บอกตามตรงเสี่ยวหลัวไม่ต้องการที่จะโกหก ว่าเขามีรถ แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจาก จาง ซูซาน ยืนยันว่านี่คือรถของเขา เสี่ยวหลัว ก็พบว่ามันยากที่จะเปิดเผยความจริง เรื่องนี้มันทำให้เขาอึดอัดใจมาก
“ไม่เป็นไรหรอกคะ ถ้ามันไม่สะดวก”
ซุนยู้ เธอแค่ถามคำถามออกไปเรื่องเปื่อยเท่านั้น นี่เป็นการนัดบอดครั้งแรกของเธอ และเธอก็ไม่รู้จะพูดอะไร เธอถามเพียงเพราะว่าเธอแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ตอนนี้เธอรู้สึกอายมากที่ถามคำถามแบบนั้นออกไป
“ประมาณ 120,000 หยวน!”
เสี่ยวหลัวตอบ เขาอยู่กับ จาง ซูซาน มาตั้งนานนม ดังนั้นเขาจึงพอรู้ว่าราคามันเท่าไหร่
“ว้าว! มันแพงมาก ฉันสงสัยว่าพยาบาลอย่างพวกเราจะสามารถซื้อรถแบบนี้ได้ไหม” ซุนยู้ พูดพร้อมกับก้มศีรษะลงเล็กน้อย
“ฉันได้ยินมาว่าพยาบาลได้รับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์มากมาย และค่าจ้างของคุณก็สามารถสูงได้ถึงประมาณ 5,000 หยวน ต่อเดือน หากคุณประหยัดมันก็ไม่ควรที่จะนานเกินไป ก่อนที่คุณจะสามารถซื้อรถแบบนี้ได้” เสี่ยวหลัวกล่าว เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่เลวอย่างน้อยเขาก็ไม่อยากให้เธอไม่ชอบเขา
ซุนยู้ พูดด้วยรอยยิ้มที่คร่ำครวญว่า: “ฉันแตกต่างจากพี่สาวรุ่ยอิง ฉันเป็นพนักงานใหม่ของที่นี่ เงินเดือนของฉันมันเพียงพอแค่ให้ฉันใช้เท่านั้นเอง”
“ไม่เป็นไร เวลาของคุณยังมีอีกมาก” เสี่ยวหลัว พูดปลอบ
“อืม”. ซุนยู้ พยักหน้า
เมื่อตัวเอกทั้งสองพูดคุยกัน จาง ซูซาน,เสี่ยวรุ่ยอิง และ ถังเหริน จึงเงียบเสียงลงอย่างรู้งาน นี่คือผลลัพธ์ที่พวกเขาคาดหวังไว้
หลังจากผ่านไปสิบนาที พวกเขาก็มาถึงที่ร้านอาหารบาร์บีคิวบุฟเฟ่ต์
จ่ายเพียงคนละ 65 หยวน เท่านั้น จากนั้นพวกเขาสามารถกินได้มากเท่าที่ต้องการโดยไม่ จำกัด เวลา ร้านอาหารนี้มีเนื้อสัตว์อาหารทะเลขนมอบเครื่องดื่มและผลไม้อยู่ทุกประเภท การตกแต่งนั้นยิ่งใหญ่และน่าประทับใจ หลายคนยินดีที่จะจ่ายเงิน 65 หยวน สำหรับประสบการณ์บาร์บีคิวนี้ ดังนั้นร้านอาหารจึงเต็มไปด้วยผู้คน เมื่อพวกของเสี่ยวหลัวมาถึง
อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นก็โชคดีมาก เพราะมันมีที่นั่งว่างอยู่พอดี เมื่อครู่นี้เพิ่งมีลูกค้าที่ทานอาหารเสร็จออกไป
“ถังเหริน คุณไปจองโต๊ะนั้นให้พวกเรา หากกลุ่มอื่นได้มันไป คุณจะต้องนอนบนโซฟาคืนนี้!” เสี่ยวรุ่ยอิง รีบสั่งให้ ถังเหริน ไปจองโต๊ะ เพราะเธอรู้ว่าอีกกลุ่มหนึ่งก็กำลังจับตามองโต๊ะนั้นอยู่เหมือนกัน
นอนบนโซฟา?
ไม่มีทาง เรื่องนี้เขาจะไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด!
ถังเหริน รีบวิ่งไปที่โต๊ะเหมือนกับยานยนต์ที่เดินทางด้วยความเร็วสูง การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วราวกับสายลมกระโชก เขาได้เสี่ยงชีวิตและไปถึงโต๊ะก่อนหน้ากลุ่มอื่น ขณะที่เขาวางก้นของเขาบนที่นั่ง เขายกศีรษะของเขาและหัวเราะคิกคัก“ขอโทษทีนะ แต่โต๊ะนี้มีคนนั่งแล้ว!”
“ว้าว! ดูความเร็วของ ถังเหริน สิเขาไปเป็นนักวิ่งฝีเท้าฉกาจได้เลยนะเนี้ย” จาง ซูซาน พูดชื่นชมเขา
“แน่นอน เขาเป็นแชมป์ของการแข่งขันวิ่งระยะ 100 เมตรที่โรงพยาบาลของเรา” เสี่ยวรุ่ยอิง กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
เสี่ยวหลัวเขาเพียงหัวเราะโดยที่ไม่พูดอะไร สิ่งที่เขาจำได้ก็คือการประเมินตัวของ ถังเหริน ของแม่ของเขา ประเมินว่าเขาเป็นเหมือนกับนักเรียนมัธยมปลาย และไม่เหมือนกับชายที่อายุ 24 ปีเลย
…
เนื่องจากร้านนี้เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ดังนั้นพวกเขาจึงเดินไปเลือกอาหารที่พวกเขาต้องการได้ด้วยตัวเอง
จาง ซูซาน เดินตรงเข้าไปเอาอาหารทะเล ปู ปลาหมึก หอยนางรม และอื่นๆ เมื่อเลือกเสร็จเข้าจึงเดินกลับมาที่โต๊ะ
“หน้าใหญ่ ทำไมเอามาเยอะจัง จะกินหมดเหรอ?” รุ่ยอิง ช่วยไม่ได้ ได้แต่รู้สึกสงสัยเขา ว่าเขาจะเอาอาหารทั้งหมดนี้ไปไว้ที่ไหน
“ฉันไม่สามารถกินมันได้ทั้งหมดด้วยตัวเองหรอก และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีพี่ชายของเธออยู่ที่นี่” จาง ซูซาน พูดพร้อมกับตบไปที่หลังของเสี่ยวหลัว
เสี่ยวหลัวจ้องมองไปที่เขาแล้วพูดว่า“แกเอาอาหารมามากเกินไปแล้ว แม้จะมีความช่วยเหลือจากฉัน ฉันก็กลัวว่าพวกเราก็คงจะทานไม่หมด”
“ไม่เป็นไร. คุณยังมีฉัน ฉันชอบอาหารทะเลมาก” ซุนยู้ พูดพร้อมกับหัวเราะ
“เธอกินได้มากเท่าไหร่?” จาง ซูซาน ถามอย่างติดตลก
ซุนยู้ คิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเธอจึงชี้ไปที่กองอาหารทะเลทั้งหมดบนโต๊ะแล้วพูดว่า“จากอาหารทั้งหมดที่อยู่ตรงนี้ ฉันสามารถกินได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งได้”
คำตอบของเธอมันทำให้เสี่ยวหลัวตกใจ ผู้หญิงส่วนใหญ่ในยุคนี้พวกเธอมักจะไม่โอ้อวดเกี่ยวกับความอยากอาหารของเธอ แต่ซุนยู้ นั้นแตกต่าง เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา เมื่อเธอเป็นอย่างนี้มันทำให้เสี่ยวหลัวรู้สึกประทับใจในตัวของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ
“พี่ชาย มาถ่ายรูปกัน!”
เสี่ยวรุ่ยอิง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเดินไปหา เธอป่องแก้มของเธอเหมือนกับปลาปักเป้า จากนั้นเธอจึงกดถ่ายรูปเซลฟี่กับเสี่ยวหลัว จากนั้นเธอจึงโพสรูปภาพของเธอกับเสี่ยวหลัวลงไปในช่องทางของเธอและเขียนอธิบายว่า“พี่ชายสุดหล่อของฉัน”
“หลัวเหม่ย ทำไมเธอถึงได้ลำเอียงแบบนี้ เธอถ่ายรูปแต่กับ เสี่ยวหลัว เธอไม่ถ่ายรูกับฉันบ้างเลย” จาง ซูซาน พูดถามด้วยความเศร้าโศก
เสี่ยวลุ่ยอิง พิมพ์ตอบความคิดเห็นต่างๆ จากกลุ่มเพื่อนของเธอและจากนั้นเธอจึงตอบคำถามของ จาง ซูซาน “ฉันไม่สามารถ ใส่ใบหน้าของคุณ ไว้ในโทรศัพท์ของฉันได้”
ใบหน้าของ จาง ซูซาน กลายเป็นสีดำในไม่ช้า เขารู้สึกราวกับว่าชีวิตนี้ของเขามันไม่มีอะไรเหลืออยู่อีกแล้ว เธอกำลังพูดว่าใบหน้าเขาใหญ่เกินที่จะใส่ลงไปในโทรศัพท์ได้งั้นเหรอ?
…
ซุนยู้ ดูเหมือนว่าเธอจะชอบอาหารทะเลอย่างที่เธอพูดจริงๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ เศษอาหารและชิ้นส่วนทั้งหมดรวมทั้งเปลือกหอยและกระดูกได้กองรวมกันเป็นภูเขาขนาดย่อมๆแล้ว
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังตะโกนออกมา“กุ้งมาแล้ว!” ลูกค้าทุกคนในร้านอาหารบาร์บีคิวที่กำลังย่างเนื้อของพวกเขาอนอยู่ ตอนนี้พวกเขารีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์บุฟเฟ่ต์ในทันทีที่ได้ยินเสียง
เสี่ยวหลัวสังเกตเห็นว่าพนักงานคนหนึ่งกำลังนำรถเข็นที่เต็มไปด้วยกุ้งแม่น้ำเข็นเข้ามา
“ถังเหริน รีบไปเอามันมาเร็ว!” เสี่ยวรุ่ยอิง สั่ง
ด้วยคำสั่งของภรรยา ถังเหริน จึงวางอาหารทั้งหมดลง แล้วเปลี่ยนตัวเองไปเป็นนักวิ่งฝีเท้าฉกาจอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามมีคนอื่นที่เร็วกว่าเขาและนั่นมันก็คือซูนยู้ นั่งเอง ทันทีที่เธอได้ยินชื่อกุ้ง เธอก็รีบกระโดดลงไปและเริ่มแย่งกุ้งกับกลุ่มคนที่เหลือในทันที ตอนนี้เธอไม่สนใจภาพลักษณ์ของเธอเลยแม้แต่น้อย
เสี่ยวหลัวรู้สึกประหลาดใจกับเธอคนนี้จริงๆ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการรู้จักกันเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขาก็คิดว่าซุนยู้ เธอคนนี้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว
“พี่คิดว้า ยู้ยู้ เป็นยังไง?” เสี่ยวรุ่ยอิง ใช้โอกาสนี้สำรวจความคิดของเสี่ยวหลัว
“เธอเป็นตัวของตัวเอง และไม่แสแสร้งดี”
“ฉันเห็นด้วยกับประเด็นนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นๆ คงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเธอจะกินอาหารทะเลมากมายต่อหน้าชายแปลกหน้าทั้งสองคน ถึงแม้ว่าพวกเธอจะชอบมันก็ตาม” จาง ซูซาน เคี้ยวอาหารทะเล พร้อมกับพูด
“ใช่แล้ว ที่หนูแนะนำ ยู้ยู้ ให้กับพี่ ก็เพราะว่าเธอเป็นคนที่จริงใจ”
เสี่ยวรุ่ยอิง กล่าวด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน“ยู้ยู้ เพิ่งเข้ามาทำงาน ดังนั้นวิธีที่เธอจัดการกับสิ่งต่างๆได้ไม่ค่อยดี นั่นแสดงให้เห็นว่าเธอยังเด็กและยังอ่อนต่อโลกอยู่มาก พี่ชายพี่เป็นผู้ใหญ่ที่มั่นคง พี่และเธอเหมาะสมกันมาก พี่อย่ารอนานมากจนเกินไป ไม่เช่นนั้นพี่ก็จะต้องจ่ายในราคาที่เจ็บปวดเพื่อที่จะรู้ว่าคนแบบไหนดีหรือแบบไหนไม่ดี”
คำพูดของเธอในตอนท้าย ดูเหมือนว่ามันจะมีประกายแห่งความเศร้าหมองบางอย่างปรากฏขึ้นมาอยู่ในดวงตาของเธอ
เสี่ยวหลัว รู้ว่าน้องสาวของเขากำลังพูดถึงอะไร
เมื่อสองสามปีก่อน เสี่ยวรุ่ยอิง ยังเด็กและดื้อมาก เธอรู้สึกว่าเธอโตพอและไม่จำเป็นที่จะต้องฟังคำสอนของครอบครัว เธอไม่ต้องการใครมาบอกว่าเธอทำได้หรือไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงมักที่จะออกไปเที่ยวกับผู้ชายหลายคนจนดึกดื่น รสนิยมของเธอในตอนนั้น เธอคิดว่ารอยสัก, ฟังก์, การสูบบุหรี่ การเล่นสนุก นั้นดูหล่อและเท่มาก
ในท้ายที่สุดเธอก็ท้องเมื่อเธอไปทำแท้งเธอจึงมีสติขึ้นมาได้ เธอดีใจมากที่ได้พบ ถังเหริน คนโง่ ที่ไม่ทิ้งเธอ และรักเธอด้วยใจจริง เขาปฏิบัติตัวต่อเธอเหมือนกับว่าเธอคือเจ้าหญิงคนหนึ่ง