโลหิตที่สั่นไหว พลังวิญญาณในกายติดขัด พวกเขาหยุดร่างกายให้สั่นไม่ได้

 

ราวกับภูเขาลูกยักษ์กำลังกดทับพวกเขา ยากที่จะหายใจ

 

“นี่มัน…”

 

ผู้ตรวจการไป่ฮีสีหน้าเปลี่่ยนไปอย่างมาก

 

“อำมฤตระดับห้า…จักรพรรดิสัตว์อสูร!”

 

จักรพรรดิแห่งสัตว์อสูรนับหมื่น สัตว์อสูรในตำนาน!

 

ตามตำนาน สติปัญญาของพวกมันเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปและยังพูดได้ มันกำลังจะได้ทะลวงม่านพลังสุดท้ายและมีรูปลักษณ์ของมนุษย์!

 

แต่นั่นก็เป็นแค่ตำนาน

 

ตัวตนของจักรพรรดิสัตว์อสูรนั้นเป็นเพียงเรื่องเล่าจากปากต่อปาก ไม่ได้มีบันทึกที่แท้จริงหลงเหลืออยู่

 

นั่นเป็นเพราะว่าจักรพรรดิสัตว์อสูรหายากเกินไป ความหายากนั้นไม่ได้น้อยไปกว่าสัตว์อมตะเลย!

 

ใครกันจะไปคิดว่าจักรพรรดิสัตว์อสูรในตำนานจะมาปรากฏตัวในคลื่นสัตว์อสูรเช่นนี้?!