ตอนที่ 261 เฮ่อซงจือพูดแขวะ
“ฉันได้ยินเหวินเทาบอกว่าพวกเราก็สามารถปลูกข้าวสาลีได้เหมือนกัน เธอกลับไปคุยกับที่บ้านดูสิ ถ้าอยากปลูก พวกเราก็มาปลูกด้วยกัน” เย่ฉูฉู่กล่าว
“จริงเหรอ พวกเราก็ปลูกได้เหรอ?” เฮ่อซงจือแอบสงสัย “ปลูกได้ทำไมไม่ปลูกล่ะ?”
“ไม่รู้สิ เหวินเทาบอกว่าปลูกข้าวสาลีเสร็จก็ปลูกผักกาดขาวได้ด้วยนะ แต่ยุ่งยากนิดหน่อย จำเป็นต้องรดน้ำบ่อย ๆ” เย่ฉูฉู่ห่อเกี๊ยวเสร็จก็เริ่มรีดแผ่นแป้ง เธอสามารถรีดแผ่นแป้งได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน รีดหนึ่งครั้งได้ออกมาถึงสามแผ่น
ไม่ต้องพูดถึงเฮ่อซงจือเลย หล่อนรู้สึกคล้อยตามอีกครั้ง จึงรีบร้อนขอเรียนวิชา เย่ฉูฉู่อธิบายให้หล่อนฟัง เฮ่อซงจือลองทำตามด้วยท่าทางเงอะงะอยู่สามสี่ครั้งแต่ก็ยังไม่สำเร็จ
ทั้งสองคนห่อเกี๊ยวเสร็จแล้ว เย่ฉูฉู่ก็มาทุบกระเทียมนิดหน่อย เทซอสถั่วเหลืองและน้ำมันงาลงไป ตามด้วยใบผักชีอีกนิด
เป็นเพราะภายในบ้านอบอุ่น เย่ฉูฉู่ไม่เพียงแต่ปลูกต้นหอมในกล่องกระดาษ แต่ยังปลูกกระเทียม ผักชี ผักกาดหอมด้วย พวกมันงอกงามขึ้นมาได้ไม่เลวเลย
“ฉูฉู่ เธอมีความสามารถจริง ๆ ปลูกไว้หลายอย่างขนาดนี้” เฮ่อซงจือรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่หาดูได้ยาก “แถมยังงอกงามดีขนาดนี้อีก ที่บ้านฉันปลูกต้นหอมไว้นิดเดียว แต่ก็ยังไม่โตเลย”
“ถ้าในบ้านอบอุ่น จะปลูกอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ โรงเรือนของหมู่บ้านไท่ผิงก็เป็นแบบนี้เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” เย่ฉูฉู่กล่าว
“ถ้าไม่ได้มาที่บ้านเธอก็คงไม่รู้สึกหรอก แต่พอมาที่นี่แล้วกลับไปที่บ้าน ฉันก็รู้สึกราวกับว่าที่บ้านฉันไม่มีเตาไฟอย่างนั้นแหละ นี่ฤดูใบไม้ผลิแล้วนะ ทำไมอากาศถึงยังเย็นแบบนี้ล่ะ” เฮ่อซงจือช่วยเย่ฉูฉู่เก็บกวาดข้าวของลงไป
“ฤดูใบไม้ผลิก็ยิ่งหนาว ไม่งั้นคนแก่ ๆ จะพูดว่าฤดูใบไม้ผลิคลุมให้อุ่น ฤดูใบไม้ร่วงปล่อยหนาว [1] ได้ยังไงกันล่ะ ฤดูใบไม้ผลินี่แหละยิ่งต้องใส่เสื้อผ้าให้เยอะ ๆ หน่อย” เย่ฉูฉู่หมุนหัวก๊อกน้ำ เพื่อเปิดน้ำแล้วนำไปต้ม
เสี่ยวไป๋หยางในตอนนี้กำลังนอนมองเย่ฉูฉู่อยู่บนรถเข็นเด็ก ไม่ร้องไห้ไม่งอแงเลย
เฮ่อซงจือนั่งยอง ๆ อยู่ด้านหน้ารถเข็นเด็กเพื่อแหย่เสี่ยวไป๋หยาง เมื่อได้ยินเย่ฉูฉู่บอกว่าให้ใส่เสื้อผ้าในฤดูใบไม้ผลิให้มากหน่อย หล่อนจึงพูดเคล้ารอยยิ้ม “นี่ถ้าเธอไม่พูดฉันคงลืมไปแล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้ารองฉวี่รับภรรยาใหม่มาด้วยนะ เธอเดาสิว่าภรรยาใหม่ใส่ชุดอะไรมา?”
เย่ฉูฉู่มองหล่อนด้วยความฉงนสงสัย
เฮ่อซงจือหัวเราะจนหยุดไม่ได้ “วันที่สี่ของเดือน อากาศหนาวมากเลยนะ ท้องฟ้าก็ครึ้มด้วย ภรรยาใหม่ของเจ้ารองฉวี่ใส่แค่กางเกงตัวเดียวก็มาเลย แถมยังขี่จักรยานด้วยนะ ถึงขั้นตัวแข็งเลยแหละ ตอนที่เข้ามาในบ้านก็ตัวสั่นหงึก ๆ เลย ยายเฒ่าฉวี่ต้องรีบให้ขึ้นไปนั่งบนเตียงแล้วเอาผ้าห่มคลุมตัวไว้ คืนนั้นถึงกับไข้จับเลย!”
เย่ฉูฉู่ประหลาดใจ “กางเกงตัวเดียว คุณพระ หล่อนคิดอะไรอยู่เนี่ย อากาศหนาวขนาดนี้ กางเกงตัวเดียวแบบนั้นไม่แข็งตายแย่เลยเหรอ?”
“ก็นั่นน่ะสิ กางเกงตัวเดียวสิบชั้นยังสู้หนึ่งชั้นไม่ได้เลยด้วย ถอดกางเกงบุฝ้ายตอนนี้ ต้องกล้าขนาดไหนกัน!” เฮ่อซงจือพูดไปพลางก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ฉันว่าผู้หญิงคนนี้แอบโง่เหมือนกันนะ”
เย่ฉูฉู่ยิ้ม “อย่าพูดถึงคนอื่นแบบนี้สิ อันที่จริงก็เป็นเพราะความรักสวยรักงามของผู้หญิงนั่นแหละ”
“ถึงจะรักสวยรักงามแต่จะรักแบบนี้ก็ไม่ได้นะ” เฮ่อซงจือพูดพลางกระซิบด้วยท่าทางมีลับลมคมใน “ฉันจะบอกอะไรให้ เป็นเพราะหล่อนป่วย ก็เลยอยู่ค้างบ้านตระกูลฉวี่เป็นอาทิตย์เลย นี่ยังไม่ได้แต่งงานเลยนะ เธอว่าเข้ามาอยู่แบบนี้ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ถึงเวลานั้นตระกูลฉวี่จะให้เงินค่าสินสอดทองหมั้นไหมล่ะ? ไม่งั้นฉันไม่บอกว่าหล่อนโง่หรอก”
“จะเกิดอะไรขึ้นได้” เย่ฉูฉู่กล่าว “ทุกคนก็อยู่ในบ้านกันหมด”
“ถ้าฉันเป็นคนตระกูลฉวี่ ฉันคงให้พวกเขาทำเรื่องพวกนั้นแหละ จะได้ไม่ต้องให้เงินค่าสินสอด!” เฮ่อซงจือกล่าว
เย่ฉูฉู่ยิ้ม “เธอกลายเป็นคนไม่ดีแล้วนะ!”
เฮ่อซงจือหัวเราะเหอะ ๆ “ไม่ดีตรงไหนกัน นี่เป็นเพราะยัยนั่นทำตัวเองต่างหากล่ะ!”
“เธอกับพี่สาวของเขาเป็นเพื่อนกันนะ เธอก็ควรจะเป็นหูเป็นตาสิ” เย่ฉูฉู่แอบถามด้วยความประหลาดใจ
เฮ่อซงจือส่งเสียง ‘เหอะ’ เบา ๆ “ก็เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งก่อนถึงได้ทำให้ฉันแอบเคืองน่ะสิ เพราะเรื่องบ้านที่จะไม่แต่งไม่ใช่เหรอ ผลลัพธ์ที่ได้เจ้ารองฉวี่ไปหาแค่รอบเดียวก็ตกลงแล้ว ฉันยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ บ้านทางฝั่งผู้หญิงก็ไม่มีใครบอกฉันสักคำ ทำแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน? หลังจากนั้นก็มาหาฉันอีก บอกให้ฉันไปพูดกับตระกูลฉวี่เรื่องบ้าน นี่มันอะไรกัน พอมีประโยชน์ก็มาหา แต่พอหมดประโยชน์ก็ไม่เห็นหัว ตอนนี้สิ่งที่ฉันกังวลใจก็คือถ้ายัยนั่นแต่งงานเข้ามาอยู่ที่นี่ ถ้าใช้ชีวิตได้ไม่ดีก็ไม่รู้ว่าจะมาด่าฉันอีกหรือเปล่าเนี่ยสิ ฉันรู้สึกเสียใจชะมัดเลยที่มาทำเรื่องนี้ ฉูฉู่ เธอจำไว้นะ ห้ามเป็นแม่สื่อโดยเด็ดขาด เสียแรงแต่ไม่คุ้มค่า!”
เย่ฉูฉู่รู้ตั้งแต่แรกแล้ว การเป็นแม่สื่อไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ความรู้สึกระหว่างสองสามีภรรยาไม่ใช่เรื่องของแม่สื่อ เมื่อความรู้สึกระหว่างสองสามีภรรยาไม่ดีก็จะโทษว่าเป็นความผิดของแม่สื่อทั้งหมด โชคดีที่ตอนแรกเธอยืนกรานที่จะไม่เข้าร่วม
“เธอก็ไม่ต้องคิดมากหรอก ปล่อยให้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็นเถอะ เกี๊ยวเสร็จแล้ว เธอกินก่อนแล้วค่อยกลับนะ” เย่ฉูฉู่ลุกขึ้นยืนและเดินไปเปิดหม้อดูเกี๊ยว
เฮ่อซงจือประมาณเวลา ตอนนี้ลูกน่าจะยังไม่หิว จึงตอบตกลง
เกี๊ยวทำเสร็จใหม่ถูกยกมาเสิร์ฟ รับประทานคู่กับผักกาดดองหั่นฝอย ทั้งสองคนรับประทานคนละถ้วย
“อร่อยจริง ๆ!” เฮ่อซงจือรับประทานไปพลางชื่นชมไปพลาง “ฉูฉู่ เกี๊ยวไส้ผักกาดดองอันนี้อร่อยขนาดนี้เลยเหรอ เธอใส่อะไรลงไปเนี่ย”
เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ก็ใส่เครื่องปรุงรสตามปกตินั่นแหละ ไม่ได้ใส่อะไรลงไปเป็นพิเศษ”
“ผักกาดดองเปรี้ยวกำลังดีเลย บ้านพวกเราไม่รู้ทำผักกาดดองยังไง ไม่เห็นจะเปรี้ยวเลย ตอนกินยังต้องใส่น้ำส้มสายชูเพิ่มเข้าไปด้วย แต่เธอไม่ได้ใส่ใช่ไหม?”
“ไม่ได้ใส่ ฉันยังล้างน้ำออกอีกสองรอบด้วยนะ”
“ฉันไม่เคยกินเกี๊ยวผักกาดดองที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย! มีรสชาติกว่าไส้เนื้อหมูเสียอีก แต่ถึงยังไงฉันก็ยังชอบกินเนื้อหมู” เฮ่อซงจือหัวเราะเหอะ ๆ
เย่ฉูฉู่ก็หัวเราะตามไปด้วย แม้ว่าชีวิตจะดีกว่าก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่ได้ถึงจุดที่ไม่ชอบรับประทานเนื้อแต่ชอบรับประทานผัก
หลังจากรับประทานเสร็จเฮ่อซงจือก็กลับไป เย่ฉูฉู่เก็บกวาดเสร็จแล้ว เธอก็มานอนกลางวันพร้อมกับลูกชาย ช่วงค่ำจ้าวเหวินเทากลับมา เธอจึงนำเกี๊ยวที่เหลือจากช่วงเที่ยงมาทอดให้เขา
“เฮ่อซงจือมาหา แถมยังพูดเรื่องเจ้ารองฉวี่ด้วยนะ” เย่ฉูฉู่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ต้องรักสวยขนาดไหนเนี่ย อากาศหนาวแต่ดันใส่กางเกงตัวเดียวมา”
จ้าวเหวินเทากล่าว “คุณคงไม่รู้ พวกสาว ๆ ในเมืองตอนนี้ต่างก็ถอดเสื้อคลุมบุฝ้ายกันหมด หันมาใส่กางเกงขนสัตว์แล้ว ต่อให้หนาวแข็งจนสูดปากแต่ก็ไม่ยอมใส่กางเกงบุฝ้าย หลงตัวเองกันหมดแล้ว!”
เย่ฉูฉู่ประหลาดใจ “ตอนนี้ไม่ใส่กางเกงบุฝ้ายแล้ว กางเกงผ้าฝ้ายบาง ๆ ก็ไม่ใส่เหรอ?”
“ถ้าทำได้ แม้แต่กางเกงขนสัตว์พวกเขาก็ไม่ใส่ อาศัยพลังงานหนุ่มสาวของตัวเอง รอให้แก่ก่อนเถอะเดี๋ยวก็รู้สึก”
แม้จ้าวเหวินเทาเองก็เป็นวัยรุ่น แต่เขาไม่ทำเรื่องไร้สมองแบบนั้นหรอก เขาใส่เสื้อบุฝ้ายเร็วกว่าใคร ๆ และเขาก็ถอดช้ากว่าใคร ๆ ด้วย นี่เป็นสิ่งที่คุณแม่จ้าวกำชับไว้ตั้งแต่เด็ก ฤดูหนาวยิ่งต้องคลุมร่างกาย ไม่เช่นนั้นเมื่ออายุมากก็จะปวดขา ต่อให้รู้สึกเสียใจก็ไม่ทันแล้ว
เรื่องนี้จ้าวเหวินเทาเชื่อฟังแม่ของเขามาก
เย่ฉูฉู่เป็นคนกลัวความเย็นเช่นกัน เธอเองก็เป็นเช่นนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงแทบจินตนาการไม่ออกเลยว่าความรู้สึกตอนที่ถอดเสื้อบุฝ้ายในตอนนี้เป็นอย่างไร
“แต่ในเมืองอบอุ่นกว่าในชนบทนิดหน่อย ในบ้านมีเครื่องทำความร้อน ออกจากบ้านนี้ก็เข้าบ้านนั้น ต่อให้หนาวจนแข็งแต่ก็เป็นแค่ระยะเวลาสั้น ๆ ไม่เหมือนกับชนบทของพวกเรา ขนาดเผาเตาในบ้านแล้วยังหนาวมากอยู่เลย” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
เย่ฉูฉู่กล่าว “นั่นสิ ก่อนหน้านี้ตอนเผาเตาฉันยังรู้สึกว่าไม่ค่อยอบอุ่นเท่าไรเลย จริงสิ พวกเราจะจ่ายเงินค่าจุดโคมไฟเท่าไรล่ะ?”
“หนึ่งหยวน” จ้าวเหวินเทาพูดโดยไม่หยุดคิด “ผมจ่ายให้ทางนั้นแล้ว”
“พวกเราให้เยอะสุดเลยสินะ?”
“ใช่ เยอะสุดเลย คนอื่นมากสุดก็แค่ห้าเหมา ส่วนใหญ่ก็ประมาณ 1-2 เหมา แต่ทีมใหญ่ก็ให้เพิ่มอีกนิดหน่อย รวมเข้าด้วยกันก็พอสำหรับจุดโคมไฟหนึ่งครั้งแล้ว”
“ฉันทำโคมไฟไว้ส่วนหนึ่งแล้ว คุณดูสิว่าพอหรือเปล่า ถ้าไม่พอฉันจะได้ทำเพิ่มอีกหน่อย”
จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ “ภรรยาผมทำโคมไฟเป็นด้วยเหรอ สุดยอดเกินไปแล้ว!”
…………………………………………………………………………………
[1] ฤดูใบไม้ผลิคลุมให้อุ่น ฤดูใบไม้ร่วงปล่อยหนาว (春捂秋冻) เป็นคำโบราณของจีนเกี่ยวกับเรื่องการแต่งกายของคนในช่วงฤดูที่มีการเปลี่ยนอากาศ ช่วงกำลังจะเข้าเดือนพฤศจิกายน ซึ่งถือว่าเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ควรเริ่มใส่เสื้อผ้าที่หนามากยิ่งขึ้น แต่ต้องค่อย ๆ เริ่มใส่เพิ่มขึ้นอย่ารีบแต่งตัวเต็มที่ ค่อย ๆ เพิ่มเสื้อผ้าที่มีความอบอุ่นตามแต่กำลังของตน ใส่ให้รู้สึกว่าอยู่ในระดับที่หนาวพอรับไหวแล้วถ้าเริ่มไม่ไหวก็ค่อย ๆ ใส่เสื้อผ้าที่หนาขึ้นหรือเพิ่มจำนวนชิ้นมากขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวเข้ากับอากาศที่จะหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ อากาศก็จะค่อย ๆ อบอุ่นขึ้น ถ้ารู้สึกร้อนอย่าเพิ่งรีบลดปริมาณเสื้อผ้าให้ทนร้อนในระดับที่พอรับได้ แล้วค่อย ๆ ลดจำนวนชิ้นหรือเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่บางลง เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวและมีภูมิคุ้มกันพอที่จะรับกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
สารจากผู้แปล
งานแม่สื่อไม่ใช่เรื่องง่ายจริง ๆ พอคนที่จับคู่ให้คบกันแล้วไปไม่รอดก็รับเละไปเต็มๆ คนเดียว
ไม่อยากนึกสภาพเหมือนกันค่ะที่สาวๆ เขตอากาศอบอุ่นบางคนใส่กางเกงหรือกระโปรงสั้นท้าลมหนาวอุณหภูมิติดลบในฤดูหนาว แค่เที่ยวยอดดอยทางภาคเหนือในช่วงฤดูหนาวก็คว้ากางเกงฮีตเทคแล้ว
ไหหม่า(海馬)