ภาคที่ 2 บทที่ 138 ตีจนตาย

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 138 ตีจนตาย

 

 

สว่านทะลวงเกราะทะลวงหมัดปาเอ่อร์คล้ายปลายหอกทิ่มเข้ากลางลำต้นต้นไม้ แยกแขนข้างนั้นของปาเอ่อร์ออกเป็นสองส่วน

 

 

พริบตานั้นแขนของปาเอ่อร์พลันระเบิดออก กลายเป็นเนื้อละเอียดสีแดงฉานกระเด็นไปทั่ว

 

 

ปาเอ่อร์เปล่งเสียงร้องเจ็บปวดโหยหวนออกมา

 

 

รอยอักขระสีเลือดบนร่างเปล่งแสงขึ้นมา คลื่นพลังดุดันพลันระเบิดออกมาในพริบตา มันซัดเข้าใส่ซูเฉินและจ้าวซินพร้อม ๆ กับส่งร่างคนทั้งคู่กระเด็นไป

 

 

กระทั่งในหมู่เผ่าคนเถื่อนเองก็ยังมีคนที่แข็งแกร่งและอ่อนแอ คนเถื่อนผู้นี้ไม่นับว่าอ่อนแอ ด้วยบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้แต่ก็ยังสามารถปล่อยพลังน่าเกรงขามออกได้

 

 

“แกตาย !” ปาเอ่อร์กู่ร้องลั่นแล้วพุ่งใส่ซูเฉิน คว้าขวานรบจากหลังด้วยมือซ้ายแล้วฟันเข้าใส่ซูเฉินทันที

 

 

“ซูเฉิน ระวัง !” จ้าวซินตะโกนบอก

 

 

ซูเฉินสับเท้ากลางอากาศหลายครา หลบการโจมตีนั้นด้วยความคล่องแคล่ว เหยี่ยวเพลิงบังเกิดขึ้นในฝ่ามือข้างขวาก่อนมันจะพุ่งทะยานออกไปปะทะปาเอ่อร์ ส่งเปลวเพลิงโหมทั่วร่างอีกฝ่าย

 

 

อักขระสีเลือดยิ่งส่องสว่างมากกว่าเดิม พละกำลังของปาเอ่อร์ยิ่งพุ่งทะยานขึ้นสูงกว่าเก่า

 

 

คนเถื่อนผู้นั้นราวกับมีคลื่นพลังระเบิดออกจากร่างระลอกแล้วระลอกเล่า กลิ่นอายบ้าคลั่งระเบิดออกมาไม่หยุดหย่อน ขว้างขวานในมือใส่ซูเฉิน ขวานเล่มนั้นเปล่งแสงสว่างจ้าออกมาพร้อมกับปล่อยคลื่นพลังผ่านอากาศ ซูเฉินพลันรู้สึกว่าร่างกายตนเองคล้ายกับถูกหยุดชะงักไว้ ไม่อาจเคลื่อนตัวได้ดั่งใจหวัง

 

 

ขวานเล่มนี้มีความสามารถในการชะลอการเคลื่อนไหวของศัตรูได้

 

 

ซูเฉินถูกคลื่นพลังที่ปล่อยออกจากขวานกดดันไว้ ไม่อาจใช้วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายได้ทันการณ์

 

 

สายตาเขาจับจ้องไปยังขวานที่กำลังหมุนคว้างเข้ามา ชายหนุ่มจึงซัดพลังออกไป

 

 

ดาบอัสนีบาตเริ่มส่องแสง และไม่นานร่างทั้งร่างก็เริ่มเปล่งแสงเรืองสีทองออกมา

 

 

เกราะรบเหล็กกล้า !

 

 

ขวานรบพุ่งเข้ามาโดยแรง มันทรงพลังมากขนาดที่ว่าอากาศโดยรอบตัวขวานบิดเบี้ยวเพี้ยนไป ราวกับจะสามารถเปิดช่องว่างมิติได้ คลื่นพลังดาบอัสนีบาตถูกทำลายไม่เหลือ กระทั่งดาบในมือเขายังแตกเป็นเสี่ยง ๆ คลื่นพลังหลังจากนั้นส่งมากระแทกร่างซูเฉินเข้าอย่างจัง

 

 

ผู้พิทักษ์แห่งเม็กทั้ง 3 ชั้นแตกกระจายในพลัน ก่อนที่การโจมตีนั้นจะกระแทกเข้าใส่อกซูเฉิน เกิดเป็นโพรงแห่งหนึ่งขึ้นบนอก แรงผลักส่งร่างเขากระเด็นไป

 

 

ในตอนที่ร่างอีกฝ่ายกระเด็นไป ร่างปาเอ่อร์เองก็สั่นสะท้านเล็กน้อย

 

 

แม้การโจมตีเมื่อครู่ของปาเอ่อร์จะดุดันนัก แต่เขาก็ใช้พลังไปมาก หลังจากซัดการโจมตีออกไป อักขระบนร่างก็เริ่มจางลงอย่างเห็นได้ชัด

 

 

ซูเฉินค่อย ๆ ลุกขึ้นมาแล้วลูบอกตน เงยหน้าจ้องมองปาเอ่อร์แล้วเอ่ยขึ้น “เจ้ามีท่าขวานเพียงสามท่าหรือ ?”

 

 

“ไอ้บัดซบ หัวหดคิดแต่ลอบโจมตี !” ปาเอ่อร์คำรามลั่น

 

 

“เจ้าผิดที่โง่เอง รู้ทั้งรู้ว่ามีคนอยู่อีกคน แต่ก็ยังไม่ระวังตน” ซูเฉินโต้กลับ

 

 

ระเบิดเหยี่ยวเพลิงอีกลูกก่อร่างขึ้นในมือ

 

 

เมื่อกำลังจากอักขระเริ่มจางลง ความเร็วของปาเอ่อร์ก็ลดลงจนด้อยกว่าซูเฉิน เพียงระเบิดเหยี่ยวเพลิงลูกหนึ่งก็สามารถสังหารเขาได้

 

 

แต่เป็นตอนนั้นเองที่จ้าวซินพลันร้องขึ้นเสียงค่อนข้างแตกตื่น “มีอีกคนกำลังมา ! ซูเฉิน ท่านเร่งมือหน่อย มีเผ่าคนเถื่อนอีกคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ กำลังเร่งฝีเท้ามาสุดกำลัง บัดซบ มันเร็วนัก !”

 

 

เวรเอ๊ย !

 

 

ซูเฉินรู้ว่าสถานการณ์เริ่มส่อไปในทางไม่ดี เผ่าคนเถื่อนที่ผ่านทางมาคนนั้นคงจะได้ยินเสียงการต่อสู้และรีบรุดมาเป็นแน่ เคราะห์ไม่ดีที่การโจมตีเช่นนี้สังเกตเห็นได้ง่ายดาย แม้อยู่ไกลก็มองเห็นได้ชัดเจน เผ่าคนเถื่อนคนใดผ่านมาคงไม่ปล่อยผ่านไปแน่

 

 

“ทำอย่างไรดี ?” น้ำเสียงจ้าวซินเจือความไม่สบายใจ

 

 

หากคนเถื่อนเพียงคนเดียวยังรับมือได้ยากเย็นเช่นนี้ แล้วถ้าอีกคนหนึ่งเข้ามาเล่า ?

 

 

ซูเฉินถอนใจ “ข้าคิดว่าคงต้องใช้เจ้านี่แล้ว”

 

 

ปาเอ่อร์ที่เห็นว่าตนกำลังจะมีกำลังเสริมเข้ามาช่วยเหลือจึงพุ่งเข้าใส่ซูเฉินทันที หากแต่ซูเฉินไม่สนใจเขา กลับดึงยาขวดหนึ่งออกมาจากแหวน

 

 

เขาใช้วิชาหอคอยพิสุทธิ์เคลื่อนกายหลบปาเอ่อร์ จากนั้นดึงยาอีกขวดออกมายกดื่ม

 

 

จากนั้นใช้ก้าวย่างหมอกอสรพิษ ร่างของเขาคล้ายกับจะกลายเป็นควันสลายหายไปในอากาศ ดึงยาขวดที่สามออกมาแล้วกระดกลงคอในพลัน

 

 

จ้าวซินมองซูเฉินกระดกยา 5 ขวดลงคอไปในคราเดียวอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตน

 

 

จากนั้นสองสายตาของทั้งมนุษย์ทั้งคนเถื่อนก็สัมผัสได้ว่าพลังของซูเฉินพุ่งสูงขึ้น

 

 

แสงสีแดงเริ่มเปล่งออกจากร่างซูเฉิน ส่งผลให้ร่างกายเขาแผ่กลิ่นอายกดดันรุนแรงออกมา

 

 

โพรงบนอกที่ปาเอ่อร์ทิ้งไว้เมื่อก่อนหน้าก็เริ่มฟื้นตัวจนเกือบเห็นได้ว่าแผลประสานตัวกันด้วยตาเปล่า

 

 

ปาเอ่อร์เห็นแล้วชะงักไป

 

 

ซูเฉินเอ่ยเสียงขรึม “ประมือกันสนุกหรือไม่ ? รับหมัดนี้ไปเสีย !”

 

 

จากนั้นหมัดหนึ่งก็ส่งมา

 

 

“อ๊ากกกก !”

 

 

ปาเอ่อร์คำรามลั่นแล้วพุ่งเข้ามารับหมัดนั้น เขารู้ดีว่านี่เป็นจังหวะสำคัญ อักขระทั่วร่างเขาเปล่งแสงขึ้นมา ส่งกลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

 

 

เป็นตอนนั้นเองที่ซูเฉินส่งหมัดหนึ่งออกไป

 

 

ตู้ม !

 

 

หมัดเหล็กทะลวงผ่าอกปาเอ่อร์ สร้างรูใหญ่ขึ้นบนอกอีกฝ่าย พลังรุนแรงยังคงแล่นอยู่ภายในรูบนอกนั้นต่อไป จากนั้นก็เกิดระเบิดแสงขึ้น

 

 

ครั้งนี้ไม่ใช่สว่านทะลวงเกราะ แต่เป็นหมัดที่รวมกำลังทั้งหมดในร่างเขาแล้วปล่อยออกมา แต่ผลลัพธ์คืออีกฝ่ายบาดเจ็บหนักนัก กระทั่งจ้าวซินยังตกตะลึงไป

 

 

ปาเอ่อร์ร่างซวนเซไปเล็กน้อย พลังชีวิตอันกล้าแข็งของเผ่าคนเถื่อนทำให้เขายังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ยังไม่สิ้นใจ แม้จะบาดเจ็บหนักถึงขั้นนี้ แต่ด้วยร่างที่มีหัวใจสองดวง หากดวงหนึ่งถูกทำลายไป อีกดวงหนึ่งก็ยังคงใช้งานต่อไปได้

 

 

คนเถื่อนเงื้อขวานขึ้นอีกครา

 

 

ซูเฉินรุดหน้าเข้ามา ส่งหมัดเข้าใส่ข้อมือซ้ายของปาเอ่อร์ ข้อมือของอีกฝ่ายพลันแตกกระจาย ขวานรบร่วงลงพื้น ซูเฉินพุ่งเข้าไปอีกราวกับลมกรดก่อนจะส่งลูกเตะเข้าที่หน้าผากปาเอ่อร์

 

 

เกิดเสียงกร๊อบดังขึ้น คอปาเอ่อร์หัก ณ จังหวะนั้น หัวห้อยลงมา แสงบนร่างมอดดับลงจนหายไปในที่สุด

 

 

“ไม่ !” ที่ด้านหลังมีเสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้น

 

 

กำลังเสริมฝั่งปาเอ่อร์เพิ่งจะมาถึง แต่กลับทันเห็นเพียงภาพที่ปาเอ่อร์สิ้นใจอยู่แทบเท้าซูเฉินเท่านั้น

 

 

อักขระบนขาทั้งสองข้างของเขาพลันเปล่งแสง เผ่าคนเถื่อนผู้นั้นกระโจนเข้ามาแล้วรวบรวมพลังไปยังขวานรบในมือ ซูเฉินถูกตรึงให้อยู่กับที่อีกครา เขาไม่อาจหลบหนีไปได้

 

 

แต่ชายหนุ่มเองก็ไม่คิดหลบตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

 

 

เขาหยิบขวานรบของปาเอ่อร์ขึ้นมาประจันหน้าเข้ากับเผ่าคนเถื่อนอีกคนหนึ่ง ขวานในมือเขาเริ่มส่งคลื่นพลังออกมา

 

 

ตู้ม !

 

 

คลื่นพลังดุดันของอีกฝ่าย ยามปะทะกับขวานของซูเฉินก็ถูกลบล้างไปสิ้น พริบตาเดียวจ้าวซินก็ถูกแรงพลังจากการปะทะกระแทกร่างจนกระเด็นไป

 

 

ระหว่างที่ร่างกระเด็นไป เขาเห็นว่าขวานรบของทั้งสองฝ่ายกระเด็นออกไปทั้งคู่ ซูเฉินปล่อยหมัดออกไปเกือบร้อยหมัดพร้อมเสียงกู่ร้องลั่น ฉับพลันใช้เกราะรบเหล็กกล้าและดาบอัสนีบาต เกิดเสียงสายฟ้าฟาดดังสนั่น แสงวาบจ้าส่องทั่วบริเวณ พวกมันพากันซัดใส่ร่างศัตรูราวกับบังเกิดพายุใหญ่ก็มิปาน

 

 

“อ๊ากกก !”

 

 

หลังจากส่งเสียงร้องลั่น เผ่าคนเถื่อนผู้นั้นก็กระเด็นไป

 

 

พุ่งเข้ามาแล้วก็ถูกซัดกระเด็นกลับไปทันควัน

 

 

“เป็นไปไม่ได้ !” เผ่าคนเถื่อนตะโกนลั่นขึ้นแล้วพุ่งเข้ามา

 

 

เขาไม่อาจเชื่อได้ว่ามนุษย์ธรรมดาจะสามารถรับมือกับเขาได้

 

 

“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ !” ซูเฉินตะโกนขึ้น จากนั้นร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นมันวาวคล้ายโลหะ ก่อนหน้านี้ที่เขาเปิดใช้เกราะรบเหล็กกล้า ความเร็วของเขาคล้ายกับจะถูกกดไว้ หากแต่ในตอนนี้คล้ายกับแรงกดดันนั้นพลันหายไป ร่างของเขาวาบหายไปในพริบตา เร็วจนยากจะเชื่อว่าคนที่มีพลังเพียงด่านก่อเกิดลมปราณจะสามารถทำเช่นนี้ได้

 

 

สว่านทะลวงเกราะ !

 

 

ซูเฉินดึงไพ่ตายออกมาใช้อีกครา

 

 

อักขระบนร่างเผ่าคนเถื่อนส่องสว่างขึ้นอีกครั้ง ทั่วร่างส่องแสงจ้าพร้อมพลังที่พลุ่งพล่านขึ้นไม่หยุด

 

 

หากแต่สิ่งเหล่านั้นกลับไร้ค่าเมื่อซูเฉินได้เพิ่มพลังในร่างตนจนถึงขีดสุดแล้ว !

 

 

ผัวะ !

 

 

อีกฝ่ายถูกซัดจนกระเด็นไปอีกครา

 

 

คนจากเผ่าคนเถื่อน เผ่าที่ขึ้นชื่อเรื่องวิถีการต่อสู้ที่ตรงไปตรงมาไม่ยอมอ่อนข้อโดยง่าย กลับพ่ายแพ้การต่อสู้ที่ใช้เพียงกำลังเพียงอย่างเดียวในครั้งนี้ไป

 

 

ซูเฉินพุ่งเข้าไปอีกครั้ง รัวหมัดนับไม่ถ้วนใส่อีกฝ่าย

 

 

เสียงฟ้าลั่นดังกึกก้อง ราวกับพายุใหญ่กำลังจะเคลื่อนเข้ามา

 

 

เผ่าคนเถื่อนผู้นั้นร้องลั่นตอบพลังซัดอันดุดันของซูเฉิน เปิดใช้อักขระบนร่างจนถึงขีดสุดแล้วซัดหมัดใส่ซูเฉิน แต่ถึงกระนั้นพลังจากอักขระก็ไร้ผล

 

 

ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ความแข็งแกร่ง หรือพลังป้องกัน ซูเฉินในตอนนี้มีไม่ด้อยกว่าเผ่าคนเถื่อนผู้นี้แม้แต่น้อย

 

 

ตู้ม ตู้ม ตู้ม ตู้ม !

 

 

ทั้งสองฝ่ายแลกกระบวนท่ากันนับไม่ถ้วน เผ่าคนเถื่อนสะบัดสะบอมไม่เหลือชิ้นดี แต่ฝ่ายซูเฉินเองก็เริ่มมีบาดแผลบนร่างเช่นกัน

 

 

แต่บาดแผลเหล่านั้นก็เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่หนึ่งก่อนที่มันจะฟื้นฟูและจางหายไป ซูเฉินยังคงพุ่งเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่งราวกับไม่เห็นบาดแผลบนร่างตน ปล่อยหมัดพลังดุดันไม่ยั้งมือ

 

 

บ้าระห่ำ ไร้ความเกรงกลัว ดุดัน และไม่ยอมลงโดยง่าย

 

 

เขาคล้ายกับคนบ้าผู้หนึ่งที่สติขาดสะบั้น ตอนนี้ซูเฉินมีท่าทางดุดันเกรี้ยวกราดกว่าเผ่าคนเถื่อนด้วยซ้ำ !

 

 

เผ่าคนเถื่อนไม่อาจทนรับการโจมตีระรัวเช่นนี้ไหว

 

 

ทวารทั้งหลายเริ่มมีโลหิตหลั่งออกมา ผิวหนังดั่งเหล็กเริ่มไม่อาจทานทนหมัดเหล็กของซูเฉินไหว หัวใจทั้งสองดวงของเขาทนรับบาดแผลไม่ได้อีกต่อไป หากต้องการรอดชีวิตก็คงต้องมีหัวใจใหม่มาให้เปลี่ยนอีกสองดวง

 

 

สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็หยุดนิ่งไป

 

 

ซูเฉินยืนนิ่ง ส่งสายตาเยียบเย็นจ้องมองคนเถื่อนตรงหน้า

 

 

อีกฝ่ายพ่นเลือดออกมาแล้วถอยหลังไปไม่หยุด

 

 

พลังในร่างของเขาพลันสลายหายไป สำหรับเขาแค่ยังยืนอยู่ได้เช่นนี้ก็นับว่ามหัศจรรย์มากแล้ว

 

 

“เจ้า…… ชนะ……” เขาสำลักเลือดออกมาก่อนร่างจะล้มลง ไม่อาจลุกขึ้นอีกต่อไป