“เหลือหน้า? คุณกำลังคุยกับฉันเกี่ยวกับใบหน้าใช่ไหม ความจริงที่ว่าคุณสามารถทำให้ฉันกลายไปเป็นภรรยาของคุณได้ มันควรจะมีหน้าเหลือมากพอแล้วสำหรับคุณ ฉันมีชื่อเสียงในโรงพยาบาลมาเป็นเวลานาน แต่เมื่อคุณมาที่โรงพยาบาลของเรา และใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งปี เพื่อตามจีบฉันจนประสบความสำเร็จ คุณก็น่าจะพอใจแล้วนะ” เสี่ยวรุ่ยอิง พูดพร้อมกับบิดหูของ ถังเหริน
“อุ๊ยอุ๊ยอุ๊ย! คุณภรรยาปล่อยฉันไปเถอะ! หากคุณยังคงบิดหูของฉันต่อไป พวกมันคงจะขาดแน่ๆ” ถังเหริน กล่าวโดยแกล้งทำเป็นเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหว
ริมฝีปากของ เสี่ยวรุ่ยอิง ม้วนตัวขึ้นพร้อมกับพูดว่า“เจ็บงั้นเหรอ? ฉันยังไม่ได้ใช้กำลังอะไรเลย”
ถังเหริน ยิ้มอย่างงุ่มง่ามและพูดว่า“คุณภรรยา ถึงตอนนี้มันจะยังไม่เจ็บ แต่ต่อไปมันจะต้องเจ็บแน่ๆ”
“คุณไม่ยินดีที่จะถูกฉันบิดหูใช่ไหม”
“เปล่าผมเต็มใจ คุณภรรยาสามารถบิดหูของผมได้เลยตามที่เธอต้องการ … ” ถังเหริน พูด
หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆพวกเขา ที่สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีขาว เธอยิ้มและถอนหายใจออกมาอย่างอิจฉา“พวกเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกันจริงๆ!”
“หากว่าเธอสามารถลงเอยกับพี่ชายของฉันได้ ความสัมพันธ์ของเธอ จะดีกว่าของฉันอย่างแน่นอน พี่ชายของฉันเป็นคนที่มุ่งมั่นกับครอบครัวมาก สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเขาเป็นคนที่ทุ่มเทอย่างมาก ตราบใดที่เขาตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง เขาก็จะไม่ออกนอกลู่นอกทางและเขาก็จะปฏิบัติต่อเธออย่างเต็มที่ไปตลอด ”เสี่ยวรุ่ยอิง พูดพร้อมกับปล่อยมือของเธออกจากหูของถังเหริน เธอเล่าเรื่องดีๆเกี่ยวกับพี่ชายของเธอ ถึงแม้ว่ามันจะพูดเกินจริงไปอยู่เล็กน้อยก็ตาม
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ และไม่ได้พูดอะไรอีก แต่ในใจของเธอ เธอเริ่มมีความคาดหวังกับเสี่ยวหลัวแล้ว
ทันใดนั้น รถโคโรร่า สีขาวก็เข้ามาหยุดอยู่ต่อหน้าพวกเขาและจากนั้นประตูรถก็เปิดออก เสี่ยวหลัว ก็ก้าวลงมาจากที่นั่งของคนขับ
เสี่ยวหลัวแต่งตัวในเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำพร้อมกับคอเปิดเล็กน้อย มันเผยให้เห็นถึงเสื้อกล้ามสีขาวคอกลมแขนสั้นที่อยู่ด้านใน ที่ข้อมือของเขามีแถบสีแดงยาวสองเส้นมันทำให้เขาดูหล่อมาก
ใบหน้าของเขาคมชัดเหมือนกับภาพแกะสลัก ด้วยขากรรไกรที่คมเป็นสัน และคิ้วที่คมดั่งใบมีด มาพร้อมกับดวงตาคู่ลึก จมูกที่สูงโด่งและริมฝีปากที่มีขนาดพอดีกับรอยยิ้มที่แพรวพราว
“พี่!”
เสี่ยวรุ่ยอิง วิ่งเข้ามาหาเขาเหมือนสายลม เธอโยนตัวเองเข้าสู่อ้อมแขนของเสี่ยวหลัว ราวกับว่าเธอเป็นลูกแมว ที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเจ้านายของเธอ
ถังเหริน ก้าวไปข้างหน้าและเรียกเสี่ยวหลัวด้วยรอยยิ้มว่า“พี่ชาย”
“อย่ามากอดพี่แบบนี้สิ! เธอไม่กลัวว่า ถังเหริน จะอิจฉาพี่งั้นเหรอ?” เสี่ยวหลัว พูดติดตลก
“หนูไม่สนใจ หนูไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก หนูไม่ได้เจอพี่มานานมากแล้ว หนูแค่ต้องการกอดพี่” เสี่ยวรุ่ยอิง ตอบพร้อมกับกอดเสี่ยวหลัวแน่นขึ้น ตอนนี้เธอกลายไปเป็นลูกแกะตัวเล็กๆที่เชื่องเชื่อ ไม่เหมือนกับหญิงสาวผู้แข็งแกร่งและที่รังแก ถังเหริน เมื่อก่อนหน้านี้
เสี่ยวหลัวส่ายหัวอย่างไร้ประโยชน์
ประตูรถเปิดออกและ จาง ซูซาน ก็ก้าวเท้าออกมาจากที่นั่งผู้โดยสาร และกล่าวทักทาย เสี่ยวรุ่ยอิง ว่า“สวัสดีสาวสวย! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”
“จางหน้าโหญ่ ทำไมคุณถึงมาด้วยหละ?” เสี่ยวรุ่ยอิง พูดขณะที่เธอปล่อยเสี่ยวหลัว
จาง … หน้าใหญ่?
เสี่ยวหลัวตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาเรียกชื่อ จาง ซูซาน โดยใช้ชื่อเล่นนั้น รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา เขาตระหนักว่าน้องสาวของเขาใช้คำศัพท์ได้เก่งมาก – คำพูดนี้มันสมบูรณ์แบบสำหรับอธิบายลักษณะของ จาง ซูซาน
ใบหน้าของ จาง ซูซาน เปลี่ยนเป็นสีเขียวในทันใด “หลัวเหม่ย เธอช่วยเรียกชื่อฉันดีๆหน่อยจะได้ไหม ไม่ว่ายังไง ฉันก็ยังคงเป็นพี่ชายของเธออยู่นะ ดังนั้นเธอควรจะเรียกฉัน ให้ดีกว่านี้หน่อยสิ ตัวอย่างเช่น พี่จาง พี่ซาน, อะไรแบบเนี้ย ถ้ามันไม่โอเค เธอเรียกชื่อของฉันเต็มๆเลยจะดีกว่า”
“ขอโทษขอโทษ. ทันทีที่ฉันเห็นคุณ ฉันก็พูดโพล่งในสิ่งที่คิดออกไปเลยในทันที แต่ใบหน้าของคุณมันใหญ่เกินไปจริงๆ !” เสี่ยวรุ่ยอิง กล่าวขอโทษ
จาง ซูซาน รู้สึกเหมือนหัวใจของเขาถูกแทงลงไปสองครั้ง มันเจ็บปวดมาก เขาสงสัยอยู่ในใจว่านี่เป็นคำขอโทษหรือเปล่า ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วคำขอโทษประเภทนี้คืออะไร?
เสี่ยวรุ่ยอิงพูดต่อไปว่า“ฉันคิดว่าคุณควรพิจารณาถึงการยกกระชับใบหน้าได้แล้วนะ ดูเนื้อทั้งหมดที่อยู่บนใบหน้าของคุณสิ – มันอ้วนจนจะเหมือนหมูสามชั้นอยู่แล้ว”
“อึก”
ทุกประโยคและคำพูด มันเป็นเหมือนกับใบมีดที่แทงเข้าไปในหัวใจของ จาง ซูซาน ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า อาการบาดเจ็บภายในมันเป็นยังไง
“หลัวเหม่ย เธอแน่ใจนะ ว่าเธออยู่ที่นี่เพื่อที่จะแนะนำใครบางคนให้เสี่ยวหลัวรู้จัก เธอคงไม่ได้ตั้งใจที่จะตั้งเป้ามาที่ฉันหรอกนะ” จาง ซูซาน ถาม ตอนนี้เขาเกือบที่จะอาเจียนออกมาเป็นเลือดอยู่แล้ว ใบหน้ามันเหมือนกับหมูสามชั้น WTF จาง ซูซาน อยากจะตะโกนออกมาเสียงดัง
เสี่ยวรุ่ยอิง หันหน้าหนีและเปลี่ยนหัวข้อไปในทันที เธอยิ้มและแนะหญิงสาวที่สวมชุดคลุมแขนยาวสีขาว:“พี่ชาย นี่คือ ซุนยู้ จากแผนกของเรา” จากนั้นเธอก็เริ่มแนะนำเสี่ยวหลัวกับซุนยู้ต่อ:“ซุนยู้ นี่คือพี่ชายของฉันเสี่ยวหลัว ถัดจากเขาคือเพื่อนสนิทของพี่ชายฉัน เขาชื่อ จาง ซูซาน”
“สวัสดีคะ” ซุนยู้ กล่าว เธอเป็นคนขี้อายเล็กน้อยดังนั้นเสียงของเธอจึงเบามาก
จาง ซูซาน มองสำรวจผู้หญิงคนนี้ขึ้นๆลงๆ ผมสีดำยาวของเธอพาดไหล่ของเธออยู่ ผิวของเธอก็ขาวราวกับไข่มุก ดวงตาของเธอก็กลมโต ขณะที่เธอพูดและริมฝีปากสีแดงเล็กๆ ของเธอขยับออกจากกันอยู่เล็กน้อย เธอมีรูปร่างที่สง่างามและมีเอวที่เล็ก โดยรวมแล้วรูปร่างหน้าตาทั้งหมดของเธอ มันทำให้คนเกิดความประทับใจในความสวยของเธอได้เลยง่ายๆ
เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักเลยคนหนึ่ง!
เขาสะกิดไหล่เสี่ยวหลัวเบาๆ ส่งสัญญาณว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เลวเลย และเสี่ยวหลัวก็ควรที่จะคว้าโอกาสนี้เอาไว้
เสี่ยวหลัวสบตากับเธอแล้วก็พยักหน้าอย่างสุภาพพร้อมกับพูดว่า“สวัสดีครับ!”
พวกเขาทั้งสองต่างก็ทักทายกันอย่างสุภาพ จากนั้นพวกเขาไม่มีอะไรที่จะพูดอีก
เสี่ยวรุ่ยอิง ทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจนี้ด้วยรอยยิ้มและพูดว่า“งั้นตอนนี้ทุกคนก็คุ้นเคยกันดีแล้ว งั้นตอนนี้พวกเราไปหาอะไรกินกันเถอะ ฉันกำลังหิวอยู่พอดีเลย.”
“งั้นจะรออะไรอยู่หละ? ขึ้นรถสิ”
จาง ซูซาน พูดตอบ เสี่ยวรุ่ยอิง จากนั้นเขาก็ไปนั่งลงบนที่นั่งผู้โดยสาร เขาคิดถึงเรื่องนี้ก่อนที่เขาจะมาที่นี่แล้ว คืนนี้รถคันนี้ของเขาจะเป็นของเสี่ยวหลัว เมื่อเพื่อนของเขานัดบอดการมีรถยนต์จะทำให้เขาดูดีและสามารถสร้างความมั่นใจ พร้อมกับทำให้ผู้หญิงประทับใจ ได้
“ยังจะให้ฉันขับอีกเหรอ?”
เสี่ยวหลัวไม่มีความสนใจใดๆ ในการนัดบอดครั้งนี้เลย เขามาที่นี่เพื่อมาหา เสี่ยวรุ่ยอิง และ ถังเหริน เท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดอะไรมากมายเกี่ยวกับซุนยู้
“ให้ตายเถอะ รถคันนี้เป็นของแก ดังนั้นถ้าแกไม่ขับแล้วจะให้ใครขับหละ” จาง ซูซาน พูดพร้อมกับตำหนิ ตอนนี้เขากำลังให้คำแนะนำกับเสี่ยวหลัวอย่างต่อเนื่อง
เสี่ยวหลัวไม่ได้พูดโต้เถียงอะไร
ทั้ง เสี่ยวรุ่ยอิง และ ถังเหริน ต่างก็รู้ว่านี่เป็นรถของ จาง ซูซาน แต่พวกเขาก็ไม่ได้เปิดเผย ในสังคมนี้ การมีรถยนต์ นั้นมีประโยชน์มาก ในการเพิ่มอัตราความสำเร็จของการนัดบอด
ทั้งห้าคนกำลังนั่งอยู่บนรถ เสี่ยวรุ่ยอิง ได้คิดไว้แล้วว่าจะไปทานอาหารที่ไหน ดังนั้นเธอจึงรับหน้าที่นำทางให้กับเสี่ยวหลัว
ซุนยู้ มองไปที่การตกแต่งภายในของรถและถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “รถคันนี้คงจะแพงมากเลยนะคะ”
ถึงแม้ว่า จาง ซูซาน จะพูดว่ารถคันนี้เป็นของเขา แต่เสี่ยวหลัว ก็ไม่ได้เก็บมาคิดอะไร ดังนั้นเขาจึงมุ่งเน้นไปที่การขับรถเพียงอย่างเดียว เมื่อ ซูนยู้ ถามคำถามนั้นเขาจึงไม่ได้ยิน
จาง ซูซาน ชักจะเกลียดเสี่ยวหลัวแล้ว เพราะว่าเขาไม่สามารถทำตามความคาดหวังของเขาได้เลย“พี่ชาย เธอถามคำถามแกอยู่นะ”
“เธอถามอะไร”
“เธอถามแกว่ารถยนต์คันนี้ราคาเท่าไหร่” จาง ซูซาน พูดด้วยความกังวล เขากลัวว่าเสี่ยวหลัว จะไม่ร่วมมือ