บทที่ 637 ผู้อำนวยการเชิญมาด้วยตัวเอง / บทที่ 638 ทำท่าทางเหมือนเมีย

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 637 ผู้อำนวยการเชิญมาด้วยตัวเอง

วันรุ่งขึ้น กวงเย่ามีเดีย

ก่อนหน้านี้โจวเหวินปินเป็นคนดูแลกวงเย่าทั้งหมด รูปลักษณ์ของศิลปินใหม่ที่ผลักดันออกมาไม่แย่อะไร แต่ทีมสไตล์ลิสต์ต์อ่อนมาก ทำให้ศิลปินขาดเอกลักษณ์ของตัวเอง ดูไปแล้วเหมือนห่อบรรจุภัณฑ์ที่ออกมาจากสายการผลิตเดียวกัน

หลังจากเยี่ยหวันหวั่นเข้ารับตำแหน่ง ก็จัดการปรับทีมสไตล์ลิสต์ใหม่

เยี่ยมู่ฝานถือเอกสารข้อมูลส่วนตัวมาที่แผนกสไตล์ลิสต์ เห็นที่แผนกมีคนมารอสัมภาษณ์ไม่น้อยเลย

ผู้สัมภาษณ์ทุกคนมีประวัติดีมาก ถ้าไม่ใช่ลูกศิษย์คนสุดท้ายของสไตล์ลิสต์ ก็ต้องเคยเป็นสไตล์ลิสต์ให้กับศิลปินคนไหนมาก่อน

ส่วนเขาน่ะเหรอ ยังคงเป็นคุณชายตระกูลเยี่ยที่เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ สองปีที่จวี๋ซิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์เขาก็ไม่มีตัวตน ผลงานทั้งหมดอยู่ภายใต้ชื่อเหอจวิ้นเฉิง…

เมื่อคืนเขาพยายามจะเขียนเรซูเม่ แต่กลับพบว่าเขียนอะไรไม่ออกเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว ไม่มีผลงานสักชิ้น เรซูเม่มีบางๆ แค่หนึ่งหน้ากระดาษเท่านั้น

ให้บอกว่าผลงานทั้งหมดของผู้อำนวยการสไตล์ลิสต์ของจวี๋ซิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์มาจากฝีมือเขา? จะมีใครเชื่อ…

พนักงานที่รับผิดชอบถือเอกสารปึกใหญ่ยืนอยู่หน้าประตูห้องสัมภาษณ์ พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “เดี๋ยวนำเรซูเม่ไปด้วย แล้วเข้าไปสัมภาษณ์รอบแรก”

ผู้สัมภาษณ์แต่ละคนเดินเข้าไป ข้างในมีเสียงของคนที่รับผิดชอบดังมาอย่างต่อเนื่อง

“เรซูเม่แบบนี้ก็กล้าเอามาสัมภาษณ์ที่กวงเย่า? คิดว่าที่นี่เป็นที่กำจัดขยะเหรอไง”

“บอกไปแล้วว่าต้องการคนมีประสบการณ์สองปีขึ้นไปไม่ใช่เหรอ”

“ผลงานเยอะแล้วยังไง ไม่มีผลงานที่โดดเด่นเลยสักชิ้น! Pass คนต่อไป!”

………..

ด้านนอกประตู พอได้ยินเสียงเฉียบขาดเคร่งเครียดของคนที่รับผิดชอบ นิ้วเยี่ยมู่ฝานจิกเรซูเม่ตัวเองแน่น เรซูเม่ของเขา ขืนเอาออกมาก็สร้างความอับอายให้ตัวเองเปล่าๆ

“คนต่อไป!” ผู้รับผิดชอบเอ่ยเร่ง

เยี่ยมู่ฝานสูดหายใจลึก ผลักประตูเข้าไป

คนสัมภาษณ์มีทั้งหมดสามคน ตรงกลาง ผู้รับผิดชอบที่มีสีหน้าเคร่งเครียดกวาดสายตามองมู่เยี่ยฝานตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนแสง X-ray เมื่อเห็นเขาแต่งตัวเข้ากันดีก็ตาเป็นประกาย น่าเสียดายที่ทั้งหมดเป็นแบรนด์ระดับล่างราคาถูก

“เรซูเม่ล่ะ?” ผู้รับผิดชอบถาม

“ลืมเอามาครับ” สุดท้ายเยี่ยมู่ฝานก็ไม่ได้เอาเรซูเม่นั้นออกมา

“ลืมได้ด้วยเหรอ?” สีหน้าของผู้รับผิดชอบไม่สบอารมณ์ เห็นแก่รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีเลยให้โอกาสอีกครั้ง เขาจิบกาแฟแล้วถาม “คุณชื่ออะไร”

“เยี่ยมู่ฝาน”

“พรวด” ผู้รับผิดชอบได้ยินชื่อของชายหนุ่มก็พ่นน้ำออกมาทันที “แค่กๆๆๆ”

เยี่ยมู่ฝานเห็นแล้วขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมีปฏิกิริยารุนแรงแบบนี้

เห็นแต่ท่าทีเคร่งขรึมของผู้รับผิดชอบเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันควัน จากนั้นรีบลุกขึ้นยืนต้อนรับ “โธ่ ที่แท้ก็อาจารย์เยี่ยนี่เอง ทำไมคุณถึงไม่รีบบอก ท่านผู้อำนวยการสั่งไว้แล้ว พอคุณมาให้ขึ้นไปห้องทำงานเขาได้เลย!”

เยี่ยมู่ฝานทำหน้างงงวย “ผู้อำนวยการให้ผมไปที่ห้องทำงานเขาได้เลย? ไม่ต้องสัมภาษณ์ก่อนเหรอครับ”

“ไม่ผิดๆ! อาจารย์เยี่ย คุณคือคนที่ผู้อำนวยการเชิญมาด้วยตัวเอง จำเป็นต้องสัมภาษณ์ที่ไหนล่ะ!”

ผู้รับผิดชอบฝากงานสัมภาษณ์ที่เหลือให้เพื่อนร่วมงานคนอื่น จากนั้นระหว่างที่พูดก็พาเยี่ยมู่ฝานเดินออกไปข้างนอกด้วยตัวเอง

อะไรนะ ผู้อำนวยการเชิญมาด้วยตัวเอง?

เยี่ยมู่ฝานไม่เข้าใจสถานการณ์เลย เดินตามผู้รับผิดชอบงานเข้าไปในห้องทำงานที่ใหญ่โตด้วยความมึนงง

“ผู้อำนวยการของพวกเราจะมาถึงอีกสักพัก อาจารย์เยี่ยคุณรอสักครู่นะครับ ผมจะให้คนมาเสิร์ฟชาให้ คุณต้องการอะไรอีกไหมครับ” คนที่รับผิดชอบพูดอย่างกระตือรือร้น

“ไม่มีครับ…” เยี่ยมู่ฝานตัดสินใจปรับเปลี่ยนท่าที อย่างไรเสียถ้าผิดคนก็ไม่ใช่ความผิดของเขา

“งั้นได้ครับ มีอะไรก็เรียกผมได้ตลอดเลย!”

“ครับ”

………………………………………………………………

บทที่ 638 ทำท่าทางเหมือนเมีย

เยี่ยมู่ฝานนั่งรออยู่ที่โซฟาเดี่ยวข้างหน้าต่าง ประมาณห้านาทีหลังจากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมา

ประตูห้องทำงานถูกผลักเปิดออก เยี่ยมู่ฝานมองไปทางประตู เห็นว่าคนที่เข้ามาคือลั่วเฉินที่โด่งดังก่อนละครใหม่จะออกอากาศ

คนที่มาสวมเสื้อทีเชิ้ตและกางเกงยีนส์ธรรมดา ถึงแม้จะเป็นวัยรุ่นสะอาดสอ้าน แต่กลับดูจำเจน่าเบื่ออยู่บ้าง

เมื่อเห็นเขาอยู่ในห้อง ลั่วเฉินพยักหน้าเล็กน้อยให้ และไม่ถามว่าเขาเป็นใคร ไปนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามเลย จากนั้นใส่หูฟัง อยู่เงียบๆ เหมือนไม่มีตัวตน

เขาคิดว่าบริษัทตั้งใจสร้างภาพลักษณ์ให้ลั่วเฉินมีบุคลิกเงียบขรึม คิดไม่ถึงว่าตัวจริงเงียบกว่าตอนอยู่ภายนอกเสียอีก…

ด้วยเพราะความโด่งดังของลั่วเฉินถือเป็นตัวอย่างสุดคลาสสิกในวงการบันเทิง เยี่ยมู่ฝานจึงอดไม่ได้มองไปทางเขาหลายรอบ

ปรากฏว่าเหลือบตาไปมอง ก็เห็นมือถือลั่วเฉินเปิดแอปวีแชทอยู่ ที่แท้ไม่ได้ฟังเพลง แต่ฟังเสียงคนอื่นอยู่ แล้วนานๆ ทียังบันทึกอะไรบางอย่างลงในสมุดโน้ตด้วย…

“พี่เยี่ย”

ชายหนุ่มอายุน้อยคนหนึ่งสวมชุดสีเขียวเรืองแสงพุ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนพร้อมเสียงดัง ‘ปัง’ ผู้ช่วยด้านหลังถือถุงเล็กถุงใหญ่เดินเหงื่อซกตามมาด้านหลัง

เยี่ยมู่ฝานเกือบตาบอดเพราะแสงสว่างจากชุดเรืองแสงและผมสีชมพูของกงซวี่

แต่งตัวตามอำเภอใจจริงๆ ถ้าคนธรรมดาแต่งตัวแบบนี้ คนอื่นคงทนดูไม่ไหวแล้ว

“นายเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ในห้องทำงานของพี่เยี่ย” กงซวี่มองไปทางเยี่ยมู่ฝานอย่างระแวดระวัง

โดยเฉพาะเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าตาดี ยิ่งระแวดระวังมากขึ้นโดยพลัน

หรือว่าพี่เยี่ยรับคนใหม่มาอีกแล้ว!

ทำอย่างนี้ได้ยังไง! พี่เยี่ยมีเขาแล้วยังไม่พออีกเหรอ!

เยี่ยมู่ฝานโดนสายตาของกงซวี่จ้องเขม็งจนรู้สึกประหลาด “ผมมาสมัครเป็นสไตล์ลิสต์ ผู้อำนวยการเยี่ยให้ผมมารอที่นี่”

หลังได้ยินคำตอบของเยี่ยมู่ฝาน กงซวี่ค่อยลดการ์ดลง เบะปากไม่สนใจ แล้วไม่มองอีกฝ่ายอีกเลย แต่มองตรงไปทางลั่วเฉินแล้วเดินเข้าไป สีหน้าเหมือนโจรผู้ร้าย “ลุกขึ้น นี่ที่ฉัน”

ลั่วเฉินเหลือบมอง ไม่ได้เอาความอะไร หยิบมือถือและสมุดโน้ตลุกขึ้นเดินไปทางโซฟาอีกฝั่ง

กงซวี่นั่งลงอย่างเย่อหยิ่ง มองไปทางผู้ช่วยข้างๆ “นายบอกพี่เยี่ยหรือยัง พี่เยี่ยจะไปวาไรตี้โชว์เป็นเพื่อนฉันหรือเปล่า”

ผู้ช่วยได้ยินก็ทำหน้าลำบากใจ พูดด้วยความระมัดระวังว่า “เรื่องนี้…พี่เยี่ยบอกว่าหลายวันนี้เขาจะไปดูงานที่กองถ่ายมังกรผงาดภาค 2 เกรงว่าจะไม่มีเวลาไปเป็นเพื่อนคุณ!”

“นายว่าไงนะ” กงซวี่โมโหทันที ลุกขึ้นเดินเข้าไปดึงหูฟังของลั่วเฉินออก “ลั่วเฉิน! นายหมายความว่ายังไง”

ลั่วเฉินเงยหน้ามองด้วยสีหน้าเย็นชาเล็กน้อย “มีเรื่องอะไร?”

เยี่ยมู่ฝานที่อยู่ข้างๆ มองกงซวี่แล้วมองลั่วเฉิน ในใจคิดว่าข่าวข้างนอกที่บอกว่าทั้งสองคนไม่ลงรอยกัน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง?

กงซวี่พูดด้วยความโกรธ “ยังแกล้งโง่อีก แค่ถ่ายหนังเรื่องเดียวต้องให้ผู้จัดการไปเป็นเพื่อน นายเป็นนักเรียนประถมหรือไง”

ผู้ช่วยข้างๆ แอบหัวเราะเยาะเงียบๆ กับคำพูดนี้…ถ้าลั่วเฉินเป็นเด็กประถม เขาไม่ใช่เด็กอนุบาลเลยเหรอไง

กงซวี่ยังคงตะคอกอยู่อย่างนั้น “นายก็แค่รู้จักพี่เยี่ยก่อนฉันไม่กี่วัน ภูมิใจอะไร! พี่เยี่ยไม่ใช่คนของนายคนเดียวซะหน่อย ทั้งวันทำท่าทางเหมือนเมียให้ใครดูฮะ!”

เยี่ยมู่ฝานเงียบงัน

เอ่อ เมีย? คำอธิบายนี้ของกงซวี่…

ในที่สุดลั่วเฉินเหมือนสุดจะทนแล้ว พูดเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า “กงซวี่ นายอย่าแกล้งคนอื่นเขาเกินไป”

……………………………………………………..