[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 468 : กลายร่าง (2)
ระยะทางห่างไปแปดไมล์ทะเลนั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อทหารอเมริกัน และเหล่านินจาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเลยแม้แต่น้อย ทุกคนต่างก็เร่งรีบ และเคลื่อนกำลังด้วยความเร็วสุงสุด เพียงไม่นานก็เข้าใกล้เกาะเตียวหยูแล้ว!
เหล่านินจาที่อยู่ในขั้นเซียงเทียนบางคนนั้น ไม่อาจทนรอจนเรือจอดสนิทได้ พวกมันกระโดดจากสปีดโบ๊ทที่ตอนนี้อยู่ห่างจากเกาะราวหนึ่งร้อยเมตรขึ้นฝั่งทันที!
สปีดโบ๊ทนั้นขับมาด้วยความเร็วในอัตราที่ค่อนข้างสูง และความเร็วของเฮลิคอปเตอร์ก็ไม่ได้ช้าไปกว่าเรือเลยเช่นกัน แต่เพราะนักบินอเมริกันไม่ได้รีบร้อนนัก เขาจึงค่อยๆขับไปอย่างสบายๆ
“โอ้พระเจ้า.. คืนนี้อากาศดีมากจริงๆ ไม่มีแม้แต่เสียงลม เหมาะกับการบินของพวกเรามาก..” นักบินอเมริกันใช้เครื่องมือสื่อสารไร้สายพูดจาหยอกเย้ากับเพื่อนทหารด้วยกัน
แต่ยังไม่ทันที่นักบินอเมริกันจะพูดจบประโยคดี..
จู่ๆ ลมก็พัดกระหน่ำขึ้นมาอย่างรุนแรง กวาดเอาเมฆบนท้องฟ้าทั้งมารวมกันอยู่บริเวณเหนือเกาะเตียวหยู นักบินเชื้อสายอเมริกันถึงกับงุนงงอย่างมาก จนไม่รู้ว่าจะต้องบินไปทางใหนต่อ?!
ในเวลาเดียวกันนั้น ท้องฟ้าเหนือเกาะเตียวหยูที่มืดครึ้ม ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มราวกับดวงตาของปีศาจ!
ความรุนแรงของลมที่จู่ๆก็พัดกระหน่ำขึ้นมานั้น มีความเร็วสูงกว่าระดับ 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง! ในท้องทะเลก็เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นกัน และตอนนี้คลื่นสูงกว่าสิบสองเมตรก็ซัดมาลูกแล้วลูกเล่าอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ดูคล้ายกับสัตว์ร้ายที่น่าหวาดผวากำลังออกล่า และกลืนกินเหยื่อเข้าไป..
แม้กระทั่งธงสีแดงที่หลิงหยุนปักไว้บนเกาะเตียวหยูนั้น ก็ถูกลมพัดปลิวไปพร้อมกับหินซึ่งมีน้ำหนักกว่าร้อยกิโลกรัม แรงลมในเวลานี้รุนแรงเกินกว่าที่จะสามารถจินตนาการได้
แม้ว่าภาพที่อยู่ต่อหน้าหลิงหยุนนั้นจะน่ากลัว และน่าหวาดหวั่นมากเพียงใด แต่เขาก็มั่นใจว่าหินแต่ละก้อนที่เขาเลือกมาสร้างค่ายกลต่างๆนั้น ล้วนมีน้ำหนักอย่างน้อยสองร้อยกิโลกรัมขึ้นไป และตอนนี้ค่ายกลที่เขาสร้างขึ้นก็ยังอยู่ในสภาพปลอดภัยดี
“โอ้พระเจ้า! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หน่วยพยากรณ์อากาศไม่ได้แจ้งไว้แบบนี้นี่นา!” นักบินอเมริกันที่เพิ่งจะนึกเย้ยหยันดินฟ้าอากาศอยู่เมื่อครู่ ถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ!
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น นักบินลำอื่นๆต่างก็ตื่นตระหนกกับภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นกัน และเฮลิคอปเตอร์ของเขาก็ถูกลมพายุดูดเข้าไปอย่างแรง แม้แต่นักบินที่เชี่ยวชาญอย่างเขายังไม่สามารถควบคุมเครื่องไว้ได้!
ตูม!
เสียงเฮลิคอปเตอร์ที่ถูกพายุเฮอริเคนดูดเข้าไปนั้น เสียการทรงตัวจนพุ่งชนเข้ากับหน้าผาจนระเบิดเสียงดัง และตกลงไปในทะเลทันที!
พายุครั้งนี้นับว่ารุนแรงเหลือเกิน จึงแทบไม่ต้องพูดถึงเฮลิคอปเตอร์ลำเล็กๆ พวกนั้น ที่ตอนนี้ถูกลมพายุพัดออกไปไกล พายุลูกขนาดนี้ต่อให้เรือลำใหญ่โตก็สามารถจมได้ เช่นเดียวกับเกาะเล็กๆแห่งนี้ที่สามารถจมหายไปได้เพราะคลื่นลมเช่นกัน
นาวิกโยธินชาวอเมริกันที่อยู่บนเรือบรรทุกลำนั้น ต่างก็มีสีหน้ามั่นใจกับปฏิบัติการในครั้งนี้ แต่ตอนนี้ทุกคนต่างก็งุนงงว่าเหตุใดจู่ๆท้องฟ้า และผืนน้ำจึงได้เปลี่ยนไปกะทันหันเช่นนี้?
ทหารเรืออเมริกันต่างก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการต้านทานพายุที่รุนแรง และน่าหวาดกลัวนี้ ส่วนบรรดานักบินต่างก็พากันหาพื้นที่สำหรับที่จะเอาเฮลิคอปเตอร์ลงจอด!
แต่ในพื้นที่เกาะที่เต็มไปด้วยภูเขา และสิ่งกีดขวางมากมายเช่นนี้ จะหาลานสำหรับลงจอดง่ายๆได้อย่างไร?
ตูม!
เฮลิคอปเตอร์อีกหนึ่งลำตกลงไปในทะเล และถูกคลื่นใหญ่กลืนกินลงท้องทะเลในทันที
โทคุงาวะ ทาเคตากุ และยากิอุ ยูมะ ต่างก็กระโดดออกจากเฮลิคอปเตอร์ได้ทันเวลา และด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสอง ทั้งคู่ก็สามารถเอาชีวิตรอดจากคลื่นที่สูงสิบกว่าเมตรได้อย่างง่ายดาย
ทาคุงาวะ ทาเคตากุ ซึ่งนั่งอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ที่ถูกพายุเฮอริเคนพัดตกนั้น ถึงกับร้องตะโกนถามออกมาด้วยความโมโห
“ใหนเจ้าบอกข้าว่าที่นี่มีจอมยุทธชาวจีนยังไงล่ะ? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ข้ายังไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว! แล้วนี่เฮลิคอปเตอร์สองลำก็ถูกพายุเฮอริเคนพัดตกไปแล้ว ในเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นก็มีหน่วยนาวิกโยธินที่เก่งกาจที่สุดของสหรัฐอยู่ด้วย!”
เฮลิคอปเตอร์บินอยู่กลางอากาศ ทั้งคู่จึงไม่สามารถดูแลใครได้อีกในเวลานี้ โทคุงาวะ ทาเคตากุพูดต่อว่า
“โชคดีที่เหล่านินจาต่างก็ใช้สปีดโบ๊ท แล้วตอนนี้ก็ขึ้นฝั่งกันได้แล้ว จอมยุทธชาวจีนนั่นคงใกล้หมดวาระของมันแล้ว!”
ยังไม่ทันที่โทคุงาวะ ทาเคตากุจะพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากคนนับสิบดังขึ้นมา และเมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่ามีเหล่านินจาสิบกว่าคนกำลังได้รับบาดเจ็บจากก้อนหินจนเลือดตกยางออก แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือว่าเหตุใดก้อนหินเหล่านั้นจึงลอยขึ้นเองได้!
แน่นอนว่า.. มันคือค่ายกลนวสังหารที่หลิงหยุนสร้างขึ้นมานั่นเอง นินจาที่ฝีมือต่ำก็จะไม่สามารถหนีออกจากค่ายกลนี้ได้ และกำลังวิ่งหลบหนีการโจมตีของก้อนหินจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และหมดความสามารถในการต่อสู้ไป
โทคุงาวะ ทาเคตากุ และยากิอุ ยูมะ ถึงกับตกใจสุดขีด และต่างก็ร้องอุทานออกมาว่า “นี่.. นี่มันค่ายกลของพวกคนจีน! แย่แล้ว.. ไปช่วยพวกเขาเร็วเข้า!”
ทั้งสองคนต่างก็มองหน้ากัน และรีบพุ่งไปยังบริเวณที่ใกล้กับตำแหน่งของค่ายกลนวสังหาร!
…………..
ในเวลานั้น หลิงหยุนที่สวมผ้าคลุมหน้าสีดำพร้อมกับเจ้าขาวปุย ก็กำลังยืนอยู่ในหุบเขาเล็กๆแห่งหนึ่ง ทั้งคู่มองดูเฮลิคอปเตอร์ที่ถูกพายุเฮอริเคนพัดตก จากนั้นก็มองชาวญี่ปุ่นซึ่งสวมชุดสีดำถูกหินทำร้ายบาดเจ็บสาหัสครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดก็พูดขึ้นมา
“พวกเจ้ากล้าทำร้ายข้า.. ข้ายังไม่ทันลงมือ พวกเจ้าก็ตาย และบาดเจ็บกันไปมากแล้ว!”
ดูเหมือนว่าท้องฟ้าสีแดงเข้มกำลังลอยต่ำลงมาทุกทีๆ และท้องทะเลก็เกิดแรงหมุนขนาดใหญ่จนทำให้น้ำในทะเลกลายเป็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่
กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ในครั้งนี้ หากจะเทียบกับครั้งที่เกิดปรากฎการณ์มังกรเล่นน้ำแล้ว นับว่าเป็นกระแสน้ำวนที่ใหญ่ และรุนแรงกว่าครั้งนั้นหลายเท่านัก!
ฟ้าแลบแปลบปลาบเป็นสีเงินรูปร่างคล้ายงูปรากฏขึ้นตัดกับท้องฟ้าสีแดงเข้ม ราวกับมีใครจงใจสร้างสรรค์ขึ้น แสงของมันพุ่งลงกลางกระแสน้ำวนขนาดมหึมานี้ และดูเหมือนว่าจะมีพลังรุนแรง จนทำให้กระแสน้ำวนหมุนรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม!
หลังจากสายฟ้าสีเงินขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายงูได้รวมตัวเข้ากับกระแสน้ำวนแล้ว จู่ๆกระแสน้ำวนก็หยุดหมุน และเริ่มเปลี่ยนเป็นกลุ่มเมฆขนาดมหึมาแทน!
ท้องฟ้าที่มืดมิด กลุ่มเมฆขนาดมหึมาเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม และยังคงปรากฏฟ้าแลบที่มีลักษณะคล้ายงูสีเงินขึ้นเป็นระยะๆ แต่ก็ยังไม่มีอสุนีบาตเกิดขึ้น..
หลิงหยุนรู้ดีว่า.. อสุนีบาตที่จะทดสอบไป๋เซียนเอ๋อนั้นกำลังจะผ่าลงมาในอีกไม่ช้านี้แล้ว เขาจึงบอกกับนางว่า
“เซียนเอ๋อ.. ข้าไม่สามารถอยู่ช่วยเจ้าได้! เพราะหากข้าอยู่กับเจ้า อสุนีบาตจะไม่ยอมผ่าลงมา เจ้าอย่าได้ตำหนิข้าเลยนะ..”
“นายท่าน.. เซียนเอ๋อไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย!” แววตาของสุนัขจิ้งจอกดูจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลิงหยุนแอบยื่นยันต์อสนี ยันต์เพชร และยันต์เกราะให้กับไป๋เซียนเอ๋อ จากนั้นก็เรียกน้ำเต้าวิเศษออกมา!
“เจ้าดื่มนี่ซะ.. ดื่มให้มากที่สุดเท่าที่เจ้าจะสามารถดื่มได้ จากนั้นเจ้าจงวิ่งไปที่กลุ่มเมฆสีแดงนั่น ยันต์พวกนี้เก็บไว้ใช้ยามที่วิกฤตจริงๆ จำไว้ให้ดี.. ไม่ว่าเจ้าจะวิ่งไปที่ใหนก็ตาม แต่เมื่อเกิดอสุนีบาตเส้นสุดท้าย เจ้าจะต้องวิ่งไปที่ค่ายกลแปดทิศทั้งสองแห่งที่ข้าสร้างไว้ให้!”
อสุนีบาตเส้นสุดท้ายนั้นจะเป็นอสุนีบาตที่ทรงพลังและรุนแรงมากที่สุด หากไม่สามารถทานทน หรือหลบหลีกได้ ก็ยากที่เขาจะช่วยเหลือได้อีกแล้ว หลังจากที่สั่งการเจ้าขาวปุยไปทุกอย่างแล้ว หลิงหยุนก็ไม่พูดอะไรอีก!
หลิงหยุนรู้ว่าไป๋เซียนเอ๋อไม่สามารถยกน้ำเต้าวิเศษขึ้นได้ เขาจึงช่วยยกและรินน้ำลายมังกรลงไปในปากของนาง
…………
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่?!”
ทุกคนที่ขึ้นไปบนเกาะได้ ต่างก็หยุดการกระทำของตนเองทุกอย่าง และจ้องมองไปยังกลุ่มเมฆสีแดงเข้มขนาดมหึมาที่ลอยอยู่เหนือเกาะเต่า ทุกคนที่ได้เห็นภาพที่น่าหวาดกลัวนั้น ต่างก็จ้องมองจนแทบหยุดหายใจ!
ไป๋เซียนเอ๋อดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปจนเต็มพุง และร่างกายของนางก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต นางเงยหน้ามองกลุ่มเมฆสีแดงเข้มขนาดมหึมานั้น ด้วยแววตามั่นใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ดูนั่น.. จิ้งจอกตัวนั้นมีสามหาง! ทำไมจิ้งจอกขาวตัวนั้นถึงได้มีสามหาง!? แล้วตัวของมันก็ใหญ่โตมากด้วย!”
นินจาขั้นเซียงเทียน-2 สองคนชี้ไปทางไป๋เซียนเอ๋อที่ปรากฎตัวออกมา และรูปร่างที่ใหญ่โตของสุนัขจิ้งจอกก็ทำให้ทั้งคู่ตกใจจนต้องร้องอุทานออกมา!
“เซียนเอ๋อ.. เจ้ามีหน้าที่กลายร่างให้สำเร็จ! ส่วนข้าจะไปจัดการกับคนพวกนั้น!”
หลิงหยุนยิ้มให้ จากนั้นก็หันหน้าไปมองโทคุงาวะ ทาเคตากุ และยากิอุ ยูมะที่อยู่ไกลออกไป
“เซียนเอ๋อ.. เจ้าต้องทำสำเร็จ!”
หลังจากที่หลิงหยุนพูดให้ความมั่นใจกับไป๋เซียนเอ๋อแล้ว ร่างของเขาก็ลอยห่างออกไปเกือบร้อยเมตร!
หลิงหยุนนับว่าช่วยไป๋เซียนเอ๋อได้มาก และเขาเองก็มีประสบการณ์ และเคยผ่านบททดสอบมาก่อนแล้ว เขาจึงรู้ดีว่ากลุ่มเมฆมหึมานี้จะครอบคลุมพื้นที่ในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น
จู่ๆ พายุเฮอริเคนก็สงบลง!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ
อสุนีบาตที่มีรูปร่างคล้ายกับมังกรสีเงินได้ผ่าลงมาจากกลุ่มเมฆสีแดงเข้มขนาดหึมา และสายฟ้านั้นก็ฟาดลงบนร่างของไป๋เซียนเอ๋อทันที!
อสุนีบาติที่ฟาดลงมานั้น ทำให้ร่างของไป๋เซียนเอ๋อสั่นอย่างรุนแรง ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของสุนัขจิ้งจอกปรากฏร่องรอยของความเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อย และสุนัขจิ้งจอกสามหางก็ได้รับอสุนีบาตเส้นที่หนึ่งไปแล้ว!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
หลังจากสายฟ้าที่ฟาดลงมาครั้งแรก ก็ตามมาด้วยครั้งที่สอง ครั้งที่สาม และยังคงมีมาอีกเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เกิดสายฟ้าที่พร่างพรูลงมามากมาย ราวกับมีสายฝนร่วงลงมาจากกลุ่มเมฆสีแดงมหึมาที่กำลังปกคลุมบริเวณที่เจ้าขาวปุยอยู่ในระยะหนึ่งร้อยเมตร!
ในเวลานั้นหลิงหยุนเองก็ได้กระโดดออกมาไกลกว่าสี่ร้อยเมตรแล้ว กระบี่โลหิตแดนใต้ถูกเรียกออกมาไว้ในมือของเขา จากนั้นหลิงหยุนก็ถือกระบี่สีดำเดินออกไปอีกราวหนึ่งร้อยเมตร และเริ่มลงมือสังหารเหล่านินจาอย่างไม่ปราณี
ภายใต้ก้อนเมฆสีแดงเข้มขนาดมหึมานั้น อสุนีบาตสีเงินยังคงกระหน่ำลงมาไม่ยั้ง จนดูราวกับว่าบริเวณนั้นเป็นป่าทึบสีเงิน ในขณะที่หลิงหยุนเองก็สร้างสายฝนสีแดงซึ่งเกิดจากเลือดที่พุ่งออกจากร่างของเหล่านินจาคนแล้วคนเล่า และในตอนนี้เสียงกรีดร้องก็ดังระงมไปทั่วบริเวณ ไม่มีใครสามารถหลีกหนีกระบี่ของหลิงหยุนได้พ้นแม้แต่คนเดียว!
“กรี๊ด…” ในที่สุดไป๋เซียนเอ๋อก็กรีดร้องออกมาเป็นครั้งแรก!
หลิงหยุนถึงกับชะงัก! และไม่สามารถทนดูความหายนะของไป๋เซียนเอ๋อได้ เขาเม้มริมฝีปากแน่น และเนตรหยินหยางของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะพุ่งเข้าหานินจาขั้นเซียงเทียน-2 สองคนที่อยู่ด้านหน้า!
“กระบี่นั่น!”
นินจาขั้นเซียงเทียน-2 ทั้งสองคน ยังไม่ทันที่จะได้ร้องออกมา ศรีษะของพวกเขาทั้งคู่ก็กระเด็นหลุดจากบ่าไปไกลกว่าสิบเมตรแล้ว!
ท่ามกลางแผ่นฟ้าและผืนดินที่ปกคลุมไปด้วยอสุนีบาตในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรนั้น เจ้าขาวปุยเริ่มวิ่งอย่างรวดเร็ว และหนีไปทางหลิงหยุน!
“วิ่งไปทางศัตรู!”
แม้ไป๋เซียนเอ๋อจะถูกสายฟ้าฟาดเข้าใส่อย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ แต่นางก็ยังจำคำสั่งของหลิงหยุนได้ จึงวิ่งไปตรงตำแหน่งที่หลิงหยุนอยู่ และหยุดอยู่ห่างจากเขาราวหนึ่งร้อยเมตร!
เกาะเตียวหยูไม่ได้ใหญ่โตมากมาย.. กว้างเพียงแค่ 1.5 กิโลเมตร ไป๋เซียนเอ๋อวิ่งไปเพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็ครอบคลุมพื้นที่กว่าสองสามร้อยเมตรแล้ว และตอนนี้นางก็หยุดอยู่ในบริเวณที่มีนินจาอยู่ราวสิบกว่าคน!
นินจากลุ่มนี้อยู่ในขั้นที่ต่ำกว่าไป๋เซียนเอ๋อ พวกมันไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงร้อง ทันทีที่ไป๋เซียนเอ๋อวิ่งเข้าไปใกล้ พวกมันก็ถูกฟ้าผ่าจนกลายเป็นตอตะโก และเป็นเถ้าถ่านปลิวหายไปในที่สุด
“แย่แล้ว.. นั่นมันคือปีศาจกลายร่าง!”
โทคุงาวะ ทาเคตากุ เป็นคนในตระกูลโทคุงาวะเช่นเดียวกับ โทคุงาว ทาเคซูกะทีถูกหลิงหยุนสังหารในป่าเสินหนงเจี๋ย เขาจึงมีความรู้ในเรื่องเหล่านี้มากพอควร และเข้าใจได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น!
“เจ้ารู้ตอนนี้ก็สายไปแล้ว!”
หลังจากที่หลิงหยุนจัดการสังหารนินจากขั้นโฮ่วเทียนเก้าไปแล้ว ก็ชี้ไปทางโทคุงาวะ ทาเคตากุพร้อมกับเย้ยหยัน!