บทที่ 506 นอนไม่หลับ

บทที่ 506 นอนไม่หลับ

สมาชิกตระกูลเฝิงทั้งสามคนพลันตกตะลึง

โดยไม่มีแม้แต่เวลาให้ได้ตอบสนอง อวี้ฮ่าวหรานปรากฏกายขึ้นตรงหน้าราวกับสายฟ้าแลบ!

ทั้งสามอยากจะร้องขอความเมตตาออกมา ทว่าสุดท้าย กลับได้แต่ใช้กำลังภายในต้านทานเอาไว้เท่านั้น

ตู้ม!

ลานประลองพังทลายลงทันทีพร้อมกับเสียงกัมปนาทเลือนลั่น!

ชิ้นส่วนโลหะแหลมคมราวกับใบมีดพลันกระจัดกระจายไปทั่วทั้งห้อง!

อวี้ฮ่าวหรานเผชิญหน้ากับทั้งสามคนด้วยตัวคนเดียว เสื้อผ้าของอีกฝ่ายล้วนถูกฉีกกระชากเป็นชิ้น ๆ ด้วยพลังจิตวิญญาณแสนทรงพลัง!

ไม่เพียงเท่านั้น ร่างคหรือ่งบนกลับอาบไปด้วยเลือด!

แม้เป็นเพียงเศษเสี้ยวการโจมตี แต่ความน่าสะพหรืองกลัวกลับปรากฏออกมาแล้ว!

“ฉันยอมแพ้แล้ว! ฉันผิดไปแล้ว…!!”

ชายหนุ่มตระกูลเฝิงผู้อวดดีเมื่อครู่ บัดนี้กลับทรุดลงกับพื้นด้วยความหวาดผวาและสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง!

นี่มันหมาแมวแบบไหนกัน เป็นอสูรที่มาตามล้างแค้นชัด ๆ!!

อีกสองคนนั้นน่าสลดยิ่งกว่า ตอนนี้เส้นชีพจรของพวกเขาถูกทำลายแล้ว ถึงต่อให้ฟื้นคืนมาได้ ก็ยังต้องเสียทักษะทั้งหมดและกลายเป็นคนไร้ค่าไปโดยสิ้นเชิง

เมื่อฝุ่นควันเริ่มจางหายไป ถึงได้เห็นอวี้ฮ่าวหรานยืนประสานมือ จ้องมองด้วยสายตาเยาะเย้ยและเหยียดหยาม

“ได้โปรดให้อภัยฉันด้วย…ฉันตาบอด…ฉันไม่เคยเห็นภูเขาไท่ซานมาก่อน…”

“เรา…พวกเราไม่มีปัญหาอะไรกับคุณทั้งนั้น…อย่าฆ่าเราเลย!”

“…”

ร่างทั้งสามร่างโชกไปด้วยเลือดและคุกเข่าลงตรงหน้าเขาทั้งที่ยังสั่นเทาไม่หยุด

ตอนนี้พวกเขาดูน่าอดสูและสิ้นหวังเหลือเกิน ท่าทีอวดดีก่อนหน้านี้ไปไหนหมดแล้วล่ะ?

“ใช่แล้ว ฉันไม่มีความคับข้องใจอะไรกับแกทั้งนั้น”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าให้กับคำพูดของพวกเขาเล็กน้อย

แต่เมื่อในใจของทั้งสามพอมีความหวังขึ้นมาบ้าง ก็เป็นเขาที่ดับแสงสว่างอันริบหรี่นั้นลงอีกครั้ง

“ฉันไม่เกี่ยวหรอก แต่มีอีกคนเป็นศัตรูกับตระกูลเฝิงน่ะ”

ตอนนั้นเอง หวังเหยียนพลันกระโดดออกมาจากลากประลอง!

“ฮ่า ๆ พวกแกตระกูลเฝิงสมควรตายให้หมด! พวกแกทุกคนต้องตาย!”

เขาสูญเสียท่าทีสงบนิ่งไปจนหมดสิ้นและแทนที่ด้วยสายตากระหายเลือด

“แกรู้ไหมว่าตั้งแต่น้องสาวของฉันจากไปในอ้อมแขน ฉันต้องรอโอกาสแบบนี้มานานขนาดไหน? เพราะงั้นตระกูลเฝิงต้องตายให้หมด!”

กร๊อบ!

ทันทีที่พูดจบ หวังเหยียนก็เตะเข้าที่คอของหนึ่งในพวกเขาโดยไม่ลังเล

หลังจากนั้นเหมือนเขาจะใจเย็นลงมาบ้าง

“พี่อวี้ ขอบคุณที่ให้โอกาสนี้กับฉัน! หวังเหยียนคนนี้ยินดีเป็นทั้งวัวและม้าให้ในชีวิตนี้ ฉันจะไม่มีวันทรยศพี่เป็นอันขาด!”

เขาหันไปพูดกับชายตรงหน้า

และให้คำสัญญาที่หนักแน่นเอาไว้ด้วย

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเบา ๆ

ด้วยประโยคนี้ที่หวังเหยียนพูดออกมา การเดินทางครั้งนี้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว

ผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์และจะไม่มีวันทรยศนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก

“นายจะไม่ฆ่าสองคนนั้นเหรอ?”

เขาถามอย่างใจเย็น

“ฉันอยากรู้ว่าตระกูลเฝิงอยู่ที่ไหน?!”

“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว!”

ทันทีที่เสียงของหวังเหยียนจบลง ชายหนุ่มจากตระกูลเฝิงก็รีบเอ่ยขึ้นทันที

“พูด!”

“ตระกูลเฝิงตั้งอยู่ที่นี่…”

เขาระบุตำแหน่งของตระกูลเฝิงให้อย่างไม่ลังเล

แต่สีหน้าภายใต้คำพูดนั้นกลับเต็มไปด้วยความชั่วร้าย

หัวหน้าตระกูลเฝิงนั้นราวกับเมฆาเคลื่อนคล้อย แล้วพวกเขาจะหาเจอได้ยังไงกัน?

เขาคิดว่ายังไงพวกมันก็ต้องตายแน่ ๆ!

หลังจากที่ได้ตำแหน่งชัดเจนมาแล้ว อวี้ฮ่าวหรานก็พยักหน้าและหันหลังกลับ ไม่นานหลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังตามออกมา

หวังเหยียนไม่ปล่อยให้ทั้งสองรอดไปได้เช่นกัน

เขามีความเกลียดชังที่ไร้ที่สิ้นสุด

กว่าทั้งสองจะเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับไปถึงโรงแรมก็เกือบเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว

แต่เมื่อที่ฮ่าวหรานกลับไปถึงห้อง เขาพลันนึกเรื่องน่าขายหน้าขึ้นมาได้

“นี่…เธอตั้งใจทำแบบนี้เหรอ?”

เขาจ้องคนบนเตียงใหญ่อย่างพูดอะไรไม่ออก ในสมองคิดเพียงแค่ว่าอยากจะนอนหลับอย่างสงบสุข แต่ก็กลัวว่าจะต้องเบียดอีกฝ่ายด้วย…

ตอนที่จองห้องพักก่อนหน้านี้ ตนไม่ได้คิดอะไรมากเพราะอีกฝ่ายเป็นคนเสนอว่าให้จองห้องพักแค่สองห้อง

มาตอนนี้ เพราะเหนื่อยล้ามาทั้งวัน หลี่หรงจึงผล็อยหลับไปทันที

อวี้ฮ่าวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงไปอาบน้ำ ก่อนจะกลับออกมา เอนกายลงนอนเพื่อพักผ่อนในที่สุด

แต่แล้วกลิ่นหอมอันเย้ายวนก็ทำให้ชายหนุ่มนอนไม่หลับ

ถ้ามีถวนถวนอยู่ตรงกลางก็คงไม่เป็นไร แต่เธอกลับหลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมกอดของหลี่หรงแล้ว

เขากับเธอจึงต้องนอนข้างกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“หือ พี่เขยเหรอ?”

หลี่หรงรู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ข้างกายจึงหันหน้ามามอง ลืมตาขึ้นด้วยความมึนงง

“ก็…ดึกแล้วนะ ไปนอนได้แล้ว”

สิ่งที่ทำให้อวี้ฮ่าวหรานพูดไม่ออกเข้าไปอีก คือสาวน้อยคนนี้แค่พึมพำและผล็อยหลับไปอีกครั้ง

ติดแค่ว่าคนทั้งสองกำลังหันหน้าเข้าหากัน และรู้สึกถึงลมหายใจกันและเท่านั้น

ลมหายใจร้อนผ่าวกับกลิ่นหอมเย้ายวนที่รุนแรงขึ้น!

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกว่าเขาต้านทานต่อไปไม่ไหวแล้ว…!

ความดึงดูดในระดับไกลและใกล้นั้นแตกต่างกันลิบลับ

ทว่าต่อให้สมาธิจะหนักแน่นขนาดไหน เขาก็ยังเป็นผู้ชายและมีสัญชาตญาณที่แข็งแกร่งมากขึ้น หลังจากที่ฝึกฝนเข้าสู่ขั้นร่างกายศักดิ์สิทธิ์!

ตัวอวี้ฮ่าวหรานเริ่มปั่นป่วนแถมทั้งร่างกายก็เริ่มร้อนเป็นไฟ

โดยไม่รู้ตัว มือของเขากำลังจะยื่นออกไปแตะใบหน้าแสนอ่อนโยนนั้น

ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ อวี้ฮ่าวหรานนึกขึ้นได้ในทันใดว่าลูกสาวของตนยังคงนอนอยู่ด้วย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาตาสว่างขึ้นเลยสักนิด

มันไม่ได้ผล!

หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาทำได้แค่ออกไปจากที่นี่

อวี้ฮ่าวหรานเตรียมลุกขึ้น แต่ระหว่างนั้นเอง หลี่หรงที่ไร้ซึ่งสติก็ยื่นแขนมาสวมกอดอวี้ฮ่าวหรานเอาไว้

“อือ…อย่าไป…”

เขาหันหน้าไปมองและเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงหลับอยู่…เธอแค่ละเมอเท่านั้น

อวี้ฮ่าวหรานตั้งสติ และพยายามนำพาตัวเองไปสู่สภาวะที่ไร้ซึ่งความต้องการตอนที่กำลังกลับสู่ขั้นเทพเจ้า

แต่เขาก็ไม่ใจเย็นลงเสียที

เพราะมือของเด็กสาวคนนี้…มันเลื้อยไปมาตลอดเลย!

เขาพูดไม่ออก ตนอุตส่าห์มุ่งมั่นทำให้ใจสงบนิ่งเป็นอย่างมาก แต่อีกฝ่ายกลับไม่เก็บงำเสน่ห์ของตัวเองเลยสักนิด!

หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป เด็กสาวคนนี้คงจะไม่รอดไปนานแล้ว

อวี้ฮ่าวหรานไม่มีทางเลือกนอกจากหันไปมองเธอด้วยความสิ้นหวัง หลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ยื่นมือออกไปและตบแก้มของเธออย่างเบามือ

“อืม…มีอะไรเหรอ?”

หลี่หรงตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงงทันที เธอดูสงสัยในตอนแรก แต่เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ตรงหน้าอย่างชัดเจนก็อดรู้สึกร้อนจี๋ไม่ได้

ตอนนี้เธอยื่นมือออกไปสวมกอดอีกฝ่าย แก้มของทั้งสองอยู่ใกล้กันมากและยังสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนรุ่มของอีกฝ่ายด้วย

“พี่เขย พี่…”

เมื่อมองเห็นชัดเจนขึ้น แก้มขาวนวลและบอบบางของหลี่หรงก็กลายเป็นสีแดงระเรื่ออย่างรวดเร็วไปจนถึงคอ

“อะแฮ่ม…! เธอรีบปล่อยได้แล้ว ฉันจะไปล้างหน้า”

อวี้ฮ่าวหรานเองก็รู้สึกเขินอย่างหนัก อย่างไรแล้วเธอก็เป็นน้องสะใภ้ของเขา แต่ก็ยังอดหน้าแดงไม่ได้

“อ้อ อ้อ…”

ตอนนั้นเองที่หลี่หรงรู้ตัว และรีบดึงมือกลับไปราวกับถูกไฟฟ้าช็อต

ตอนนี้หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับลูกกวางน้อยและคิดอะไรไม่ออก

ความใกล้ขนาดถึงขั้นนี้นั้นแทบไม่เกิดขึ้น

แม้ว่าเธอจะเป็นคนเสนอให้เปิดห้องพัก แต่นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเรามากันเป็นกลุ่ม และถวนถวนสามารถนอนตรงกลางได้

แต่ไม่คาดคิดว่าถวนถวนจะย้ายไปอยู่อีกข้างหลังจากที่หลับไปแล้ว…