บทที่ 507 แก้แค้น
บทที่ 507 แก้แค้น
ตอนนี้อวี้ฮ่าวหรานได้สติแล้ว ทว่าความร้อนรุ่มในหัวใจก็ยากที่จะดับเสียเหลือเกิน
หากไม่ใช่เพราะรักในภรรยาและลูกสาวของตน ตัวเองก็คงหมดความอดทนไปแล้ว
อย่างไรแล้ว แม้ว่าจะเป็นถึงเทพเจ้าผู้สูงส่งมามากกว่าสามร้อยปีแล้ว แต่เพราะใจตั้งปณิธาน เขาจึงแทบไม่แตะต้องผู้หญิงคนไหนเลย
อวี้ฮ่าวหรานหน้าแดงเถือก เขาอาบน้ำเย็นไปอีกรอบหนึ่ง
เมื่อหลี่หรงได้ยินเสียงน้ำ หน้าของเธอก็ขึ้นสีไปด้วย
ต่างไปจากอวี้ฮ่าวหราน เธอเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาเท่านั้น!
ยังไม่ต้องพูดถึงแฟนด้วยซ้ำ แค่การใกล้ชิดกับผู้ชายยังไม่รู้ว่าเธอจะเอามาจากไหน
ตอนนี้ทั้งร่างกายของหญิงสาวรู้สึกอ่อนแรงอ่อนยวบไปหมด
หัวใจที่เต้นระรัวทำให้หัวของเธอว่างเปล่า
โชคดีที่ถวนถวนตื่นขึ้นมาเพราะเสียง เด็กน้อยกอดเธอจากข้างหลัง
“คุณน้า…ทำไมตัวอุ่นจัง”
ถวนถวนกล่าวด้วยความงัวเงีย
หลี่หรงตัวแข็งทื่อ ทว่าเมื่อนึกถึงพี่สาวของตัวเอง หลี่เม่ย ความคิดของเธอถึงค่อยเริ่มเป็นรูปเป็นร่างอีกครั้ง
“อันตรายเกินไปแล้ว…”
หลังจากที่ได้สติกลับมา และนึกถึงสถานะในตอนนี้ เธอก็อดจะกลัวไม่ได้
ถ้าเธอยังไม่กลับมาเป็นปกติ เมื่อพี่เขยออกมา เธอจะต้องยึดติดกับมันโดยไม่ได้ตั้งใจอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
คงไม่แย่นักหากจะปล่อยไปตามที่ร่างกายต้องการ แต่อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถตัดสินได้ในทันทีเลย เพราะยังคงมีเรื่องราวมากมายที่ซับซ้อนและพัวพันขัดแย้งเต็มไปหมดอยู่
“เฮ้อ…ฉันจะไปนอนบนโซฟาแล้วกัน”
อวี้ฮ่าวหรานเดินออกมาจากห้องน้ำและถอนหายใจเล็กน้อย
“ไม่! พี่เขย อย่าไปนอนบนโซฟาเลย ฉันจะให้ถวนถวนนอนตรงกลาง”
หลี่หรงรีบหยุดเขาไว้เมื่อได้ยินดังนั้น เธอไม่ได้จองห้องพักนี้เพื่อให้พี่เขยมานอนบนโซฟาเสียหน่อย จึงรีบกล่าวและกอดถวนถวนที่ยังคงสับสนมาวางตรงกลางเตียง
เมื่อเห็นดังนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้า คงจะดีถ้าได้อยู่กับลูกสาวมากกว่านี้
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกในคืนนั้น…
หลี่หรงลุกจากเตียงตั้งแต่ตีห้า
“ไปกันเถอะ! พี่เขย ไปปีนเขากัน!”
“เมื่อคืนเธอนอนเร็วก็พูดได้นี่…”
อวี้ฮ่าวหรานพูดไม่ออก เธอเอาพลังงานมาจากไหนกัน?
“แน่อยู่แล้ว ฉันคิดไว้แล้วว่าจะมาดูมันที่นี่! เพราะภูเขาที่นี่สูงมาก สามารถมองเห็นทะเลเมฆได้เลยเชียว”
หลี่หรงไม่มีโอกาสออกมาเที่ยวหลายปีแล้ว จึงตื่นเต้นดีใจสุดขีด
“ก็ได้”
อวี้ฮ่าวหรานเริ่มหายง่วงแล้ว
เขาฝึกฝนจนเข้าสู่ขั้นร่างกายศักดิ์สิทธิ์ อย่าว่าแต่การนอนหลับเลย แม้จะไม่กินอาหาร เขาก็ยังอยู่ได้
อย่างมากที่สุดก็แค่รู้สึกว่ากระเพาะหิวในระดับทั่วไปเท่านั้น
หลังจากที่รีบอาบน้ำกันแล้ว ถวนถวนก็ตื่นขึ้นพอดี ทั้งสามตรงไปยังเทือกเขาชื่อดังในบริเวณนั้นทันเวลาหกโมงเช้าพอดี
“จะดูทะเลเมฆงั้นเหรอ? นี่มันกี่โมงแล้ว? จะอยู่รอดูมันที่นี่สักพัก แล้วยังไงต่อ?”
คุณลุงที่เป็นยามเฝ้าประตูจ้องเขม็งมา
“จะดูได้ก็ตอน 8-9 โมงเช้านู่น”
“เอ๊ะ?”
หลี่หรงงุนงงทันทีที่ได้ยินดังนั้น เธอไม่คิดว่ามันจะช้าขนาดนี้
“ภูเขาของพวกเราสูงมาก ไม่มีกระเช้าหรืออะไรอำนวยทางขึ้นไปหรอกนะ ถ้าพวกคุณไปกันตอนนี้ ถึงที่นั่นคง 10 โมงแล้วละ”
ชายแก่หัวเราะร่วน
“ขึ้นไปทันเวลาอาหารเที่ยงพอดีน่ะสิไม่ว่า”
หลี่หรงอดเม้มปากแน่นไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เธอทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย
“กลับกันเถอะ! กลับไปนอนต่อกัน!”
พวกเขาจำใจกลับไปยังโรงแรม
“อ้าว พี่อวี้ ออกไปข้างนอกกันมาแต่เช้าเหรอ?”
หน้าประตูห้อง เขาพบกับหวังเหยียนที่พึ่งจะออกมา อีกฝ่ายกล่าวทักทาย
“อื้ม!”
หลี่หรงรู้สึกรำคาญเล็กน้อยและตอบไปส่ง ๆ
หลังจากเหตุการณ์ล่าสุด เธอก็รู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
อวี้ฮ่าวหรานส่งเด็กสาวทั้งสองไปที่ห้องพัก แล้วจึงกลับลงบันไดมากับหวังเหยียน
ในภัตตาคาร
“นายจะไปตอนไหน?”
“ยังไม่รู้เหมือนกันเลยครับ ถ้ารีบไปก็อาจจะเป็นอันตรายได้ ยังไงผมก็ยังไม่รู้จักพลังที่นอกเหนือจากกำลังภายในมากนัก”
หวังเหยียนตอบขณะที่รับประทานอาหารเช้า
อวี้ฮ่าวหรานเล่นช้อนรอ เขาไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น เพราะทานอาหารกับหลี่หรงไปแล้วตั้งแต่ตีห้า
“อันที่จริงไม่ต้องห่วงก็ได้ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันหรอก”
คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบออกมาอย่างสบายใจ
ในเมื่อมันเป็นการแก้แค้น เขาก็ควรเป็นคนลงมือจัดการให้สิ้นซาก
อีกอย่าง เขาอยากใช้โอกาสนี้สืบเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ชีคนนั้นด้วย
ก่อนหน้านี้หวังเหยียนดูกังวลเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าจะไม่หยุดเด็ดขาด
“พี่อวี้ พี่ทำได้ขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ? เก่งเกินไปแล้ว…แล้วพี่จัดการตระกูลลับได้ไหม?”
แม้ว่าจะเคยได้รับการยืนยันแล้วเขาก็ยังยากจะเชื่ออยู่ดี
แค่คนรุ่นใหม่กำลังภายในยังไปถึงขั้นสูงสุด แล้วอาจารย์ของพวกเขาล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้น ศัตรูคือคนทั้งตระกูล
แล้วพวกเขาไปกันแค่สองคน…
“ฉันควรไปขอคนเพิ่มจากหัวหน้าโจว”
เมื่อคิดได้ดังนั้น หวังเหยียนก็ทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย ส่วนอวี้ฮ่าวหรานที่เห็นดังนั้นก็ขำออกมา
“ฮ่า ๆ แค่มดแมลงตัวเล็ก ๆ ฉันจัดการเองได้น่า”
เขามั่นใจเป็นอย่างมากและไม่อยากให้มันล่าช้าไปกว่านี้
“ไปกันบ่ายนี้ แค่พวกเราสองคน!”
…
ในขณะเดียวกันบนภูเขาสูง
ตระกูลเฝิงอันลึกลับ
ปัง!
“ไปหามา! ไปหามาว่ามันเป็นใคร? กล้าทำคนจากตระกูลเฝิงของฉันเลยหรอ!”
ในห้องโถงของตระกูลเฝิง ชายชราตบโต๊ะด้วยความโกรธเกรี้ยว
ในห้องโถงมีร่างไร้วิญญาณสามร่างอยู่บนพื้น
“เรียนท่านหัวหน้า ผมได้ไปพูดคุยกับผู้คนระดับสูงจากกองกำลังอื่น ๆ พวกเขาเคยตรวจสอบมาก่อน และผมได้ที่อยู่ของคนคนนั้นมาแล้ว”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่ข้างร่างไร้วิญญาณ
“ดี!”
ใบหน้าของหัวหน้าตระกูลเฝิงโกรธเกรี้ยวยิ่งกว่าเดิม
“ส่งใครสักคนไป! ส่งคนไปฆ่ามัน! ฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับมัน! ทำให้ทุกคนรู้ว่าถ้ามายุ่งกับตระกูลเฝิงของฉัน มันได้จบไม่สวยแน่!”
…
ช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว อวี้ฮ่าวหรานนั่งดูทีวีกับหลี่หรงอยู่ในห้องพัก
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
“ฉันว่านะ…เราลำบากมากกว่าจะมาถึงที่นี่แค่เพื่อจะมาดูไอ้นี่ที่อื่นเหรอ?”
เขาชี้ไปที่ละครน้ำเน่าไร้สาระบนทีวี
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา สิ่งนี้มันเหลือจะทนจริง ๆ
แต่หลี่หรงกลับชอบดูมันมาก
“ในที่สุดฉันก็ได้พัก ฉันอยากดูหนังเรื่องนี้มานานแล้วแต่ไม่ว่างดูสักที”
“ถวนถวนก็ชอบดูเหมือนกัน!”
เด็กสาวตัวน้อยรีบยกมือขึ้นเพื่อสนับสนุน
“พี่น้องคู่นี้น่าสนใจมาก”
“ดูสิ! ดูต่อกันเถอะ!”
เมื่อได้ยินลูกสาวพูดอย่างนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็ปิดปากเงียบและนั่งดูกับเธอทันที
แต่ตอนนั้นเอง ประตูห้องพักพลันถูกเคาะ
หลี่หรงได้ยินเสียงและรีบลุกไปเปิดประตู
“อาจจะเป็นข้าวเที่ยงที่ฉันสั่งไปก็ได้”
แต่อวี้ฮ่าวหรานรีบคว้าแขนเธอไว้ในทันใด!
“มีอะไรแปลก ๆ!”
ด้วยสัมผัสที่แม่นยำ เขารู้ทันทีว่ามีคนมากกว่าหนึ่งคนอยู่นอกประตูห้อง!”
“เธอพาถวนถวนกลับไปที่ห้องนอนก่อน!”
ถึงหลี่หรงจะยังไม่เข้าใจ แต่เธอรู้ว่าพี่เขยนั้นฉลาด จึงไม่คิดจะสงสัยเขาตอนนี้
สายตาของอวี้ฮ่าวหรานพลันเย็นเยียบขึ้นทันที ที่เห็นว่าทั้งสองเข้าไปในห้องนอนแล้ว