“ห้ะ”

ได้ยินดังนั้นเฉ่าซือไห่กับเฉ่าปิงต่างพากันอึ้ง

พวกเขามาจินหลิงก็เพื่อให้แก๊งฟ้าดินช่วยชิงหู้ไห่คืน

แต่ตอนนี้เฉินป้าเซียนจะให้สี่ตระกูลใหญ่เป็นเจ้าถิ่นในหู้ไห่

แล้วพวกเขามาที่นี่ทำไม?

มาปูทางให้คนอื่นเหรอ?

เฉ่าซือไห่ทำหน้ากลัดกลุ้ม“ท่านบอสครับ……”

เฉินป้าเซียนโบกมือ“เฉ่าซือไห่อย่าได้กังวลไปฉันก็แค่ใช้กลถ่วงเวลาทหารเท่านั้นฉันจะให้สี่ตระกูลใหญ่สู้กับสำนักหงก่อนถึงเวลานั้นพวกเราก็แค่นั่งเก็บผลประโยชน์ฉันจะช่วยแก๊งเขียวของพวกนายชิงหู้ไห่กลับมาเอง”

ได้ยินดังนั้นเฉ่าซือไห่ก็ใบ้กิน

เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลานั้นเฉินป้าเซียนจะรักษาคำพูด?

แต่เรื่องมาถึงตรงนี้เขายังพูดอะไรได้อีก?

เมื่ออยู่ใต้ร่มเงาคนอื่นจำต้องยอมก้มหัวเป็นธรรมดา

เห็นเฉ่าปิงไม่พูดจาเฉินป้าเซียนก็หัวเราะเสียงเย็น“ทำไมเหรอ?นายไม่อยากทำงานให้ฉันเหรอ?”

เฉ่าปิงลังเลชั่วครู่“ท่านบอสครับผมไม่ค่อยมีความสามารถเกรงว่าจะทำให้ท่านผิดหวังครับ”

หู้ไห่ในตอนนี้ไม่ใช่ใต้หล้าของแก๊งเขียวอีกต่อไป

แต่เป็นของสี่ตระกูลใหญ่และสำนักหง

นายน้อยแก๊งเขียวอย่างเขาเดินทางไปยังหู้ไห่ไม่เท่ากับการแกว่งเท้าหาเสี้ยนรนหาที่ตายหรอกหรือ?

เมื่อพินิจความคิดของเฉ่าปิงได้เฉินป้าเซียนก็ยิ้มเจือจาง“นายวางใจเถอะฉันไม่ให้นายไปคนเดียวหรอกเจ้าเงา!”

เมื่อสิ้นเสียง

ก็มีผู้ชายดวงตารูปสามเหลี่ยมเดินออกมาจากมุม

เจ้าเงากล่าวอย่างนอบน้อม“ท่านบอส”

เฉินป้าเซียนมองเขาพร้อมกับเอ่ยว่า“นายไปคุ้มครองเฉ่าปิงที่หู้ไห่”

เจ้าเงาพยักหน้าหงึกงัก“ครับท่านบอส”

จากนั้นเฉินป้าเซียนก็มองไปยังเฉ่าปิง“เมื่อมีเจ้าเงาปกป้องนายนายคงหายห่วงแล้วใช่ไหม?ถ้านายทำภารกิจนี้เสร็จฉันจะให้นายเป็นรองหัวหน้าแก๊งเขียว!”

ได้ยินดังนั้นเฉ่าปิงก็เบิกบานยิ่งนัก“ขอบคุณครับบอส”

ถึงแม้เขาจะเป็นนายน้อยแห่งแก๊งเขียว

แต่ก็ไม่เคยมีตำแหน่งในแก๊งเขียวเลย

ถ้าได้เป็นรองหัวหน้าแก๊งเขียวมันเท่ากับมีอำนาจเหนือผู้คนมากมายไม่ใช่หรือ?

เฉ่าซือไห่ที่อยู่ด้านข้างอึ้งหนักมาก

เขาในฐานะหัวหน้าแก๊งเขียวไม่ได้พูดอะไรเฉินป้าเซียนก็แต่งตั้งลูกชายของเขาเป็นรองหัวหน้าซะแล้ว?

ชั่วพริบตาเดียวเฉ่าซือไห่ก็รู้สึกเดือดดาลยิ่ง

เฉินป้าเซียนทำแบบนี้เท่ากับเห็นเขาเป็นหมาหัวเน่าเลยนะ?

และยังยุ่งแยงความสัมพันธ์สองพ่อลูกพวกเขาอย่างโจ่งแจ้งด้วย

หากเฉ่าปิงเป็นรองหัวหน้าแก๊งเขียวแล้วเขาในฐานะหัวหน้าจะไปอยู่ไหน?

เฉินป้าเซียนมองเฉ่าซือไห่ที่หน้าดำคล้ำเครียดมุมปากพลันเผยรอยยิ้มเย็นออกมา

เขาทำแบบนี้ก็เพื่ออยากทำให้แก๊งเขียวแตกแยก

ถึงเวลานั้นเขาไม่เพียงแต่จะเอาหู้ไห่เท่านั้นเขายังเอาแก๊งเขียวด้วย!

วันต่อมา

งานประลองบู๊ก็เริ่มขึ้น

เขาจื่อจิน

ภูเขาที่สูงที่สุดในจินหลิง

ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญ

เพราะสำนักงานใหญ่ของแก๊งฟ้าดินสร้างบนยอดเขาจื่อจิน

เวลาเช้าตรู่

หลังจากหยางเฟิงกับเย่เมิ่งเหยียนตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินออกจากโรงแรมจากนั้นก็เตรียมโบกรถไปยังเขาจื่อจิน

“คุณหยางครับเตรียมรถเพื่อพวกคุณเรียบร้อยแล้วครับ”

พร้อมกันนั้นเฉินตงก็เปิดประตูรถจากนั้นก็ก้าวลงจากรถบูกัตติเวย์รอนก่อนจะกล่าวด้วยความนอบน้อม

หยางเฟิงมองเฉินตงปราดหนึ่งไม่ได้เล่นตัวพาเย่เมิ่งเหยียนขึ้นรถไปด้วยกัน

เมื่อขึ้นมาในรถหยางเฟิงก็ถามว่า“เฉินตงนายรู้ไหมว่างานประลองบู๊ครั้งนี้เชิญนักบู๊จากที่ไหนมาบ้าง?”

เฉินตงที่อยู่ตำแหน่งคนขับพูดอย่างนอบน้อมว่า“คุณหยางครับครั้งนี้แก๊งฟ้าดินเชิญนักบู๊ทุกคนในภาคใต้เลยครับโดยจะมีสองสำนัก(ใหญ่) แปดสำนัก(ย่อย) สิบสามสำนัก(พรรค)”

หยางเฟิงถามด้วยความสนใจ“อะไรคือสองสำนัก(ใหญ่) แปดสำนัก(ย่อย) สิบสามสำนัก(พรรค)?”

เฉินตงอธิบาย“สองสำนัก(ใหญ่) มีสำนักมังกรพยัคฆ์กับสำนักหลิงหลงซึ่งเป็นสองสำนักที่แกร่งที่สุดในบรรดาสำนักส่วนแปดสำนัก(ย่อย) นั่นมีสำนักไท่จี๋ สำนักเฟิงหยู สำนักสื้อเซี่ยง……และสำนักปาจี๋……”