“ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณค่ะ!”
“หือ” ก่อนที่ถังหนิงจะเห็นคนต้นเสียงได้ชัดเจน คนอื่นๆ ก็ลุกขึ้นและเอ่ยขึ้น “เราก็เชื่อมั่นในตัวคุณเหมือนกันค่ะ”
“เราด้วย!”
ไม่นานคนทั้งโรงภาพยนตร์ก็ลุกขึ้นแสดงความรู้สึกของพวกเขา
“ก่อนหน้านี้เพราะการปั่นหัวของสื่อ เราเลยสูญเสียนักแสดงฝีมือดีไปเพราะคุณถูกบังคับให้ถอนตัวและไม่ทำงานแสดงอีก หนึ่งปีต่อมาเราก็ต้องเจอกับสถานการณ์ที่คล้ายๆ กัน ทุกอย่างดูคุ้นเคยมาก ฉันเลยกลัวว่าถ้าตัวเองเลือกข้างผิดอีกครั้ง เราจะสูญเสียผู้สร้างที่เยี่ยมยอดไปในท้ายที่สุด!”
นักวิจารณ์ภาพยนตร์เดินมาหาถังหนิงและยื่นมือออกมา
ถังหนิงชะงักไปชั่วขณะก่อนจะยื่นมือออกไปเช่นกัน
“ผมไม่รู้ว่าคุณจะโน้มน้าวทุกคนได้หรือเปล่า แต่…คุณทำให้ผมเชื่อคุณได้จริงๆ!”
“ขอบคุณนะคะ” ดวงตาของถังหนิงเริ่มแดง
ในจังหวะต่อมาทั้งโรงภาพยนตร์ก็กึกก้องไปด้วยเสียงปรบมือ
“คุณก็ทำให้ฉันเชื่อได้เหมือนกันค่ะ!”
“ฉันด้วยค่ะ!”
ตอนนั้นเองที่ถังหนิงลุกขึ้นยืนแล้วหันไปทางผู้ชมก่อนโค้งให้อย่างจริงใจ “การยอมรับของพวกคุณมีความหมายกับฉันมากเลยค่ะ”
“ถ้าเฉียวเซินเห็นสิ่งนี้จากบนสวรรค์ เขาจะต้องดีใจแน่ๆ เลย!”
“หนังเรื่องนี้น่าประทับใจเป็นบ้า!”
“ฉันไม่มั่นใจว่าคนอื่นคิดยังไงนะ แต่ตอนที่มดยักษ์โผล่ขึ้นมาในฉากแรก ฉันก็เริ่มสงสัยว่าคนสร้างจะมาจากฮอลลีวูดหรือเปล่า แต่พอดูต่อฉันก็รู้ว่าไม่ใช่
“ที่ฉันพูดอย่างนี้เพราะฉันทำงานกับทีมงานตัดต่อในฮอลลีวูดมาก่อนน่ะ”
ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่นักวิจารณ์ภาพยนตร์พูดออกมา
“เมื่อก่อนฉันคิดหนักกับหนังที่สร้างในประเทศมากเลยล่ะ เพราะฉันอยากจะเห็นวงการก้าวหน้าไปได้จริงๆ สักที ฉันเลยต้องขอโทษด้วยที่ต่อให้ไม่มีข่าวลือฉันก็ยังจะก้าวเข้ามาในโรงโดยนึกกังขาอยู่ในใจ แต่หลังจากที่ฉันดูหนังของคุณจบอยู่ๆ ก็อยากร้องไห้ออกมา
“คุณทำให้ฉันรู้สึกละอายสุดๆ เลย”
“เราเองก็เหมือนกัน เราต่างอยากให้วงการภาพยนตร์ก้าวหน้า ในขณะที่ฉันกลับทำแค่ตัดสินทุกคน คุณกลับลงมือทำบางอย่างให้เกิดขึ้นจริง
“คุณมาจากการเป็นนางแบบแล้วผันตัวไปเป็นนักแสดงโดยที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน ในขณะที่ฉันขลุกอยู่ในวงการฮอลลีวูดมาตั้งหลายปีโดยที่ไม่มีความตั้งใจจะสร้างหนังของตัวเองขึ้นมาเพราะว่ากลัวเกินไป
“คุณทำให้ฉันอายจริงๆ”
ถังหนิงส่ายหน้า “คุณชมเกินไปแล้วนะคะ!”
“ถ้าคนภายนอกยังต่อว่าคุณด้วยเรื่องที่ไม่เป็นความจริงแล้วมันเกี่ยวกับหนังละก็ ฉันจะเป็นคนแรกที่ก้าวออกมาปกป้องคุณเอง และแน่นอนว่าฉันก็จะคอยติดตามคุณด้วย ถ้าหนังถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ ฉันจะพาทั้งครอบครัวไปดูแน่ๆ วันนี้ฉันมีเรื่องจะบอกแค่นี้แหละ!”
พูดจบชายวัยราวสี่สิบปีก็หันหลังจากไป ทว่าในจังหวะที่เขาเดินออกไป มีใครบางคนเห็นว่าเขาปาดน้ำตาด้วย
จากนั้นผู้คนจึงเริ่มตามหาว่าชายคนนี้คือใคร ก่อนจะพบว่าแท้จริงเขาเป็นคนที่ทำงานในวงการฮอลลีวูดมานานหลายปี และเมื่อก่อนยังเคยปรากฏตัวในนิตยสารไทม์อีกด้วย!
ในอีกทางหนึ่งผู้ชมที่ได้ดูในรอบทดลองฉายต่างรู้สึกโล่งอก แม้ว่าพวกเขาจะยังระทึกใจกับภาพยนตร์ไม่หาย อย่างน้อยพวกเขาก็ได้รู้แล้วว่ามดราชินีไม่ได้ทำให้ผิดหวัง รวมถึงถังหนิงด้วยเช่นกัน
ไม่นานหลังจากนั้นโรงภาพยนตร์ก็ว่างเปล่า…
บรรดานักข่าวออกันอยู่ด้านนอก รอที่จะได้ยินทุกคนเยาะเย้ยถากถางถังหนิง
เมื่อใครบางคนก้าวออกมาพวกเขาก็กรูเข้าล้อมทันที
แน่นอนว่าเป็นนักวิจารณ์ภาพยนตร์ซึ่งเพิ่งพูดคุยอย่างเปิดอกกับถังหนิงที่ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อม “ตอนนี้หลังจากดูหนังจบแล้ว คุณช่วยแสดงความเห็นเรื่องข่าวลือที่ถังหนิงโกหกว่าสร้างหนังภายในประเทศได้ไหมคะ”
“ที่เธอบอกว่าสร้างขึ้นในประเทศมันผิดตรงไหนกันล่ะครับ” เขาสวนกลับ
“ช่างเทคนิคพิเศษชั้นแนวหน้าออกมาพิสูจน์แล้วว่าเธอโกหกนะคะ เขาบอกว่าถังหนิง…”
“ชั้นแนวหน้าเหรอ เขาอยู่ในวงการมานานแค่ไหนกันล่ะ” เขาถามกลับ “บอกเขาด้วยว่าถ้าเขากล้ามายืนต่อหน้าผมแล้วบอกว่าตัวเองอยู่ชั้นแนวหน้า อย่างนั้นผมถึงจะตอบคำถามของพวกคุณ”
“คุณกำลังจะบอกว่าถังหนิงไม่ได้โกหกเหรอคะ”
“เธอมีเหตุผลอะไรต้องโกหกล่ะ เธอไม่ได้เป็นที่สนใจหรือจะขายตั๋วไม่ได้หรือยังไงครับ”
“เอ่อ…”
“นี่แม่หนู ในฐานะผู้สื่อข่าว น่าจะมองโลกในแง่ดีแล้วชื่นชมถังหนิงให้มากกว่านี้ แทนที่จะเอาแต่หาเรื่องซุบซิบนินทานะ” เขาว่าเข้าให้ก่อนจะเดินจากไป ในขณะที่ผู้สื่อข่าวยังงุนงงกับคำตอบของเขา
ตอนนั้นเองที่นักข่าวยังไม่รู้ตัวว่าพวกเขาเพิ่งตั้งคำถามกับใครไป
พวกเขารู้เพียงว่าคนที่คิดว่าจะออกมาจากโรงภาพยนตร์พร้อมความไม่พอใจนั้นไม่ได้มีท่าทีอย่างที่คาดการณ์เอาไว้
ดังนั้นในขณะที่ข่าวลือของถังหนิงได้รับความสนใจสูงสุด การทดลองฉายของมดราชินีก็ได้สิ้นสุดลง
อย่างไรก็ตามไม่มีใครออกมาให้ความเห็นว่ามันดีหรือไม่
ทุกคนเพียงแค่มีสีหน้าแปลกๆ หมายความว่าภาพยนตร์ออกมาห่วยอย่างนั้นเหรอ
ไม่ใช่…
เพราะมีแฟนๆ ผู้โชคดีไม่กี่คนที่ได้ร่วมการทดลองฉายออกมาเปิดเผย “หนิงของฉันสุดยอดเป็นบ้า! นี่เป็นหนังไซไฟที่ดีที่สุดที่ฉันเคยดูมาเลย พอดูจบแล้วมีนักวิจารณ์หนังคนหนึ่งที่เคยทำงานในฮอลลีวูดชมถังหนิงด้วยล่ะ”
“โคตรดีเลย! หนิงของฉันยอดเยี่ยมที่สุด!”
อย่างไรก็ตามแฟนๆ ก็มักจะพูดเข้าข้างอยู่แล้ว คนที่ติดตามเรื่องนี้จึงคิดว่าพวกเขาพูดเกินจริง ที่พูดถึงฮอลลีวูดและได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์ก็แค่สร้างเรื่องมาอวดเท่านั้น
ใครจะไปเชื่อคำพูดของพวกแฟนคลับกัน
หากศิลปินที่พวกเขารักบอกให้ไปตาย พวกเขาก็คงจะทำตามด้วยซ้ำ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่คำพูดของเขาจะเชื่อถือไม่ได้
[พอได้แล้วน่า ต่อให้ถังหนิงกินขี้ แฟนๆ ก็คงยังบอกว่ามันสุดยอดอยู่ดี!]
[คนพวกนี้จะโอ้อวดเกินไปแล้ว! คำพูดของพวกเขามันเกินจริงไปเยอะเลย!]
[ฉันพนันว่ามันต้องไม่มีอะไรดีแน่! คนบอกว่ามีคนจากฮอลลีวูดช่วยไม่ใช่เหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมฉันไม่ไปดูหนังฮอลลีวูดจริงๆ แทนซะเลยล่ะ]
ในโลกออนไลน์หลายคนเยาะเย้ยความเห็นจากแฟนๆ ของถังหนิงชวนให้พวกเขานึกไม่พอใจ
อย่างไรก็ตามไม่นานหลังจากนั้นบทวิจารณ์แรกอย่างเป็นกิจจะลักษณะของ มดราชินี ก็ได้ปรากฏขึ้นในโลกออนไลน์
ความจริงดูเหมือนว่าไม่ใช่ไม่มีใครอยากวิจารณ์ พวกเขาเพียงแค่ต้องการเวลาในการทบทวนอย่างรอบคอบ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงรู้สึกเหมือนทำให้ความตั้งใจและทุ่มเทของถังหนิง รวมถึงความยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์ต้องเสียเปล่า!
“ผมต้องยอมรับว่ามดราชินีเป็นหนังในประเทศที่ดีที่สุด ถ้าคุณไม่เห็นด้วยก็เงียบปากไปซะเถอะ!
“ทำไมผมถึงเลือกที่จะตอบโต้หลังจากดูหนังจบมาแล้วตั้งหลายชั่วโมงน่ะเหรอ เพราะผมรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองเขียนมันยังจริงใจไม่พอยังไงล่ะ ผมต้องขอโทษทีมงานมดราชินี โดยเฉพาะเฉียวเซินซึ่งจากไปเพราะหนังเรื่องนี้!
“ดังนั้นหลังจากที่กลับมาถึงบ้าน ผมก็ได้แต่นั่งเหม่ออยู่หน้าจอคอมอยู่นาน และมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่ที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ก็รู้สึกแบบเดียวกัน!
“ก่อนจะได้ดูมดราชินีจริงๆ ผมรู้สึกบอกไม่ถูกเลยล่ะ ประกอบกับข่าวฉาวที่ว่าถังหนิงโกหกและเธอใช้คนจากฮอลลีวูดมาช่วยทำเทคนิคพิเศษให้ ผมคิดจริงๆ ว่ามันคงจบเห่แล้ว หนังเรื่องนี้ต้องพังแน่ๆ
“แต่หลังจากดูจบผมก็อยากจะตบหน้าตัวเอง!”