บทที่ 442 กลับสู่ฮัวเซีย
บทที่ 442 กลับสู่ฮัวเซีย
ดังนั้น หลังจากที่ไทแรนนี่ได้ฟังคำแนะนำจากคราวน์ปรินซ์แล้ว เขาก็เตรียมถ้อยคำและข้อแลกเปลี่ยนเพื่อมาต่อรองกับเจ้าแห่งฮีลเลอร์ โดยหวังจะเลี่ยงการต่อสู้ให้ได้ ยังไงเสียพวกเขาก็เป็นผู้เล่นจากเขตฮัวเซียเหมือนกัน
แน่นอนว่าเหตุผลหลัก ๆ ที่ต้องพูดแบบนี้ก็เพราะไทแรนนี่ไม่มั่นใจเลยว่าตนจะสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ในรอบนี้ ต่อให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์จะเคยหายตัวไปถึงหนึ่งเดือนเต็ม แต่ตอนนี้ความคืบหน้าในเกมของเขาก็ยังคงนำหน้าผู้เล่นอื่นไปไกลยิ่งนัก
เพราะนี่เป็นโลกของเกม ทุกสิ่งอย่างขึ้นอยู่กับข้อมูลไม่ใช่กาลเวลา คนที่แข็งแกร่งเช่นเขาเพียงแค่ตามข้อมูลต่าง ๆ ให้ทันน่ะ มันใช้เวลาไม่นานหรอก ซึ่งจากการประลองที่ผ่าน ๆ มามันก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เจ้าแห่งฮีลเลอร์ตามเกมทันแล้วจริง ๆ
“จะยกเครื่องประดับอาร์ติแฟกต์ให้ฉันงั้นเหรอ? ก็ดี แต่ใครจะมารับประกันล่ะ? ของรางวัลที่ได้จากอีเวนต์นี้จะถูกส่งเข้าไปยังช่องเก็บของของผู้ชนะโดยตรงทันที ถ้าเกิดนายเบี้ยว ฉันจะทำยังไง?”
เซียวเฟิงมองไปยังไทแรนนี่ด้วยความไม่ไว้วางใจเสียทีเดียว
“ถ้างั้นช่วยรอสักครู่นะ” ไทแรนนี่อ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบส่งแชตลับไปหาคราวน์ปรินซ์ อันที่จริงการที่เซียวเฟิงไม่ไว้วางใจมันก็มีเหตุผลนั่นแหละ เครื่องประดับอาร์ติแฟกต์นั้นถือว่าล้ำค่ามาก ๆ เรื่องนี้ใคร ๆ ก็รู้ดี ขนาดตัวเขาเองก็ยังพยายามมาตลอดเพื่อสิ่งนี้เลย
“โอ๊ะ เจ้าแห่งฮีลเลอร์ ถ้าคนที่จะรับประกันเป็นฉันพอจะได้ไหม?”
ไม่นานนัก เซียวเฟิงก็ได้รับแชตลับจากคราวน์ปรินซ์ คราวน์ปรินซ์เองก็อยู่ในรายชื่อเพื่อนของเซียวเฟิงด้วย แต่เพราะก่อนหน้านี้เซียวเฟิงหลุดไปอยู่ในเขตฮันกึล ฟังก์ชั่นนี้จึงใช้ไม่ได้ไปชั่วคราว ทำให้พวกเขาไม่สามารถติดต่อกันได้ ด้วยเหตุนี้เซียวเฟิงถึงได้ขอเบอร์โทรศัพท์ของคราวน์ปรินซ์มาจากเฉียนโตวโตวเพื่อติดต่อกันเมื่อครั้งก่อน
“การการันตีจากประธานกิลด์ไดนัสตี้งั้นเหรอ…ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหา”
ในเมื่อคราวน์ปรินซ์เป็นผู้มาการันตีว่าเขาจะได้เครื่องประดับอาร์ติแฟกต์ชิ้นนั้นจริง ๆ เซียวเฟิงจึงไม่พูดอะไรต่อและกดยอมแพ้ไปแต่โดยดี
[ประกาศจากอีเวนต์! ผู้เล่น xxx จากเขตฮันกึลขอยอมแพ้ในรอบนี้ ดังนั้น ผู้ชนะเลิศในอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัย ก็คือ ผู้เล่น ไทแรนนี่ จากเขตฮัวเซีย!]
[ประกาศจากอีเวนต์! ยินดีกับผู้เล่น ไทแรนนี่ จากเขตฮัวเซีย ท่านได้เป็นผู้ชนะเลิศประจำอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัยครั้งนี้! รางวัลคือ เครื่องประดับอาร์ติแฟกต์! และเขตฮัวเซียจะได้รับรางวัลเป็นแต้มเกียรติยศ 200 แต้ม!]
[ประกาศจากอีเวนต์! ยินดีกับผู้เล่น xxx จากเขตฮันกึล ท่านได้เป็นอันดับ 2 ประจำอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัยครั้งนี้! รางวัลคือ อาวุธอาร์ติแฟกต์! และเขตฮันกึลจะได้รับรางวัลเป็นแต้มเกียรติยศ 150 แต้ม!]
[ท่านชนะในการต่อสู้ !]
[ประกาศจากอีเวนต์! การแข่งขันเพื่อหาอันดับที่ 3 ประจำอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัย กำลังจะเริ่มต้น! ผู้เล่น เทพเจ้าสายฟ้า จากเขตอเมริกาเหนือ! ปะทะ ผู้เล่น อู่ม่า จากเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้!]
[ประกาศจากอีเวนต์! ยินดีกับผู้เล่น อู่ม่า จากเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่านได้เป็นอันดับ 3 ประจำอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัยครั้งนี้! เขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับรางวัลเป็นแต้มเกียรติยศ 100 แต้ม!]
[ประกาศจากอีเวนต์! อีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ครั้งที่ 2 ของมิธ ชิงชัย ได้จบลงแล้ว! ขอบคุณผู้เล่นทุกท่านที่ให้ความร่วมมือ!]
[ประกาศจากอีเวนต์! แผนที่เกาะชิงชัยจะหายไปภายในเวลา 3 นาที ผู้เล่นทุกท่านกรุณาออกจากเกาะชิงชัยให้หมดก่อน 3 นาทีนี้ ท่านสามารถใช้ตั๋วผู้ชมของท่านอีกครั้งสำหรับกลับไปยังจุดที่ท่านใช้ตั๋วครั้งแรกได้ หรือจะใช้จุดเทเลพอร์ตที่อีเวนต์จัดเตรียมไว้ให้เพื่อกลับไปยังเขตของท่านก็ได้]
หลังจากที่เซียวเฟิงเลือกที่จะยอมแพ้ เสียงของระบบก็ประกาศดังอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งประกาศว่าอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ในครั้งนี้ได้จบลงแล้ว ไทแรนนี่เป็นผู้ชนะรางวัลที่ 1 ในขณะที่เซียวเฟิงได้เป็นอันดับที่ 2 ส่วนอันดับที่ 3 เป็นการประลองกันระหว่างเทพเจ้าสายฟ้าและอู่ม่า ผลลัพธ์ก็ดังที่ได้ยิน เพราะเทพเจ้าสายฟ้านั้นได้ออกจากเกาะชิงชัยไปตั้งแต่ที่แพ้ให้เซียวเฟิงแล้ว ส่วนอู่ม่าก็ยังอยู่ในสภาพออฟไลน์ เขาจึงกลายเป็นผู้ชนะและได้อันดับ 3 ไปโดยปริยาย เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่มากับดวงจนน่าประหลาดใจเลยจริง ๆ
นอกจากเสียงของระบบแล้ว ยังมีเสียงโห่ร้องของผู้ชมหลักล้านคนจากที่นั่งคนดูภายในเกาะชิงชัยแห่งนี้ พวกเขาไม่คาดคิดว่าอีเวนต์จะจบลงง่าย ๆ เช่นนี้ สิ่งที่เขาหวังจะได้เห็นก็คือ การต่อสู้สุดแสนจะตื่นเต้นของเทพเจ้าทั้งสอง เพื่อจะได้เป็นที่หนึ่งในอีเวนต์นี้ ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงผิดหวังและมีหลายคนออกจากเกาะแห่งนี้ไปด้วยความหงุดหงิด
มีเพียงผู้เล่นจากเขตฮัวเซียเท่านั้นที่สามารถเข้าใจได้ว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ตั้งใจจะมอบแต้มเกียรติยศให้กับเขตฮัวเซีย เพราะงั้นเขาจึงยอมแพ้ในรอบชิงชนะเลิศไป ไม่งั้นแล้วไม่มีทางที่เขาจะยินยอมแน่ ๆ
เซียวเฟิงไม่ได้สนใจคนอื่นอยู่แล้ว ในขณะที่ผู้เล่นหลายคนกำลังเทเลพอร์ตออกจากเกาะชิงชัยไปด้วยตั๋วที่ได้มา บริเวณจุดเทเลพอร์ตในเกาะชิงชัยเองก็มีแท่นเทเลพอร์ตมากมายที่ถูกเปิดไว้โดยแบ่งแยกไปตามเขตต่าง ๆ อยู่ด้วย
บริเวณนี้มีผู้เล่นอยู่ไม่มากนัก ผู้เล่นเหล่านี้มาพร้อมกับความคิดประหลาด ๆ อย่างการที่หมายจะพยายามข้ามไปยังเขตอื่นผ่านช่องทางเทเลพอร์ตเหล่านี้ พวกเขาทั้งหมดเป็นยอดฝีมือจากหลาย ๆ เขต และเป้าหมายที่จะข้ามไปยังเขตอื่นนั้น ก็เพื่อที่จะสร้างปัญหาในเขตนั้น ๆ โดยเฉพาะในเขตที่เป็นศัตรูกัน
ที่หน้าจุดเทเลพอร์ตเขตฮัวเซียเองก็มีคนพวกนี้ด้วยเช่นกัน เซียวเฟิงเห็นผู้เล่นประมาณเจ็ดสิบคนพยายามเข้าไปให้ได้ และยังมีอีกหลายคนทีที่พยายามเข้าไปในเขตฮันกึลด้วยสีหน้าชั่วร้าย ไม่แน่ใจว่าเพราะเรื่องที่เซียวเฟิงทำไว้ก่อนหน้านี้หรือเปล่า อย่างการเอาชื่อของเขตฮันกึลไปทำกร่างใส่คนอื่น
น่าเสียดายที่ผู้เล่นคนอื่น ๆ ไม่สามารถข้ามไปยังเขตอื่นได้ พวกเขาได้แต่ส่ายหน้าและเดินจากไปด้วยความผิดหวังเนื่องจากระบบไม่ยอมเปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถข้ามเขตได้
ความไม่สบายใจก่อตัวขึ้นในแววตาของเซียวเฟิงทันทีหลังเห็นว่าระบบไม่ยอมปล่อยให้คนอื่นข้ามเขตแดนได้เช่นนั้น เขาเดินไปยังหน้าประตูเทเลพอร์ตของเขตฮัวเซียด้วยใจที่ไม่สู้ดี
ไทแรนนี่ ซีเหมินชุยเสวียและคนอื่น ๆ กลับกันไปก่อนแล้ว แม้แต่ซือเยี่ยจิ๋งเองก็ไม่อยู่ที่นี่ด้วย ในเวลาแบบนี้พอต้องมาอยู่หัวเดียวกระเทียมลีบแล้วมันทำให้เซียวเฟิงค่อนข้างลำบากใจมากเลย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในห้วงเทเลพอร์ตนั้น และโชคดีเป็นของเขา ระบบไม่ได้ขัดขวางไม่ให้เขาเข้าไปแต่อย่างใด
[กรุณาเลือกเมืองหลักที่ท่านอยากจะเคลื่อนย้ายไป!]
เหมือนดั่งจุดเทเลพอร์ตในเมืองจักรวรรดิและนครศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่เองก็มีให้เลือกจุดหมายปลายทางเป็นเมืองหลักด้วย แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีตัวเลือกให้ไปยังเมืองย่อย ๆ ทั่วไป
แต่เพียงแค่เขาสามารถใช้เทเลพอร์ตได้ นั่นก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับเซียวเฟิงมากแล้ว!
“เคลื่อนย้ายไปยังเมืองแห่งความโศกเศร้า!”
ภายในลิสต์รายชื่อเมืองหลักนั้น มันมีเมืองมากมายให้เลือกเทเลพอร์ตไป แต่เพราะนี่เป็นเซียวเฟิง เขาจึงเลือกที่จะไปยังเมืองแห่งความโศกเศร้าในทันที
[เมืองแห่งความโศกเศร้าอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เล่น และการที่จะเคลื่อนย้ายเข้าไปนั้นจะถูกจำกัดไว้แค่ภายนอกประตูเมืองเท่านั้น ท่านยังคงยืนยันที่จะเคลื่อนย้ายไปยังจุดเดิมหรือไม่?]
คนที่เป็นเจ้าเมืองยังถูกจำกัดการเทเลพอร์ตไปด้วยเหรอเนี่ย? มันควรจะเป็นแบบนี้เหรอ?
เซียวเฟิงครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ ก่อนจะสรุปเอาว่ามันคงเป็นเพราะจุดเทเลพอร์ตตรงหน้าเขานี้ถือเป็นจุดพิเศษที่ระบบสร้างขึ้นมาชั่วคราวให้ใช้งานบนเกาะชิงชัยแห่งนี้ มันจึงมีระบบไม่เหมือนกับจุดเทเลพอร์ตทั่ว ๆ ไป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเทเลพอร์ตเข้าไปในเมืองแห่งความโศกเศร้าได้โดยตรง
“ยืนยันที่จะเคลื่อนย้าย”
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร นอกเมืองก็ได้ ยังไงเสียแค่การได้กลับไปยังเขตฮัวเซียก็เป็นข่าวที่ดีมากพอจะให้เซียวเฟิงดีใจแล้ว
แสงสีขาวสว่างจ้าขึ้นมาบดบังสายตาของเซียวเฟิง และเมื่อแสงนั้นจางหายไป เขาก็โผล่มาอยู่บนพื้นที่ที่มีดินสีเทาอันเป็นเอกลักษณ์ปกคลุมอยู่เสียแล้ว ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงของระบบมากมายก็ดังขึ้นมารัว ๆ ในหูของเซียวเฟิง
[ท่านได้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของอันดับกำลังรบ! ท่านต้องการที่จะซ่อนชื่อตนเองหรือไม่?]
[ชื่อตัวละครของท่านจะถูกซ่อนโดยอัตโนมัติเพราะไม่เป็นไปตามข้อตกลง]
[ท่านได้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของอันดับกำลังรบ! ท่านต้องการที่จะซ่อนชื่อตนเองหรือไม่?]
[ชื่อตัวละครของท่านจะถูกซ่อนโดยอัตโนมัติเพราะไม่เป็นไปตามข้อตกลง]
เสียงของระบบพวกนั้นบอกให้รู้ว่าเขาอยู่อันดับเท่าไหร่ในอันดับกำลังรบ นอกจากนี้เซียวเฟิงยังสามารถตรวจสอบกำลังรบของตนในอันดับกำลังรบได้ด้วยหลังจากที่กลับมายังเขตฮัวเซียโดยสมบูรณ์แล้ว
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ และมองไปรอบ ๆ ตัว ในที่สุดก็ได้กลับมายังบ้านที่คุ้นเคยเสียที ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็ตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงภายในเมืองแห่งความโศกเศร้าและอันดับกำลังรบไปด้วย ทว่าตอนนั้นเอง หมวกเล่นเกมของเขาก็เตือนขึ้นมาให้เขาออฟไลน์ ไม่งั้นแล้วตัวระบบจะบังคับให้เขาออฟไลน์ด้วยตัวมันเอง
เซียวเฟิงประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาขยายการรับรู้ภายในโลกแห่งความจริงให้ชัดเจนขึ้นแล้วจึงพบว่ามีร่าง ๆ หนึ่งกำลังเคลื่อนไหวอยู่บนตัวของเขา เพราะแบบนี้ระบบจึงได้ส่งคำเตือนมา
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เซียวเฟิงมองซ้ายมองขวา จุดนี้เป็นบริเวณหน้าประตูเมืองแห่งความโศกเศร้า ซึ่งถือว่าเป็นเขตปลอดภัย ดังนั้นแล้วเขาจึงหาที่ดี ๆ เพื่อเปลี่ยนชุดก่อนจะออฟไลน์ออกจากเกมไป
ชายหนุ่มถอดหมวกเล่นเกมออกและมองไปยังต้นตอของเสียงเตือน เขาพบว่าคนคนนั้นคือเซียวหลิงที่กำลังมาทำให้ร่างกายของเขาตกอยู่ในสภาวะไม่ปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้นสัญชาตญาณร่างกายของเขาก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นอันตรายใด ๆ เซียวเฟิงจึงมั่นใจตั้งแต่ต้นแล้วว่าคนที่มารบกวนเขาจะต้องเป็นสาว ๆ ภายในคฤหาสน์หลังนี้อย่างแน่นอน
มองไปยังเวลา แล้วก็พบว่านี่มันเป็นเวลา 9 โมงเช้าเข้าไปแล้ว นั่นหมายถึงตัวเองไม่ได้ลุกออกไปทำมื้อเช้าไว้ให้ทุกคน เพราะงั้นจึงไม่แปลกใจเลยหากเซียวหลิงจะมาหัวเสียใส่เช่นนี้
ลึก ๆ แล้วก็เพราะว่าเธอนั้นอิจฉาที่เซียวเฟิงสามารถเล่นเกมมากขนาดไหนก็ได้ ในขณะของเธอนั้น ระบบอนุญาตให้เล่นได้แค่ 12 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ดังนั้นแล้วเวลาเล่นเกมของเธอจึงเป็นช่วงเย็นเท่านั้น ในระหว่างวันมันจึงไม่มีอะไรที่น่าสนใจให้เด็กสาวทำแก้เบื่อไปพลาง ๆ
“โอเค โอเค เลิกเหยียบได้แล้ว” เซียวเฟิงวางหมวกเล่นเกมลงไปบนหมอและพูดอย่างช่วยไม่ได้
เซียวหลิงกำลังใช้เท้าที่นุ่มนิ่มและเรียบเนียนของเธอกระทืบลงมาบนอกของเซียวเฟิงอย่างไม่หยุด ถึงอย่างนั้นด้วยน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างน้อยของเธอ มันทำให้การที่เธอมาเหยียบย่ำบนร่างของเซียวเฟิงนั้น เหมือนการนวดเสียมากกว่า นอกจากจะไม่ทำให้เซียวเฟิงรู้สึกเจ็บปวดแล้ว มันกลับทำให้เขารู้สึกสบายและผ่อนคลายมากขึ้นไปอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ชุดเดรสเจ้าหญิงสีขาวสะอาดตาที่เซียวหลิงสวมในวันนี้ค่อนข้างจะสั้นกว่าปกติอีกนิดหน่อย มันทำให้ด้วยมุมมองของเซียวเฟิงที่นอนอยู่นั้น สามารถมองเห็นกางเกงในผ้าสำลีลายเพนกวินได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงต้นขาที่เรียวงามของเธอด้วย
“ฮึ่ม!”
เมื่อเห็นว่าเซียวเฟิงลืมตาตื่นแล้ว เซียวหลิงก็หายใจฟึดฟัดใส่ เธอสะบัดผมทวินเทลสีทองอร่ามไปไว้ด้านหลัง ร่างเล็กไม่พูดไม่จาก่อนจะกระโดดลงจากเตียงและเดินออกจากห้องเซียวเฟิงไปโดยที่ไม่ได้ใส่รองเท้า
สิ่งนี้มันทำให้เซียวเฟิงได้แต่ลูบหัวตัวเองด้วยความสับสน เขาไม่รู้ว่าตัวเองเผลอไปทำอะไรให้องค์หญิงตัวน้อยโกรธอีกหรือเปล่า ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ดังนั้นแล้วจึงส่ายหน้าไล่ความไม่สบายใจนี้ออกแล้วลุกไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะออกจากห้องไป
ขณะที่ชายหนุ่มเดินออกจากห้องนั้นเอง ทางด้านหลิวเฉียงเหว่ย ซือเยี่ยจิ๋ง และเฉียนโตวโตวเองก็ออกมาจากห้องของพวกเธอด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าสาว ๆ เหล่านี้จะสามารถขยับตัวกันได้อย่างอิสระแล้ว ส่วนสาเหตุที่ทำให้พวกเธอออฟไลน์กันในเวลาไล่เลี่ยกับเซียวเฟิงก็เพราะว่าอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์นั้นจบลงพอดี
“ฮึ!”
ก่อนที่เซียวเฟิงจะได้กล่าวทักทาย เขาก็เห็นเฉียนโตวโตวแก้มป่องใส่และพ่นลมหายใจฟึดฟัดใส่โดยไม่พูดไม่จาอะไร หญิงสาวดันเซียวเฟิงให้พ้นทางเดินก่อนจะปลีกตัวลงด้านล่างไปโดยไม่หันมามองเซียวเฟิงเลย
เซียวเฟิงที่ถูกดันออกมายังมุมหนึ่งของทางเดินชะงักไปอีกครั้ง นี่เขาทำให้เฉียนโตวโตวหงุดหงิดด้วยงั้นเหรอ?
“ช่วยหลบทางฉันด้วย”
เรื่องไม่ได้จบลงแค่นี้ หลังจากที่เฉียนโตวโตวลงไปแล้ว หลิวเฉียงเหว่ยก็เดินมายังเซียวเฟิงด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เธอกระทบไหล่กับเขาก่อนจะมองมาด้วยหางตาโดยไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม ก่อนจะลงไปยังชั้นล่างเช่นเดียวกับเฉียนโตวโตว
“เอ่อ…”
การกระทำของเทพธิดาอันดับหนึ่งนี้ทำเอาเซียวเฟิงพูดไม่ออกเหมือนกัน ก่อนหน้านี้เฉียนโตวโตวก็เพิ่งจะผลักเขาจนพ้นทางเดินไป เหตุไฉนหลิวเฉียงเหว่ยยังเดินมากระทบไหล่เขาและบอกให้เขาหลบอีก? นี่มันเจตนาหาเรื่องชัด ๆ ว่าแต่เขาไม่เห็นจำได้เลยว่าเขาไปทำอะไรที่ถือเป็นการหาเรื่องหลิวเฉียงเหว่ยก่อนหน้านี้?
ชายหนุ่มที่อยู่ในภวังค์ของความงุนงงหันมองหญิงสาวคนสุดท้าย ซือเยี่ยจิ๋ง ทว่าเธอคนนี้กลับเป็นฝ่ายไม่กล้าสบตาเขา ใบหน้าสวยก้มมองต่ำก่อนจะรีบสาวเท้าลงไปด้านล่างด้วยท่าทีแปลก ๆ ไป
“เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ? พวกนั้นกินยาลืมเขย่าขวดกันหรือไง?”
ท่าทีของพวกเธอเหล่านี้ทำเอาเซียวเฟิงงงไปหมดจริง ๆ เขาเกาหัวและครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่เนิ่นนานแต่ก็ไม่สามารถหาเหตุผลมารองรับได้ ในท้ายสุดเขาก็ส่ายหน้าและเลิกคิดเรื่องนี้ก่อนจะลงไปด้านลงอย่างช่วยไม่ได้
ที่ด้านล่างนั้นสาว ๆ ทั้งสามอยู่ในห้องครัวกันหมด แต่ไม่เห็นเซียวหลิงอยู่ด้วย มีเสียงจานชามกระทบกันรุนแรงดังมาจากในห้องครัว ดูท่าว่าภายในนั้นคงจะวุ่นวายกันน่าดู
ในเมื่อสาว ๆ ทั้งสามไม่ได้สนใจเขา และง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่างในครัว เซียวเฟิงจึงนั่งลงไปยังที่นั่งหลักบริเวณหัวโต๊ะและรอพวกเธออย่างสบายใจแทนที่จะไปหาข้าวเช้ากิน