บทที่ 635 มากับฉัน จะพาเธอโบยบิน / บทที่ 636 น่ากลัวอย่างที่พี่ว่าเหรอ?

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 635 มากับฉัน จะพาเธอโบยบิน

“ไม่มีอะไรค่ะ คุยเรื่องทั่วไป พ่อคะแม่คะ พวกเราไปกันเถอะ!” เยี่ยหวันหวั่นกลัวว่าแม่เผชิญหน้ากับเหลียงเหม่ยเซวียนและเยี่ยอีอีตามลำพังจะไม่สบายใจ จึงไม่อยากจะอยู่นาน

ทั้งครอบครัวกำลังจะกลับ จู่ๆ เหลียงเหม่ยเซวียนก็ร้องเรียกเยี่ยเส่าถิงไว้ “เยี่ยเส่าถิง!”

เยี่ยเส่าถิงหยุดเดินทันใด

เหลียงเหม่ยเซวียนยิ้มเย็นชาแล้วพูดต่อ “แล้วคุณจะเสียใจกับการตัดสินใจตอนนั้นของคุณ!”

เยี่ยเส่าถิงหันหลังกลับ สายตาเย็นชาไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย “ผมไม่เสียใจกับการตัดสินใจทุกอย่างของผม ถ้าบอกว่ามีอะไรที่เสียใจ ผมก็เสียใจแค่อย่างเดียวที่ตอนนั้นเห็นด้วยกับคำขอร้องของหวั่นจวิน ให้เธอมาอาศัยอยู่ที่บ้าน เอาคนไม่ดีเข้ามา!”

“เยี่ยเส่าถิง คุณ…”

เยี่ยเส่าถิงไม่สนใจเหลียงเหม่ยเซวียนอีกต่อไป ประคองภรรยาเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับ

……..

หลังจากส่งพ่อแม่กลับบ้าน บนรถ

เมื่อครู่ตอนพ่อกับแม่อยู่ไม่สะดวกพูด ตอนนี้ในที่สุดเยี่ยมู่ฝานก็ทนไม่ไหวพูดประชดขึ้นมา “ถ้าไม่ใช่เพื่อพ่อแม่ ฉันไม่อยากอยู่กินข้าวต่อหรอก น่าขยะแขยงจะแย่! ใช่แล้ว หวันหวั่น แกจะบอกพ่อแม่เรื่องของฉันหรือเปล่า”

เยี่ยหวันหวั่นพูดว่า “อย่าบอกเลยดีกว่า พ่อแม่มีอะไรมักเก็บไม่ค่อยอยู่ อย่าให้คนอื่นมองออกเลย พวกเขาจะได้ไม่ต้องคิดมากกังวลใจด้วย”

เยี่ยมู่ฝานพยักหน้า “อ้อ”

เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็มองไปทางเยี่ยมู่ฝานแวบหนึ่ง “ออกจากจวี๋ซิงแล้ว พี่คิดจะไปที่ไหน”

เยี่ยมู่ฝานเอนหลังพิงเบาะข้างคนขับราวกับถูกดูดพลังงานไปหมด สีหน้ากลุ้มใจ “ฉัน…ไม่รู้…”

ต่อให้ไม่ต้องติดคุกแล้วอย่างไร ชีวิตเขาก็ไม่มีความหวังอะไรอยู่ดี

“กลับไปที่บริษัทไม่ได้แล้วแน่นอน ถึงคุณปู่คุณย่าจะใจอ่อน ฉันก็ไม่กลับไป เข้าไปถิ่นของเยี่ยเส่าอันก็ไม่ต่างจากเนื้อแกะเข้าปากเสือ…” เรื่องนี้เยี่ยมูฝานรู้อยู่แก่ใจ

ตอนที่พ่อเกิดเรื่อง เขาเป็นถึงผู้อำนวยการแผนกจัดซื้อของเยี่ยกรุ๊ป ปรากฏว่ายังโดนเยี่ยเส่าอันใช้อำนาจหาเรื่องไปทั่ว

ตั้งแต่เล็กเขาถูกเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอม เคยต้องตกต่ำแบบนี้ที่ไหน อีกทั้งเดิมทีเขาอยู่บริษัทก็ทำงานเอาตัวรอดไปวันๆ เลยถูกหลอกและจับผิดได้ง่าย

สุดท้าย เขาชกเยี่ยเส่าอันเป็นชุดด้วยความโกรธ ตัวเองลาออกจากบริษัท อีกทั้งยังประกาศกร้าวต่อหน้าคุณปู่คุณย่าว่าจะไม่มีวันกลับมาบริษัทอีกแล้ว

ถ้ากลับไปอยู่ในเงื้อมมือของเยี่ยเส่าอันอีกครั้ง เขาไม่ต้องคิดก็รู้ว่าจุดจบจะเป็นอย่างไร…

พอพ่อล้ม เขาก็หมดอำนาจไม่มีใครหนุนหลัง สองปีมานี้ ความสำเร็จในวงการแฟชั่นก็โดนเหอจวิ้นเฉิงยึดเอาไปหมด เขาไม่เหลืออะไรเลย จะเอาอะไรมาสู้กับเยี่ยเส่าอัน

เวลานี้ เสียงมือถือดังขึ้นมา หน้าจอโชว์ชื่อคนที่โทรเข้ามา ‘เหอจวิ้นเฉิง’

เยี่ยมู่ฝานแค่นยิ้มแล้วรับสาย อยากดูว่าฝ่ายตรงข้ามคิดจะพูดอะไรอีก

“ฮัลโหล”

เพิ่งรับสาย อีกฝั่งก็มีเสียงร้อนรนของเหอจวิ้นเฉิงพูดขึ้น “นายหายไปไหนทั้งวัน งานกองโตที่บริษัทรอนายมาทำอยู่ไม่รู้หรือไง!”

“นายแน่ใจนะว่ากำลังพูดกับฉันอยู่?”

เมื่อคิดถึงปัญหาที่เยี่ยมู่ฝานทิ้งไว้ แล้วยังมีงานดีไซน์ของหนังเรื่องใหม่ที่บริษัทอีก เสียงเหอจวิ้นเฉิงก็อ่อนลง พูดอย่างจริงจังและหนักแน่นว่า “มู่ฝาน ฉันว่านายควรเห็นเจตนาที่ดีของคนอื่นบ้าง ขอแค่นายยอมช่วยฉันทำงานต่อ ฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้สามพันทุกเดือนเลย…ไม่สิ เพิ่มให้ห้าพันเลย!”

เยี่ยมู่ฝานจ้องมือถือ แล้วตอบกลับไปหกคำ “กลับ ไป หา แม่ แก เถอะ!”

“นาย…ได้…ได้เลย! เยี่ยมู่ฝาน ฉันจะรอดูว่านายจะไปที่ไหนได้ ถึงตอนนั้นอย่าร้องไห้กลับมาอ้อนวอนฉันแล้วกัน!”

“Shit!” เยี่ยมู่ฝานโมโหจนเขวี้ยงมือถือทิ้ง

เยี่ยหวันหวั่นหันไปมองเยี่ยมู่ฝานที่อยู่ข้างๆ “มาทำงานกับฉันเถอะ”

………………………………………………………………

บทที่ 636 น่ากลัวอย่างที่พี่ว่าเหรอ?

“บริษัทแก…? กวงเย่ามีเดีย?”

เยี่ยมู่ฝานได้ยินก็ยิ้มเฝื่อน “จากใช้แรงงานที่หนึ่ง เปลี่ยนมาใช้แรงงานอีกที่หนึ่ง? แล้วยังเป็นบริษัทคู่แข่งตระกูลเยี่ยด้วย?”

เยี่ยหวันหวั่นพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย “บริษัทคู่แข่งแล้วยังไง”

เยี่ยมู่ฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่แก…”

อันที่จริงหวันหวั่นก็พูดไม่ผิด ศัตรูของศัตรูคือมิตร สำหรับเขาแล้ว ตอนนี้โกลบอลถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด อย่างน้อยเยี่ยเส่าอันก็ไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตระกูลเฉินเลย

แต่ปัญหาคือ…

“หวันหวั่น แกยังด้อยประสบการณ์ มีหลายเรื่องที่แกคิดตื้นเกินไป คิดจะเข้าไปทำงานที่กวงเย่ามันง่ายที่ไหน

แกควรรู้ไว้ ถึงแม้ในบรรดาบริษัทในเครือของโกลบอล กวงเย่ามีเดียจะอยู่ระดับล่าง แต่ถ้าเป็นในวงการบันเทิงนั้นดูถูกไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าสองปีนี้จวี๋ซิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์จะแข็งแกร่งขึ้นมา แต่ช่วงหลังนี้ขัดแย้งกับกวงเย่าอยู่หลายครั้ง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เปรียบเลยสักครั้งเดียว

โดยเฉพาะผู้อำนวยการฝ่ายจัดหานักแสดงคนใหม่ของกวงเย่า ประวัติก็เป็นปริศนา เพิ่งรับตำแหน่งไม่กี่วันก็ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ พาศิลปินโด่งดังได้รับความนิยมด้วยวิสัยทัศน์ที่มองการณ์ไกลและสายตาที่เฉียบแหลม ได้บทที่คนอื่นแย่งชิงกัน สุดท้ายถึงกับบีบให้ผู้ใหญ่ในกวงเย่าอย่างโจวเหวินปินลงจากตำแหน่งได้ แล้วมาดำรงตำแหน่งแทนเอง

ว่ากันว่าผลประกอบการไตรมาสแรกของกวงเย่าเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หลุดจากตำแหน่งระดับล่างแล้ว

ถ้าสมัครตำแหน่งเป็นแค่ผู้ช่วยตัวเล็กๆ อย่างแกก็อาจจะมีโอกาส แต่ว่า ตำแหน่งสำคัญที่เป็นหัวใจหลักอย่างสไตล์ลิสต์ศิลปิน คิดอยากจะสัมภาษณ์โดยตรงกับคนแบบนั้น คิดว่าคุยได้ง่ายงั้นเหรอ” เยี่ยมู่ฝานส่ายหน้าฝืนยิ้ม เดิมทีก็ไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้ว

ตอนนี้เยี่ยมู่ฝานคิดว่าเยี่ยหวันหวั่นเป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน เป็นผู้ช่วยเล็กๆ ในกวงเย่า

พอได้ยินคำพูดของเยี่ยมู่ฝาน สีหน้าเยี่ยหวันหวั่นดูลึกลับขึ้นมาเล็กน้อย “ผู้อำนวยการฝ่ายจัดหานักแสดงคนใหม่นั่นน่ากลัวอย่างที่พี่ว่าเลยเหรอ”

เยี่ยมู่ฝานมองเธอ “แกทำงานอยู่ที่กวงเย่า หรือว่าไม่รู้เรื่องเลย แต่ก็ไม่แปลก คิดว่าแกน่าจะยังไม่ได้ติดต่อกับผู้บริหารระดับสูงแบบนั้น”

เยี่ยหวันหวั่นเออออตาม ไม่ได้โต้กลับ แต่พูดว่า “ฝ่ายสไตล์ลิสต์ศิลปินที่กวงเย่ากำลังรับเปิดสมัครคนอยู่ มีสัมภาษณ์พรุ่งนี้ ฉันช่วยลงทะเบียนให้พี่แล้ว พรุ่งนี้พี่ไปสักหน่อย ไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าไม่ได้ ไม่แน่เขาอาจจะชอบความสามารถกับพรสวรรค์ของพี่ก็ได้ พี่ไม่ต้องสัมภาษณ์ก็ผ่านได้เลยนะ?”

“เป็นไปได้ยังไง…” เยี่ยมู่ฝานส่ายหน้ายิ้มๆ คิดว่าน้องสาวแค่ปลอบใจตัวเอง

เดิมทีคิดจะปฏิเสธ แต่อย่างไรก็ไม่อยากให้น้องสาวผิดหวัง จึงเอ่ยด้วยสีหน้าฝืนใจ “ก็ได้ พรุ่งนี้ฉันจะลองไปดู แต่ว่าแกอย่าคาดหวังไว้สูงแล้วกัน…”

เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “อืม”

“หวันหวั่น…” เยี่ยมู่ฝานมองน้องสาวตรงหน้า ทำเหมือนอยากจะพูดแต่ก็หยุดไป

“มีอะไร?”

เยี่ยมู่ฝานก้มหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความละอาย “ขอโทษนะ…ถ้าไม่ได้แก ทั้งชีวิตนี้ฉันคงโดนเฉินเมิ่งฉีครอบกะลาไว้เหมือนไอ้โง่…ฉันไม่คู่ควรจะเป็นพี่ชายแกเลย…ฉันไม่ได้ดูแลปกป้องแกให้ดี กลับทำให้แกที่เป็นผู้หญิงคนเดียวมากลุ้มใจเรื่องพวกนี้อีก…”

เยี่ยหวันหวั่นมองพี่ชายที่เมื่อก่อนโอหังอวดดี แต่เวลานี้ทำท่าทางเจ็บปวดราวกับสูญสิ้นแสงสว่างไปทั้งหมด ถอนหายใจเบาๆ “ถ้าพี่รู้สึกละอายใจจริง ก็อย่าเที่ยวเล่นไปวันๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้เริ่มทำงานจริงจัง ไม่อนุญาตให้แข่งรถเล่นพนันหรือมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงไปทั่วอีก”

เยี่ยมู่ฝานยิ้มแหย “แกดูสภาพฉันตอนนี้ จะมีปัญญาที่ไหนมาเล่นของพวกนี้…”

“ถ้ามีปัญญาก็จะเล่นใช่ไหม”

“ไม่เล่นๆ!”

“ดีแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้จะรอฟังข่าวดีของพี่แล้วกัน”

“ได้” เยี่ยมู่ฝานรับปาก แต่ก้นบึ้งนัยน์ตากลับดูสับสน…

……………………………………………