บทที่ 443 วันแห่งการเล่นขา
บทที่ 443 วันแห่งการเล่นขา
บรรยากาศภายในห้องอาหารนั้นค่อนข้างแปลก เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจของหลิวเฉียงเหว่ยและเฉียนโตวโตวได้เรื่อย ๆ แม้จะนั่งอยู่คนละฝั่งโต๊ะกัน
กลับกันกับซือเยี่ยจิ๋งที่ปกติจะชอบมองเซียวเฟิงแบบไม่พอใจนัก วันนี้เธอกลับดูไม่ปกติ นอกจากจะพูดน้อยแล้วยังค่อนข้างเงียบด้วย และเมื่อเผลอสบตากับเซียวเฟิง เธอก็จะรีบหลบสายตาไปพร้อมกับแก้มแดงระเรื่อน้อย ๆ ในทันทีด้วย
“ฉันกลับมาเขตฮัวเซียแล้วนะ” เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นใจ เซียวเฟิงจึงตัดสินใจเปิดฉากพูดขึ้นมาก่อน
“โอ้” หลิวเฉียงเหว่ยตอบรับ หากแต่เธอก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาอยู่ดี
ท่าทีนี้ยิ่งทำให้เซียวเฟิงประหลาดใจ มันไม่ปกติแน่นอน ทั้ง ๆ ที่เขาคิดไว้แล้วว่าพวกเธอจะต้องดีใจแน่ ๆ หลังจากรู้ว่าเขากลับมาได้แล้ว
“แล้วเซียวหลิงไปไหน?” เซียวเฟิงถามอีกครั้ง
“ข้างบนค่ะ” คราวนี้เป็นเฉียนโตวโตวที่ตอบรับ และเช่นเดียวกัน เธอก็เองก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาพูดแต่อย่างใด
“พวกเธอลุกขึ้นจากเตียงกันไหวแล้วใช่ไหม?” เมื่อไม่ได้การตอบรับที่ดี เซียวเฟิงก็ลูบคางแล้วครุ่นคิดก่อนจะถามคำถามที่ค่อนข้างอ่อนไหวออกไป
“อืม” หลิวเฉียงเหว่ยตอบด้วยคำ ๆ เดียว ไร้ซึ่งท่าทีใด ๆ
“นี่พวกเธอกินยาผิดกันหรือไงน่ะ? หรือกำลังรวมหัวกันทำอารยขัดขืนอะไรกัน?” เซียวเฟิงประหลาดใจขึ้นมาจริง ๆ แล้วหันมองสาว ๆ ของเขาทีละคน
“ท่านเซียว นายนี่ไม่เข้าใจความรู้สึกของสาว ๆ เลยจริง ๆ นะเนี่ย” เสียงที่ยืดยาดและเย้ายวนดังขึ้นจากด้านหลัง เจ้าของเสียงไม่ใช่ใครอื่น เธอคือจืออี้ที่เดินลงมาจากชั้นบน จนกระทั่งถึงห้องอาหารและได้ยินสิ่งที่เซียวเฟิงพูดพอดิบพอดี
“หือ?” เซียวเฟิงหันกลับไปมองเธอด้วยความสงสัย
“ทั้งประธานเฉียงเหว่ยและเจ้าของร้านค้ามหาสมบัติเฉียนน่ะ กำลังหึงนะ” จืออี้ยิ้มเยาะขณะพูดเช่นนั้น ก่อนจะนั่งลงไปที่เก้าอี้ว่างข้าง ๆ เซียวเฟิง ทำให้เขาสามารถได้กลิ่นหอมหวนที่ยียวนเสมือนกลิ่นหอมของดอกไม้ยามเช้าอย่างชัดเจน
“ทำไมพวกเธอต้องมาหึงฉันฮะ?” ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฟิงก็ยิ่งงุนงงมากขึ้นไปอีก
“ก็เรื่องรักลับ ๆ ระหว่างท่านเซียวกับท่านไนท์คูนเนอร์ไงล่ะคะ ตอนนี้น่ะฟอรั่มเขตฮัวเซียมันมีเป็นร้อย ๆ เวอร์ชั่นแล้วนะ แต่ละเวอร์ชั่นก็แต่งได้ดีจนน่าน้ำตาไหลกันไปตามแต่ผู้เขียน จะว่าไป ท่านเซียวคิดว่าเวอร์ชั่นไหนดีที่สุดล่ะ? มีอันไหนเป็นเรื่องจริงบ้างไหม?”
รอยยิ้มของจืออี้ที่พอได้พูดเช่นนี้แล้วมันดูเย้ายวนมากกว่าเดิมเสียอีก
“หา? มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นในฟอรั่มด้วยเหรอ? แล้วมันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ? มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง?”
ยิ่งได้ฟังเซียวเฟิงก็ยังงง เขารู้สึกเหมือนตามอะไรไม่ทันเลย จู่ ๆ ก็กลายเป็นว่ากระทู้ในฟอรั่มนั้นมีแต่เรื่องของเขากับซือเยี่ยจิ๋งไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย
ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วเข้าไปอ่านในฟอรั่มเขตฮัวเซีย เมื่อนั้นสีหน้าของเขาก็ต้องมืดดำลงไป
มีข่าวลือแปลก ๆ มากมายปรากฏขึ้นในฟอรั่มจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเซียวเฟิงและซือเยี่ยจิ๋งกำลังหลงรักซึ่งกันและกัน เขาและซือเยี่ยจิ๋งชัดเจนแล้วว่ารู้จักกันมาตั้งแต่ต้น โอเค อันนี้เรื่องจริง รับได้
นอกจากกจะเล่นกันในเกมแล้ว ก็ยังเล่นกันในชีวิตจริงด้วย อะไรวะเนี่ย?! ล่าสุดเขาก็แค่พาจืออี้มีอะไรกัน ทำไมถึงได้มีเรื่องพรรค์นี้โผล่ขึ้นมาในฟอรั่มได้กันน่ะ?
“ไม่ต้องประหลาดใจไป เรื่องนี้เพิ่งเกิดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าในช่วงที่อีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ชิงชัยยังดำเนินอยู่ ที่ท่านไนท์คูนเนอร์เปิดเผยตัวตนออกมา ฉันเองก็ไม่ได้คิดว่ามันจะกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวทั่วทั้งเขตฮัวเซียขนาดนี้ เพียงแค่ช่วยข้ามคืน เธอถูกยกย่องให้สวยเสียยิ่งกว่าเทพธิดาประจำชาติอย่างชูเมิ่งอิ๋งเสียอีก แถมยังพ่วงมาด้วยเรื่องของท่านเซียว ที่ว่าไปซัดอันดับหนึ่งของเขตอเมริกาเหนือจนยับเพราะความรักที่มีให้ไนท์คูนเนอร์ด้วย เรื่องมันไม่ได้เกิดจากคนอื่นเลย เกิดจากนายล้วน ๆ ”
จืออี้อธิบายเพิ่มหลังเห็นได้ว่าเซียวเฟิงกำลังสงสัยสุด ๆ
“ก็แค่หาอะไรทำหลังกินข้าวเสร็จ ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรเลย” เซียวเฟิงพูดอะไรไม่ออก อันที่จริงเขาขี้เกียจจะสนใจความวุ่นวายพวกนี้มากกว่า ยังไงเสียเดี๋ยวมันก็ค่อย ๆ หายไปอีกในอีกไม่กี่วัน
สิ่งที่เขาสนใจคือหลิวเฉียงเหว่ยและเฉียนโตวโตวที่ทำตัวไม่ปกตินี่ต่างหาก พวกเธอทั้งคู่กำลังทำให้เซียวเฟิงปวดหัวด้วยท่าทีแปลก ๆ แถมยังทำให้เขาหงุดหงิดจากการมาแย่งเอาผักไปกินอีกด้วย หากไม่ติดว่าก่อนหน้านี้เขาทำอะไรกับพวกเธอไว้อย่างเช่นการจับกด ตอนนี้เซียวเฟิงคงได้ตวาดพวกเธอไปแล้วแน่ ๆ เนื่องจากเขาเพิ่งจะเปิดใช้งานชูร่าและไร้เทียมทานแบบเต็มสูบไปก่อนนหน้า ดังนั้นตอนนี้ร่างกายของชายหนุ่มจึงต้องการการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วนที่สุดเลย
แต่ใครจะคิดว่ายิ่งเซียวเฟิงไม่ตวาดและอยู่เงียบ ๆ มันจะทำให้หลิวเฉียงเหว่ยและเฉียนโตวโตวเหิมเกริมมากยิ่งขึ้น
“ฉันอิ่มแล้ว!”
เซียวเฟิงวางถ้วยและตะเกียบลงเสียงดัง เขาชักจะขี้เกียจมองหน้าพวกเธอด้วยแล้วเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้จึงไม่รอช้าที่จะเดินกลับขึ้นไปชั้นบนในทันที ยังไงเสีย เขาก็ทานอาหารบนโต๊ะไปได้ปริมาณหนึ่งแล้ว และการเล่นเกมมันก็เหมือนนอนอยู่บนเตียงเฉย ๆ ถือว่าใช้พลังงานน้อยมาก ๆ ไม่จำเป็นต้องรีบฟื้นฟูก็ได้ ไว้วันอื่นค่อยหาอะไรทานชดเชย
“พวกเราทำมากเกินไปหรือเปล่าคะ?”
เฉียนโตวโตวมองตามเซียวเฟิงด้วยสีหน้าหงอลงก่อนจะหันไปถามหลิวเฉียงเหว่ยด้วยเสียงที่เบา
“สมควรแล้ว”
หลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้หันไปมองเธอ สาวเจ้ายังคงก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าต่อไปขณะพูดด้วยเสียงเย็นชา ทั้ง ๆ ที่เธอได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นตามกฏหมายของเขาแท้ ๆ แต่ท้ายสุดแล้วกลับไม่ได้อะไรกลับมาเลย
บนโต๊ะอาหารนั้นมีเพียงซือเยี่ยจิ๋งที่ก้มหน้าก้มตากินไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้น แม้เธอจะแอบมองทั้งสองสาวบ้างแต่ก็เพื่อหาโอกาสหลบออกจากโต๊ะในยามที่ไม่เป็นจุดสนใจเท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะแอบขนาดไหน มันก็ไม่มีทางหลบพ้นสายตาของจืออี้ได้ ใบหน้าสวยของหญิงสาวยิ้มเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ขณะที่ยังคงทานข้าวต้มของเธอต่อไป
หลังจากที่กลับขึ้นมาชั้นบนแล้ว เซียวเฟิงก็ยืนอยู่หน้าห้องของเซียวหลิงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ตัดสินใจแอบเปิดประตูห้องและสอดส่องมองเข้าไปด้านในเงียบ ๆ
ทว่าสิ่งที่รออยู่ด้านในนั้นกลับทำให้เซียวเฟิงถึงกับตกใจเมื่อเขาเห็นเซียวหลิงไม่ได้เล่นเกมอยู่หรือนอนอย่างที่คาดไว้ เธอไม่แม้แต่จะดูรายการหรือดูอะไรอยู่ แต่กลายเป็นว่าเด็กคนนี้กำลังเรียนหนังสือ! เซียวหลิงกำลังเรียนภาษาต่างประเทศ!
สิ่งนี้ทำเอาเซียวเฟิงตกใจมากจริง ๆ แต่ท่ามกลางความตกใจนั้นก็คือความโล่งใจเอาเสียมาก ๆ เซียวเฟิงรีบปิดประตูกลับไปเหมือนเดิมเพื่อป้องกันไม่ให้เซียวหลิงรู้ว่าเขามาแอบดูเธออยู่
เมื่อกลับไปยังห้องของตนและทิ้งตัวลงนอนบนเตียง เซียวเฟิงหยิบหมวกเล่นเกมขึ้นมาจากหมอนและเตรียมจะสวมมันเข้าไว้ที่หัว แต่ตอนนั้นเอง เขาก็เหลือบไปเห็นก่อนว่าลูกบิดประตูของเขามันกำลังขยับ และผู้ที่แอบย่องเข้ามาก็คือ ซือเยี่ยจิ๋ง
“คิดจะทำอะไรน่ะ?” ชายหนุ่มเตรียมจะกดเปิดสวิตช์ของหมวกเล่นเกมแล้วขณะมองท่าทีของซือเยี่ยจิ๋งด้วยความประหลาดใจ
“ฉัน…” เธอไม่ปกติจริง ๆ ด้วย แววตาของซือเยี่ยจิ๋งไม่กล้าสบมองมายังเซียวเฟิงเลย กระนั้นก็ใช่ว่าจะไม่เดินเข้าหา หญิงสาวล็อกประตู เอามือไพล่หลังไว้แล้วเดินไปยังเตียงของเซียวเฟิงด้วยความลังเลเล็กน้อย
แม้ว่าตอนนี้ในมือจะมีหมวกเล่นเกมที่พร้อมใช้งานแล้ว แต่เซียวเฟิงกลับไม่ได้รู้สึกอยากเล่นเกมแต่อย่างใด เขารู้ดีว่าตนเองเพิ่งจะกลับมายังเขตฮัวเซีย ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ แต่เพราะการใช้งานชูร่าและไร้เทียมทานเป็นเวลานานก่อนหน้านี้ ร่างกายของเขาจึงเรียกร้องการฟื้นฟู มันเหนื่อย มันล้าไปทั่วทั้งร่าง เขาไม่อยากทำอะไรแล้ว อยากจะนอน นอนโดยไม่ใส่หมวกเล่นเกมด้วย
เพราะแบบนี้เซียวเฟิงจึงรีบส่ายหน้าเพื่อไล่ความเหนื่อยล้าทิ้งไปก่อน เขาต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเล่นเกม เพราะสิ่งที่ต้องทำก็คือสิ่งที่ต้องทำ
“ต้องการอะไรล่ะ?” เซียวเฟิงแหงนหน้าขึ้นมามองตรงหน้าเขาอีกครั้ง ซือเยี่ยจิ๋งยังคงอยู่ ร่างนั้นคลานขึ้นมาบนเตียงและนั่งลงใกล้ ๆ เขาพลางเหลือบมองเขาด้วยแววตาแปลกไป
“นาย…เอ่อ…ไม่อยากเล่นกับขาของฉันเหรอ? ฉะ…ฉันยอมให้นายเล่นก็ได้…แค่วันนี้วันเดียวเท่านั้นนะ!”
แววตาที่งดงามของซือเยี่ยจิ๋งหลบไปมาขณะที่พูดด้วยความลังเล แม้จะพูดกับเซียวเฟิงแต่เธอก็ไม่กล้าสบตาเซียวเฟิงจนกระทั่งพูดจบ
ไม่เพียงเท่านั้น ระหว่างที่กำลังพูด ซือเยี่ยจิ๋งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เซียวเฟิงบนเตียงก็บิดตัวไปมาพร้อมกับเหยียดขาเรียวสาวของเธอไปทางเซียวเฟิงด้วย
“หือ?” เซียวเฟิงเตรียมจะพูดอะไรสักอย่าง แต่สายตาของเขากลับโดนเรียวขางามของซือเยี่ยจิ๋งล่อลวงไปเสียก่อน
เขารู้มาตั้งแต่ก่อนแล้วว่าขาที่เรียวยาวของซือเยี่ยจิ๋งไม่มีอะไรสามารถมาเทียบเทียมได้ ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม และตั้งแต่ที่รู้เรื่องนี้มาหลายต่อหลายครั้งมันก็อดทำให้เขาแอบเหลียวมองเรียวขานั้นของเธอไม่ได้
ในตอนนี้เรียวขางามทั้งสองข้างนั้นมาอยู่ตรงหน้าสายตาเซียวเฟิงแล้ว ภายใต้กางเกงขาสั้นที่ทำจากผ้าเดนิม ขาที่เรียวสวยคู่นี้เหมือนดินสอที่เหยียดตรง ไม่เพียงแต่มันมีความยาวเกือบเท่ากับครึ่งหนึ่งของความสูงทั้งหมดของเธอแล้ว พวกมันยังขาวผุดผ่องประดุจงาช้าง และเปล่งประกายเสมือนหยกบริสุทธิ์อีกด้วย ปราศจากรอยด่างดำ เรียบเนียนและชุ่มฉ่ำไปทุกอณู ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็ไม่สามารถเห็นรูขุมขนบนขาของเธอได้เลย!
สิ่งนี้สมเป็นขาที่สวยที่สุดในโลกโดยไม่มีอะไรมาเทียบเท่าได้จริง ๆ ก่อนหน้านี้เซียวเฟิงก็มีโอกาสได้ยลความงามของขาคู่นี้พักใหญ่ ๆ ช่วงที่ซือเยี่ยจิ๋งเหนื่อยจบหลับเมื่อหลายวันก่อน เขาดูจะหมกมุ่นกับเรียวขาสวยของเธอมาก ๆ จนไม่รู้ว่าคำว่าพอมันจะสามารถกล่าวได้เมื่อไหร่
“จริงเหรอ?”
เซียวเฟิงหันมองซือเยี่ยจิ๋งด้วยความสงสัย ซือเยี่ยจิ๋งพูดว่าจะมอบขาที่งดงามคู่นี้ให้เขางั้นเหรอ? นี่เรื่องจริงหรือว่าเธอมาแกล้งเล่นเนี่ย?
“จะจับมันก็ได้ถ้านายต้องการ! แต่ถ้านายไม่จับ ฉันจะไปแล้ว!” ได้ยินคำถามของเซียวเฟิง ซือเยี่ยจิ๋งก็ขบริมฝีปากล่างของเธอเองเบา ๆ แล้วพูดพร้อมกับใบหูที่แดงระเรื่อ
“ของมันแน่อยู่แล้ว!”
ถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะก็ ใครจะยอมปล่อยไปกันล่ะ! เมื่ออยู่ต่อหน้าเรียวขาที่ไร้ซึ่งจุดด่างดำแล้ว ไม่มีชายใดสามารถต้านทานไหวทั้งนั้น ซึ่งเซียวเฟิงเองก็ไม่ยกเว้น
ดังนั้นหลังจากที่ได้รับการยินยอมจากซือเยี่ยจิ๋งที่ยังคงดูเกร็ง ๆ แล้ว เซียวเฟิงก็วางหมวกเล่นเกมลง เขาไม่สามารถอดใจที่จะยื่นมือไปสัมผัสขาคู่สวยนี้ได้อีกต่อไป!
สัมผัสแรกนั้นมอบความอบอุ่นอย่างน่าเหลือเชื่อผ่านฝ่ามือที่ได้วางลงไปบนผิวที่เนียนลออ สิ่งที่อยู่ในมือนี้เรียบเนียนเหมือนกระเบื้องเคลือบ เลอค่าประดุจเม็ดหยก สัดส่วนกล้ามเนื้อเองก็เรียงตัวสวยได้รูป ไม่บางเกินไปและไม่อวบเกินไป ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้นุ่มเกินไปและไม่แข็งหยาบเกินไปด้วย นี่มัน…สัมผัสที่กำลังล่อลวงให้เขาเสพติด!
เซียวเฟิงเริ่มลูบไปตามข้อเท้า ก่อนจะไล่ขึ้นมาที่น่องและขึ้นไปที่หัวเขา ลามไปที่ส่วนเนื้อนุ่มที่อยู่เหนือเข่าขึ้นไปอีก จนกระทั่งมือของเขาเคลื่อนไปยังจุดที่สุดแสนพิเศษอย่างต้นขาที่กระชับมือนี้ ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้นร่างกายที่งดงามของซือเยี่ยจิ๋งก็แอบสั่นสะท้านไปพร้อม ๆ กับนิ้วเท้าที่เกร็งแน่นด้วย
ใบหน้าของเซียวเฟิงค่อย ๆ ก้มลงไปช้า ๆ จนกระทั่งแนบไปกับต้นขาของซือเยี่ยจิ๋ง ซึ่งด้วยสัมผัสจากใบหน้าเขานี้ มันทำให้หญิงสาวถึงกับเกร็งไปทั้งตัวและพูดขึ้นด้วยความกังวล
“ฮะ…เฮ้! ฉันให้จับได้แค่อย่างเดียวนะ! ห้ามเลียเด็ดขาด!”
โชคยังดีที่เซียวเฟิงไม่ใช่คนลามกขนาดนั้น เขาเพียงแค่ซบไว้เฉย ๆ ซึ่งทำให้ซือเยี่ยจิ๋งเบาใจ ทว่า 10 วินาทีให้หลัง บางสิ่งบางอย่างก็เปลี่ยนไป สิ่งที่ทำให้หญิงสาวถึงกับผงะ นั่นเพราะเซียวเฟิงกำลังเริ่มกรนออกมาเสียแล้ว!
“ฮัลโหล? เฮ้ นี่นายแกล้งหลับหรือเปล่าน่ะ? นายไม่ได้หลับจริง ๆ ใช่ไหม? นี่?”
ซือเยี่ยจิ๋งพยายามเรียกเซียวเฟิงอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองใด ๆ กลับมา จนกระทั่งเธอมั่นใจว่าเซียวเฟิงน่ะ หลับโดยกอดขาเธอไว้แทนหมอนไปแล้วจริง ๆ หลับคาต้นขานี้เลย
ในตอนแรกเธอก็โกรธเขาจนขนาดที่ต้องกัดฟันแน่นไว้ แต่เมื่อได้เห็นสีหน้าที่เหนื่อยอ่อนของเซียวเฟิงขณะที่กำลังหลับใหล มันก็ทำให้หัวใจของซือเยี่ยจิ๋งพลอยผ่อนคลายลงไปด้วย แววตาของเธอแสดงออกถึงความเป็นห่วง ตั้งแต่ที่เธอรู้จักคนคนนี้มา เธอยังไม่เคยเห็นด้านที่เขาอ่อนแอขนาดนี้มาก่อนเลย!
การที่ได้เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของเซียวเฟิงนี้ทำให้ซือเยี่ยจิ๋งชะงักไปจริง ๆ จากนั้นภาพเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างก็ปรากฏขึ้นมาในห้วงความคิดของเธอ ภาพเหตุการณ์ที่ตั้งแต่เธอและเซียวเฟิงได้พบเจอกัน ความทรงจำมากมายถูกฉายเหมือนวีดีโอที่กำลังเล่นซ้ำ และมันทำให้เธอรู้สึกคิดถึงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เซียวเฟิง…”
ทว่าห้วงความคิดที่เต็มไปด้วยความโหยหานั้นก็ต้องถูกปัดให้สลายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอเห็นว่าประตูห้องของเซียวเฟิงถูกเปิดออกอีกครั้ง และคราวนี้ผู้ที่เดินเข้ามาก็คือหลิวเฉียงเหว่ย ใบหน้าสวยของผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องหยุดนิ่งไม่พูดต่อให้จบเมื่อเหลือบมาเห็นว่าเซียวเฟิงกำลังนอนหลับอยู่บนต้นขาของซือเยี่ยจิ๋ง
สองสาวมองหน้าซึ่งกันและกันโดยมีซือเยี่ยจิ๋งที่แสดงออกถึงความรู้สึกผิดและกลัวการที่ต้องเผชิญหน้ากับดวงตาที่งดงามของหลิวเฉียงเหว่ยโดยตรง กระนั้นแล้วเธอก็ไม่ได้ขยับตัวเซียวเฟิงไปไหน หรือไม่แม้แต่จะดันเซียวเฟิงลงจากตักเธอด้วย
“เซียวเฟิงอยู่ที่นี่”
โชคยังดีที่หลิวเฉียงเหว่ยไม่ได้พูดอะไรมากนัก หลังจากที่มองซือเยี่ยจิ๋งแล้ว เธอก็พูดเรื่องอื่นแทน
“พี่ชายของฉันอยู่ที่ไหน!”
ทันทีที่ประโยคของหลิวเฉียงเหว่ยจบลง จางเสี่ยวหยูก็พุ่งพรวดเข้ามาในห้องและตะโกนเสียงดังทันที
ซือเยี่ยจิ๋งรีบยกมือขึ้นจุ๊ปากกับจางเสี่ยวหยูและทำให้เธอเงียบลงโดยพลัน จากนั้นทั้งจางเสี่ยวหยูและหลิวเฉียงเหว่ยถึงได้ตระหนักได้ถึงสีหน้าที่เหนื่อยอ่อนของเซียวเฟิงที่กำลังหลับใหล