บทที่ 63 ความโกรธของเยี่ยมบุญ

รักหวานอมเปรี้ยว

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เยี่ยมบุญกลับมาถึงตระกูลภักดีพิศุทธิ์

พ่อบ้านรีบเข้ามาต้อนรับ เยี่ยมบุญยื่นเสื้อสูทให้ “คุณนายกับคุณหนูล่ะ”

“คุณนายกับคุณหนูอยู่ในห้องครับ” พ่อบ้านเอาเสื้อพาดที่แขนและตอบ

เยี่ยมบุญตอบรับ และเดินขึ้นไปข้างบน

ข้างบนห้อง คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กับส้มเปรี้ยวนั่งอยู่ปลายเตียง กำลังก้มหน้าดูอัลบั้ม

ส้มเปรี้ยวชี้ไปบนรูปของตัวเอง “แม่ยังจำรูปนี้ได้ไหม”

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ลูบผมยาวของลูกสาวอย่างเอ็นดู “จำได้สิ นี่เป็นรูปตอนลูก 6 ขวบ แม่จำได้ตอนนั้นลูกเล่นซ่อนแอบ แม่หายังไงก็หาไม่เจอ ตกใจแทบแย่ นึกว่าลูกหายตัวไปแล้ว สรุปลูกไปแอบหลับอยู่บนห้องใต้หลังคา”

“หนูรู้ ตอนที่หนูตื่น แล้วลงมาข้างล่าง เห็นแม่กำลังร้องไห้ แถมยังแจ้งตำรวจด้วย” ส้มเปรี้ยวพูดย้อนไปวัยเด็ก

รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เริ่มหายไป ในแววตามีความเคียดแค้น

หาลูกไม่เจอ เธอจะไม่ร้องไห้ ไม่แจ้งตำรวจได้เหรอ เพราะตอนนั้น เธอคิดว่าลูกสาวโดนไตรภูมิลักพาตัวไปแล้ว

แต่ยังดีที่สุดท้าย ก็แค่คิดไปเองเท่านั้น

ส้มเปรี้ยวเปิดอัลบั้มรูปหน้าต่อไป จู่ๆ ก็มีรูปใบเก่าจนสีออกเหลือง หล่นจากอัลบั้มและตกลงไปบนพื้น

เธอก้มลงไปหยิบ ในรูปเป็นทารกคนหนึ่ง น่าจะอายุไม่กี่เดือน กำลังอ้าปากยิ้ม น่ารักมาก แค่เห็นก็รู้สึกชอบแล้ว

แต่ไม่รู้ทำไม ส้มเปรี้ยวกลับไม่ชอบแม้แต่น้อย กลับกัน เธอรู้สึกต่อต้านทารกในภาพ จนเรียกว่าเกลียดเลยก็ว่าได้

แต่เธอไม่ได้แสดงออกมา และเอารูปให้คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ เธอยิ้มแล้วพูดว่า “แม่ นี่พี่สาวเหรอ”

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ลูบรูปลูกสาวคนโตในภาพ เธอพยักหน้าด้วยตาที่เปียกชื้น “ใช่ นี่ชวนชม พี่สาวของลูก”

ส้มเปรี้ยวเห็นความคิดถึงที่แม่มีให้เด็กน้อยคนนี้ เธออดไม่ได้ที่จะอิจฉาขึ้นมาในใจ

เธอเอารูปกลับมา และสอดเข้าไปในอัลบั้มภาพ

จากนั้นจึงประคองแขนของแม่ และพิงหัวบนไหล่ของแม่ เธอพูดอย่างออดอ้อนว่า “พอแล้วแม่ ทุกครั้งที่พูดถึงพี่ แม่จะเศร้าทุกที เพราะฉะนั้นเราจะไม่พูดถึงพี่อีก หนูว่าพี่ก็คงไม่อยากเห็นแม่ทุกข์ใจ”

คิดไม่ถึงว่าคนตาย จะมาแย่งความสนใจของแม่ไปจากเธอได้

ไม่มีทาง!

“โอเค ไม่พูดแล้วๆ” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่รู้จุดประสงค์ของส้มเปรี้ยว เข้าใจว่าลูกสาวเป็นห่วงเธอ จึงยิ้มและพูดอย่างเอ็นดู

ขณะนั้น ประตูห้องถูกเปิดออก เยี่ยมบุญเดินหน้าดำคล้ำเครียดเข้ามา

ส้มเปรี้ยวเห็นเขา เธอปล่อยมือจากแม่ และโบกมือให้เขา “พ่อ”

แต่ทว่าเยี่ยมบุญมองเธอด้วยสายตาราบเรียบ และไม่แยแสเธอ

ส้มเปรี้ยวอึ้งไป จากนั้นจึงกัดปากอย่างน้อยใจ “หนูทำอะไรผิดเหรอพ่อ”

“ใช่ที่รัก” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มองสามีตัวเองอย่างไม่พอใจ “คุณเย็นชาใส่ลูกทำไม ลูกไม่ได้ทำอะไรให้คุณสักหน่อย”

“ใครบอกว่าไม่ได้ทำอะไรให้ผม คุณถามมันสิว่าไปทำอะไรมา!” เยี่ยมบุญชี้ไปที่ส้มเปรี้ยว

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์รีบมองส้มเปรี้ยว

ส้มเปรี้ยวมีสีหน้างุนงง

เยี่ยมบุญเห็นว่าเธอยังไม่เข้าใจ จึงไม่รอช้า และพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ฉันรู้เรื่องที่แกทำร้ายมายมิ้นท์ที่รีสอร์ทแล้ว”

แววตาของส้มเปรี้ยวลุกลี้ลุกลน “พ่อรู้ได้ยังไง”

“ฉันรู้ได้ยังไงเหรอ” เยี่ยมบุญส่งเสียงหึออกมา “ผู้หญิงคนนั้นตอกหน้าฉัน ด้วยการโพสต์โฉนดที่ดินในโซเชียล ฉันจะไม่รู้ได้ไง ดูแกสิ จะจัดการคนอื่น แต่โดนคนอื่นเล่นงานแทน โดนชดใช้ด้วยที่ดิน แกนี่มัน……”

เขาโกรธจนพูดคำสุดท้ายไม่ออก

ส้มเปรี้ยวก้มหน้าอย่างรู้ความผิด

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กอดเธออย่างเจ็บปวดใจ เธอพูดโทษสามีตัวเอง “พอแล้วๆ ก็แค่ที่ดินผืนเดียว คุณจะดุลูกทำไม”

ก็แค่ที่ดินผืนเดียวงั้นเหรอ

เยี่ยมบุญได้ยินสิ่งที่ภรรยาพูด เขาโกรธจนตัวสั่น “คุณรู้ไหมว่าที่ดินผืนนั้น สำคัญกับผมขนาดไหน เราลงทุนไปแล้ว รอแค่ให้เปอร์เอาโฉนดให้เรา ก็สามารถเริ่มงานได้ แต่ตอนนี้ไม่มีที่ดินแล้ว โปรเจคทั้งหมดก็ต้องชะงักลง สิ่งที่ขาดทุนไป เราชดใช้ไม่ไหวหรอก!”

สองสามปีมานี้ เอสซีกรุ๊ปค่อยๆ ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้นเขาจึงอยากสร้างเขตคฤหาสน์แห่งแรก ให้เอสซีกรุ๊ปกลับไปอยู่ในช่วงที่รุ่งโรจน์อีกครั้ง

แต่ทว่าตอนนี้ กลับไม่เหลืออะไรแล้ว

ส้มเปรี้ยวไม่รู้เรื่องในวงการธุรกิจ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่าปัญหาใหญ่แค่ไหน เธอลุกขึ้นพูดเนิบๆ “เปอร์บอกว่าจะเอาที่ดินตรงภาคเหนือให้พ่อ”

เยี่ยมบุญเกือบจะเป็นลมหงายหลัง “ที่ดินตรงภาคเหนือทำอะไรได้ อยู่เขตชานเมือง ฉันสร้างคฤหาสน์ตรงนั้น จะมีใครมาซื้อ ขายไม่ออก ผลมันก็เหมือนกัน!”

หนักหนาขนาดนี้เลยเหรอ

ส้มเปรี้ยวตื่นตระหนก “พ่อ……”

“อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ” เยี่ยมบุญโกรธจนพลั้งปากพูดออกมา “ทุกครั้งที่จัดการคนอื่น กลับโดนคนอื่นเล่นงาน และหาผลประโยชน์ ครั้งนี้แกทำให้ตระกูลภักดีพิศุทธิ์ และเอสซีกรุ๊ปอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก โง่ขนาดนี้ ถึงไม่ใช่ลูก……”

“ที่รัก!” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์รีบพูดขัดเขา

เยี่ยมบุญนึกขึ้นมาได้ เขาเกือบจะพลั้งปากพูดออกไป เขารีบหุบปาก ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงพูดว่า “สรุปว่าช่วงนี้ แกใช้วิธีจับเปปเปอร์ให้ได้ก็พอ เรื่องมายมิ้นท์ ฉันจัดการเอง แกห้ามทำอะไร หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนเล่นงานอีก ได้ยินหรือยัง”

ส้มเปรี้ยวหลุบตาลง “เข้าใจแล้วค่ะ”

เยี่ยมบุญไม่พูดอะไรอีก จากนั้นจึงเดินฟึดฟัดออกไป

เมื่อเขาออกไป ส้มเปรี้ยวดึงแขนคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เอาไว้ “แม่ ที่พ่อพูดเมื่อกี้หมายความว่าอะไร ไม่ใช่ลูกอะไรเหรอ”

มีเสียงหนึ่งกำลังบอกเธอในใจ เธอต้องรู้ประโยคนี้ให้ได้

มิฉะนั้นเธอต้องรับผลของมันไม่ได้อย่างแน่นอน

แววตาของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์วูบไหว แต่ไม่นานเธอก็ตั้งสติได้ เธอยิ้มและจับผมของส้มเปรี้ยว “ไม่มีอะไรหรอก พ่อก็พูดไปเรื่อย อย่าไปสนใจเลย ลูกพักก่อนเถอะ คืนนี้ต้องออกไปกินข้าวกับเปปเปอร์ไม่ใช่เหรอ แม่จะไปง้อพ่อของลูกก่อน”

พูดจบ เธอจึงเดินออกไป

ส้มเปรี้ยวมองไปยังประตู แววตาของเธอดูไม่เข้าใจ

ในเมื่อแม่ไม่บอกเธอ งั้นเธอจะสืบเอง เธอจะต้องสืบให้ได้

ส่วนมายมิ้นท์ ครั้งก่อนทำให้มันตายไม่ได้ จนมันรอดมาได้ ครั้งหน้ามันไม่โชคดีอย่างนี้แน่!

……

เทนเดอร์กรุ๊ป มายมิ้นท์กับลาเต้ เพิ่งเลิกประชุม และกำลังเดินออกจากห้องประชุม ซินดี้เข้ามาขวางหน้าทั้งสองคน

เธอลอบมองลาเต้ก่อน หลังจากซ่อนความรู้สึกในแววตา เธอจึงรายงานมายมิ้นท์ด้วยสีหน้าจริงจัง “ประธานมายมิ้นท์คะ เอสซีกรุ๊ปเพิ่งโทรมา บอกว่าประธานเยี่ยมบุญต้องการพบคุณค่ะ”

“เยี่ยมบุญต้องการพบฉันเหรอ” มายมิ้นท์เลิกคิ้วขึ้น

“ใช่ค่ะ ตอนนี้เขากำลังมาค่ะ”

ลาเต้แสยะยิ้ม “ที่รัก เขาไม่ยอมให้เธอมีโอกาสได้ปฏิเสธเลย ใช่สิ เขาบอกไหมว่าจะมาพบที่รักทำไม”

“ไม่ได้บอกค่ะ” ซินดี้ส่ายหน้าและพูดตอบ น้ำเสียงดูอ่อนโยนกว่าตอนที่พูดกับมายมิ้นท์เล็กน้อย

แต่ทั้งสองคนฟังไม่ออก

มายมิ้นท์พยักหน้า “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็เจอสิ เลขาซินดี้ เธอไปชงชาก่อน”

“ได้ค่ะ” ซินดี้พยักหน้า

มายมิ้นท์กับลาเต้เดินไปที่ห้องทำงาน

ระหว่างทาง ลาเต้ลูบคางและกำลังเดา “เยี่ยมบุญมาหาเธอ คงไม่ใช่เพราะเรื่องที่ดินผืนนั้นใช่ไหม”

“น่าจะใช่เรื่องนี้ นอกจากเรื่องนี้ ฉันว่าน่าจะไม่มีเหตุผลอื่นนะ” มายมิ้นท์ผลักประตูห้องทำงาน

ลาเต้เดินตามหลัง และปิดประตูลง “ฉันว่า แปดสิบเปอร์เซ็นต์ เขาต้องมาเอาที่ดินกลับแน่”

มายมิ้นท์ยิ้ม เธอกำลังจะพูด เลขาซินดี้แง้มประตู และโผล่หน้าเข้ามา “ประธานมายมิ้นท์ ประธานลาเต้ ประธานเยี่ยมบุญมาแล้วค่ะ”