[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 467 : กลายร่าง (1)

วันนี้อากาศค่อนข้างดีมาก ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆหมอก และเป็นสีฟ้าสดใสไม่ต่างจากสีฟ้าของน้ำทะเล ท้องทะเลในยามนี้ก็สงบนิ่ง แสงอาทิตย์ส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ

หลิงหยุนเดินออกมาจากถ้ำพร้อมกับเจ้าขาวปุย และกลับไปที่เรือเพื่อยกลังเหล้าเหมาไถกลับไป

เขากับเจ้าขาวปุยมาอยู่บนเกาะแห่งนี้นานหลายวันแล้ว อาหารและน้ำดื่มที่ถังเมิ่งเตรียมไว้ให้ก็ใกล้จะหมดแล้ว และดูเหมือนว่าเสบียงที่เหลืออยู่นั้น คงจะอยู่ได้อีกไม่ถึงสามวัน แต่หลิงหยุนก็ไม่ค่อยกังวลมากนัก เพราะคืนนี้เจ้าขาวปุยก็จะกลายร่างแล้ว

ตอนนี้เจ้าขาวปุยสามารถพูดภาษาคนได้แล้ว หลิงหยุนจึงมีความสุขอย่างมาก และต้องการที่จะดื่มฉลอง

หลิงหยุนเรียกลังเหล้าเหมาไถเข้าไปในแหวนพื้นที่ ระหว่างที่ก้าวออกจากเรือนั้น สายตาของหลิงหยุนก็เผอิญมองไปเห็นเงาของตัวเองที่อยู่ในน้ำ เขาพบว่าเจ้าขาวปุยพูดไม่ผิดนัก เพราะตอนนี้หน้าตาของเขามีหนวดเคราขึ้นรกไปหมด

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเรียกกระบี่มังกรขาวออกมา จากนั้นก็จัดการใช้มันโกนหนวดเคราบนใบหน้า และเพียงไม่นาน ใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสสะอ้านของเขาก็กลับมาอีกครั้ง

ความจริงแล้วผมของหลิงหยุนก็ยาวมากแล้วเช่นกัน แต่เขาขี้เกียจที่จะไปทำอะไรกับมัน จึงปล่อยให้มันยาวไปตามธรรมชาติ

หลิงหยุนและไป๋เซียนเอ๋อกลับเข้าไปในถ้ำ เขาเรียกอาหารออกมาพร้อมกับเปิดขวดเหล้าเหมาไถ แล้วจัดการรินเหล้าและเริ่มทานอาหารอย่างมีความสุข

“เซียนเอ๋อ.. บอกข้ามาว่าเจ้าฝึกวิชาอะไร? มันดูคล้ายวรยุทธของมนุษย์ แต่ข้าคิดว่าไม่น่าจะใช่..”

หลิงหยุนจิบเหล้าอย่างสบายอกสบายใจ..

“พี่หลิงหยุนนายท่าน.. เซียนเอ๋อฝึกตามตำราที่ได้พบเห็นมา มันชื่อตำราปีศาจเก้าดวงดาว

หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจเมื่อได้ยินเซียนเอ๋อเรียกเขาเสียยาวเหยียด “พี่หลิงหยุนนายท่าน – มันยาวเกินไป เจ้าเรียกอย่างใดอย่างหนึ่งก็พอ!”

“พี่นายท่าน..” สุนัขจิ้งจอกไป๋เซียนเอ๋อทำท่าทางครุ่นคิด

หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออก เขาจ้องมองไป๋เซียนเอ๋อพร้อมกับพูดขึ้นอย่างหมดหวัง “เอาล่ะ.. เจ้าเรียกแค่พี่หลิงหยุนก็พอ! ตำราปีศาจเก้าดวงดาวงั้นรึ? แล้วในตำรามีวิชาอะไรบ้าง?”

ไป๋เซียนเอ๋อยิ้มเอียงอายพร้อมกับเงยหน้าขึ้นตอบ “พี่หลิงหยุน.. ตำราปีศาจเก้าดวงดาวนี้มีวิชามากมาย แต่เซียนเอ๋อเรียนรู้แล้วก็ฝึกฝนเพียงแค่วิชาสุนัขจิ้งจอกลวงตา ยังมีวิชาที่เกี่ยวกับดัชนีอย่างดัชนีจิ้งจอกวิญญาณ วิชานี้หากข้ากลายร่างแล้ว ข้าก็จะสามารถใช้วิชาฝ่ามือเพลิงสวรรค์ได้..”

หลิงหยุนรู้ดีว่าไป๋เซียนเอ๋อคือธาตุไฟ ดังนั้นฝ่ามือเพลิงสวรรค์จึงเหมาะกับนางมาก เขาพยักหน้าอย่างพอใจพร้อมกับกระดกเหล้าเข้าปาก

“ยังมีวิชาที่ล้ำเลิศอื่นๆอีกหรือไม๊?” หลิงหยุนเริ่มอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

“ยังมีอีกมาก.. อย่างเช่นวิชาจิ้งจอกระเริงไฟ วิชากระบี่มังกรไฟ แต่วิชาพวกนี้ล้วนฝึกได้ยากนัก เซียนเอ๋อจึงยังไม่ได้เรียนรู้..” ไป๋เซียนเอ๋อตอบอย่างเก้อเขิน

หลิงหยุนพยักหน้าอีกครั้งพร้อมกับถามต่อว่า “เซียนเอ๋อ.. เจ้าใช้เคล็ดวิชาอะไรเพิ่มระดับกำลังภายในของตัวเอง?”

ไป๋เซียนเอ๋อตอบไปว่า “ข้าก็ไม่รู้ว่ามันคือเคล็ดวิชาอะไร? ตั้งแต่เกิดมาข้าก็ฝึกแบบนี้ แล้วมันก็ได้ผล..”

หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “ถ้าเช่นนั้นข้าจะตั้งชื่อให้.. ข้าจะเรียกมันว่า – วิชาจิ้งจอกสวรรค์.. เจ้าชอบหรือไม่?”

ไป๋เซียนเอ๋อกรอกตาไปมาอย่างมีความสุข “ขอบคุณพี่หลิงหยุนมาก..!”

หลิงหยุนชี้ไปนอกถ้ำพร้อมกับสั่งไป๋เซียนเอ๋อ “เซียนเอ๋อ.. คืนนี้เจ้าไปกลายร่างในหุบเขาเล็กๆนั่นนะ ข้าได้สร้างค่ายกลไว้ที่นั่นสองแห่ง ค่ายกลทั้งสองนี้จะช่วยให้เจ้าสามารถต้านทานอสุนีบาตได้..”

ไป๋เซียนเอ๋อพยักหน้ายิ้มๆ

หลิงหยุนดึงยันต์บำบัด ยันต์อสนี ยันต์เพชร และยันต์เกราะออกมา แล้วส่งให้กับไป๋เซียนเอ๋อพร้อมกับบอกนางว่า

“ยันต์พวกนี้จะช่วยเจ้าได้มากทีเดียว เจ้าจงใช้มันในการป้องกัน และต้านทานกับอสุนีบาตในตอนกลายร่าง เจ้าจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดมากนัก!”

ประโยชน์ของยันต์พพวกนี้นั้น เจ้าขาวปุยรู้เห็นมานานแล้ว จึงไม่ต้องให้หลิงหยุนสอนอีก

“เซียนเอ๋อ.. ยันต์พวกนี้สามารถช่วยให้เจ้าทนต่ออสุนีบาตได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น เจ้าต้องสลัดความกลัวทิ้งไป และคอยหลบหลีกให้ดี เจ้าต้องเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง หากเจ้าสามารถทนต่ออสุนีบาตเหล่านั้นได้ เจ้าก็จะกลายร่างเป็นมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ เจ้าเข้าใจหรือไม่?

ไป๋เซียนเอ๋อพยักหน้า “ขอบคุณนายท่านที่สอนสั่ง.. เซียนเอ๋อเข้าใจดี!”

‘นี่ข้ากลายเป็นนายท่านไปอีกแล้วสินะ!’ หลิงหยุนได้แต่บ่นพึมพำในใจพร้อมกับถอนหายใจ และรู้ว่าคงต้องให้เวลาเซียนเอ๋อปรับตัวอีกนาน

หลิงหยุนสั่งต่อว่า “คืนนี้หากมีคนบุกรุกเข้ามา จำไว้ว่า.. เจ้ามีหน้าที่กลายร่างเท่านั้น! เรื่องอื่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า..”

ไป๋เซียนเอ๋อจ้องมองหลิงหยุนด้วยความซาบซึ้งใจพร้อมกับส่งยิ้มให้หลิงหยุน นางรู้ดีว่าหลิงหยุนเป็นคนที่รอบคอบมาก

หลิงหยุนดื่มเหล้าเหมาไถหมดไปหนึ่งขวดอย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมหวนของมันทำให้เขาสดชื่น และมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

“ไปกัน.. ข้าจะพาเจ้าไปดูค่ายกลนวสังหารที่ข้าสร้างขึ้น และจะบอกวิธีเข้าไปในค่ายกลให้กับเจ้ารู้ด้วย..”

ไป๋เซียนเอ๋อนั้นเฉลียวฉลาดยิ่งกว่ามนุษย์ หลิงหยุนสาธิตให้ดูเพียงแค่ครั้งเดียว นางก็สามารถเข้าออกค่ายกลนวสังหารได้อย่างง่ายดาย และไร้ซึ่งอุปสรรค!

วันนี้ทั้งวันหลิงหยุนไม่ได้ฝึกฝนเลยแม้แต่น้อย เขาต้องอยู่กับเซียนเอ๋อเพื่อให้นางคลายความกังวลใจ และลดแรงตึงเครียดในใจของนางให้หมดไป หลิงหยุนพาเซียนเอ๋อเดินเล่นรอบๆเกาะเตียวหยู จากนั้นคนกับสุนัขจิ้งจอกก็ลงเล่นน้ำทะเลกันตั้งแต่เช้าจนค่ำ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่ถ้ำ..

หลังจากทานอาหารมื้อเย็นกันเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนก็จัดการเก็บข้าวของทุกอย่างในถ้ำ รวมทั้งไข่มุกราตรีทั้งหกเม็ดกลับเข้าไปในแหวนพื้นที่ จากนั้นหลิงหยุนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสีดำ และพาไป๋เซียนเอ๋อไปที่ยอดเขาสูงสุดบนเกาะเตียวหยู

บททดสอบจากสวรรค์สามารถเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้! แต่หลิงหยุนไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย เพราะก่อนที่บททดสอบจะเริ่มนั้น จะมีสิ่งบ่งบอกล่วงหน้าหลายอย่างเกิดขึ้นระหว่างผืนดินกับสวรรค์ และเมื่อถึงเวลานั้นทั้งเขาและเซียนเอ๋อยังมีเวลาเพียงพอที่จะวิ่งไปยังหุบเขา

หลังจากที่ฝึกฝนอยู่ที่เกาะแห่งนี้เป็นเวลาหลายวัน หลิงหยุนก็ได้ดูดซับพลังชีวิตจากผืนน้ำเข้าไปมากมาย และได้ดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปเพิ่มพลังชีวิตในร่างกายถึงสองครั้ง ตอนนี้กำลังของเขาจึงได้เข้าสู่ระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-6 แล้ว!

การฝึกดารกะดายันของหลิงหยุนก็ก้าวหน้าได้อย่างก้าวกระโดด และรวดเร็วเป็นสองเท่าหากเทียบกับการฝึกฝนในเมือง ตอนนี้เขาได้เขาสู่ระดับย่อยที่สิบสี่แล้ว แต่ระยะทางยังคงอีกยาวไกลนัก

พลังชีวิตธรรมดาไม่มีผลต่อการฝึกดารกะดายันของหลิงหยุน เขาจึงต้องอาศัยเพียงพลังสุริยะ พลังจันทรา และพลังดวงดาวเท่านั้น อีกทั้งต้องอาศัยการฝึกฝนเป็นระยะเวลานานและต่อเนื่อง ไม่ใช่การฝึกเพียงแค่ครั้งเดียวก็จะบรรลุผลขั้นสูงสุด

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หลิงหยุนก็พอใจกับความก้าวหน้าของตนเองอย่างมาก

แต่สิ่งที่ทำให้หลิงหยุนมีความสุขมากที่สุดก็คือเนตรหยินหยางของเขา ด้วยความก้าวหน้าของวิชาพลังลับหยินหยาง พลังหยินหยางในร่างกายของหลิงหยุนจึงแข็งแกร่งขึ้นมาก ทำให้เนตรหยินหยางของเขาสามารถมองได้ไกลยิ่งขึ้น และชัดเจนมากขึ้น และต่อให้วิชาลวงตาของไป๋เซียนเอ๋อ เขาก็สามารถมองได้ทะลุปรุโปร่ง

หลิงหยุนยืนอยู่บนยอดเขา จ้องมองผ่านท้องฟ้าที่มืดมิดไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และริมฝีปากก็ยิ้มเย้ยออกมาเมื่อเห็นเรือขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้น และกำลังแล่นตรงมายังเกาะเตียวหยู

“ในที่สุดก็มาแล้วสินะ! พวกเจ้าช่างเลือกเวลามาได้เหมาะนัก..” หลิงหยุนเยิ้ยหยัน

“พี่นายท่าน.. พวกมันเป็นใคร? นั่นใช่เรือของพวกญี่ปุ่นหรือไม่?” ไป๋เซียนเอ๋อถามขึ้นมาทันที

มีคำกล่าวว่าสายตาของสัตว์นั้นมองได้ไกลกว่า และเห็นได้ชัดเจนกว่าสายตาของมนุษย์ในเวลากลางคืน และดูเหมือนว่าเนตรหยินหยางของหลิงหยุนน่าจะมองได้ไกลน้อยกว่าสายตาของเจ้าขาวปุยถึงสามเท่า ช่างน่าอายนัก!

หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันแล่นมาจากทิศตะวันออกเฉียงหนือ ก็น่าจะไม่ผิดจากที่เจ้าพูด!”

หากไม่ใช่ญี่ปุ่น ก็คงต้องเป็นสหรัฐอเมริกา แต่จะเป็นใครก็ไม่สำคัญ..

“เซียนเอ๋อ.. อย่าได้กังวลหรือตื่นเต้นไป! เจ้าจะต้องปลอดภัย และกลายร่างได้สำเร็จถ้าเชื่อฟังข้า!”

หลิงหยุนลุกขึ้นพร้อมพูดกับไป๋เซียนเอ๋อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง และท้องฟ้าก็เริ่มมืดมิดขึ้นมาก เรือใหญ่ยังคงแล่นเข้ามายังเกาะเตียวหยูอย่างช้าๆ และตอนนี้อยู่ห่างจากเกาะเตียวหยูไปราวแปดไมล์ทะเล

เรือลำใหญ่นั้นก็คือเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐอเมริกา และบนเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ก็ขนกองกำลังมาด้วยอีกหลายนาย ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปทางเกาะเตียวหยู

ไม่เพียงแค่กองกำลังของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ยังมีกองกำลังของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย นักรบของญี่ปุ่นทุกคนล้วนสวมชุดสีดำและสีเทา ในมือถือดาบคมกริมพร้อมกับสวมผ้าปิดบังใบหน้าที่เผยให้เห็นแค่ลูกตาทั้งสองข้าง สายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและอาฆาตแค้นของพพวกมันต่างก็จับจ้องไปทางเกาะเตียวหยูเช่นกัน!

และนี่คือกองทัพนินจาทั้งร้อยคนของญี่ปุ่น และความแข็งแกร่งของเหล่านินจานั้น ก็มีตั้งแต่ขั้นที่เหนือกว่าระดับสูงสุดของขั้นโฮ่วเทียน-8 ขึ้นไป และหลายสิบคนที่แข็งแกร่งถึงขั้นเซียงเทียน-2!

ส่วนหัวหน้ากลุ่มนินจาทั้งสองคนต่างก็อยู่ในขั้นเซียงเทียน-3 หากไม่เห็นดาบในมือและสายตาที่เย็นชาของทั้งคู่ พวกเขาก็ดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไป

“เพียงแค่จัดการกับยอดฝีมือชาวจีนเพียงแค่คนเดียว พวกเจ้าถึงกับต้องขนคนมากันเป็นร้อยเชียวรึ..? นี่น่ะหรือนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนอาทิตย์อุทัย!” หลิงหยุนพึมพำเบาๆ

และภารกิจของเหล่านินจา ก็คือการยึดเกาะเตียวหยูคืน!

โทคุงาวะ ทาเคตากุ และยากิอุ ยูมะ สองยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3 ของญี่ปุ่น หัวหน้านินจาทั้งสองคนจ้องมองไปทางเกาะเตียวหยูอยู่นาน จากนั้นทั้งคู่ก็หันไปมองหน้ากันพร้อมกับหรี่ตาที่คมราวกับเหยี่ยวลง..

โทคุงาวะ ทาเคทากุ ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-3 ยืนอยู่บนเรือพร้อมกับตะโกนเสียงดัง “บุก!”

กองทัพนินจาทั้งร้อยคนต่างก็พุ่งออกจากเรือขนาดใหญ่ และเริ่มภารกิจเข้ายึดเกาะเตียวหยูคืน!

โทคุงาวะ ทาเคตากุ และยากิอุ ยูมะ ทั้งสองคนนั่งอยู่บนเฮลิคอปเตอร์พร้อมทหารของสหรัฐ และมุ่งหน้าเข้าสู่เกาะเตียวหยู!

หลิงหยุนมองด้วยความนิ่งเฉย เขามองเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังบินเข้ามา และเรือสปีดโบ๊ทอีกสิบสองลำก็แล่นเข้ามาด้วยความเร็ว

แต่จู่ๆ บริเวณรอบๆนั้นก็เงียบไป ดูเหมือนว่าทั้งท้องฟ้าและผืนดิน ต่างก็มีความผิดปกติอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้น เวลาคล้ายจะหยุดนิ่ง และพื้นที่โดยรอบก็นิ่งราวกับถูกทำให้แข็ง!

ลมทะเลจู่ๆก็หยุดพัด แม้แต่คลื่นในทะเลก็นิ่งสนิท ไม่มีลม และไม่มีแม้แต่เสียง!

หลิงหยุนไม่สนใจศัตรูที่กำลังใกล้เข้ามา เขาลูบไป๋เซียนเอ๋อที่อยู่ข้างๆ พร้อมกับปลอบโยนว่า

“ไป.. เจ้าไปกลายร่างได้แล้ว!”