บทที่ 261 ถึงคุณจะฆ่าฉัน ฉันก็ไม่โทษคุณ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 261 ถึงคุณจะฆ่าฉัน ฉันก็ไม่โทษคุณ
เหยื่อที่อยู่เบื้องหลังสุขาวดี สุดท้ายที่จับได้มาดันเป็นผู้หญิงโง่เส้นหมี่คนนี้ แสนรักคิดไม่ถึงจริงๆ

เดิมทีเขาคิดว่า เบื้องหลังผู้หญิงสองคนนี้จะต้องซ่อนแผนร้ายขนาดใหญ่ไว้แน่ เพื่อใช้มารับมือกับพวกเขาหิรัญชากรุ๊ป แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่า แผนการที่เขาวางมานาน จะจับได้แค่ปลาโง่ตัวนี้

“ประธาน สุขาวดียอมรับแล้ว หนังสือพวกนั้น และก็จดหมายพวกนั้นที่แป้งร่ำให้คุณตอนนั้น ล้วนแต่เป็นบุคคลนิรนามให้เธอ พวกนี้ล้วนแต่เป็นเอกสารของตอนนั้น คุณดูได้”

สุดท้ายเคมีเห็นว่าประธานว่างสักที จึงรีบเอาแฟลชไดรฟ์ที่ได้รับจากการสอบสวนสุขาวดีเมื่อกี๊ และหนังสือหลายเล่มยื่นไปให้

แสนรักเหลือบมอง ก้มหน้าลงหยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาก่อน

“《เข็มใจ》?”

ใช่ครับ หนังสือเล่มนี้ ตอนนั้นที่แป้งร่ำออกตีพิมพ์ ที่จริงก็เป็นท่านประธานที่ช่วยเธอติดต่อกับสำนักพิมพ์ น่าเสียดาย คิดไม่ถึงว่าจะขโมยมาจากคนอื่น”

เคมีคิดเรื่องเมื่อตอนนั้นออก ก็อดไม่ได้ที่จะขยะแขยงอีกครั้ง

เขาไม่อาจไปคิดได้จริงๆ ว่า แป้งร่ำในตอนนั้น มีท่าทีแบบไหนมารับมือกับเรื่องนี้กันแน่?ทั้งๆ ที่นี่เป็นของคนอื่น แต่เธอดันไม่รู้สึกผิดไม่สบายใจอะไรเลย

ที่มีก็แค่ความสบายใจที่แสนเพลิดเพลินไปกับเกียรติที่หนังสือเล่มนี้นำมาให้ และยังภูมิใจในเกียรติอีก

ใบหน้าแสนรักก็เยือกเย็นขึ้นมา เขาถือหนังสือเล่มนี้แล้วนั่งลงเปิดดู เขาหาเงาของเขาเจอจากในหนังสือเล่มนี้ อย่างง่ายมาก

【นั่นเป็นครั้งแรกที่มาม่าเห็นต้นน้ำ เด็กอายุสิบขวบถูกครูของเขาวิ่งไล่ตามทั่วทั้งสนาม ไม่ยอมทำการบ้าน เหงื่อเต็มหน้า แต่บนใบหน้าเล็กๆ ที่สวยงามเหมือนหยกขาวนั้น เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันแสนซน ราวกับพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า ดูดีมากๆ】

นี่คือครั้งแรกที่บรรยายถึงพระเอกของหนังสือเล่มนี้

และภาพนี้ แสนรักจำได้อย่างเลือนราง เป็นตอนเด็กๆ ที่เจอผู้หญิงโง่คนนั้นครั้งแรก

เธอบอกว่าเขาดูดี

และตอนนั้น เขากลับรู้สึกแค่ว่าเธอโง่ บื้อ เหมือนกับซาลาเปาโง่ มองยังไงก็ไม่ชอบ

แสนรักเปิดต่อไป เด็กสาวสิบห้าสิบหก ถึงอายุจะน้อย แต่ตัวหนังสือที่เขียนออกมา กลับมีภาพลักษณ์ที่ละเอียดอ่อนมาก นอกจากระหว่างบรรทัดแต่ละประโยค ก็มักจะมีความเศร้าจางๆ อยู่เสมอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางเอกในหนังสือ หลังไปสอดแนมรู้ความลับอาการป่วยของพระเอกโดยไม่ตั้งใจ

【มาม่ากลับไปในบ้าน แม่ถามเธอว่า สอบที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง?มาม่ากลับไม่อยากตอบ เธอไม่อยากฝืนความสนใจของพ่อแม่ คะแนนวิชาวรรณกรรมเธอดี เหมาะสมมากกับเศรษศาสตร์ แต่ว่า เธอไม่อยากเลือก เธออยากเรียนหมอ ที่ดีที่สุดก็คือด้านจิตวิทยา】

【มาม่า……】

จู่ๆ แสนรักก็ไม่อยากอ่านอีกต่อไป

เขารู้สึกว่าในใจนั้นอึดอัด เหมือนมีอะไรติดอยู่ข้างในอก

“ประธาน คุณเป็นอะไรไป?”

“ไม่เป็นไร มีอะไรอีก ?”แสนรักปกปิดตัวเอง ยกกาแฟบนโต๊ะขึ้นมาจิบ

เคมียื่นข้อมูลฉบับหนึ่งไปให้

“ถึงสุขาวดีจะยอมรับแล้ว แต่สำหรับบุคคลนิรนามนี้ เธอกลับพูดว่าพวกเธอก็ไม่รู้จริงๆ ที่จริงหลังจากเรื่องราวถูกเปิดโปงไป พวกเธอก็ลองติดต่อเธอคนนั้นแล้ว แต่พบว่าที่อยู่อีเมลนั้นไม่อยู่แล้ว”

“ไม่อยู่แล้ว?”

ชายหนุ่มที่นั่งหน้าโต๊ะหัวเราะอย่างเยือกเย็น:“การวางแผนมาแล้วจริงๆ ด้วย หาแฮกเกอร์ชั้นดี มาจัดการมันสิ

เคมีพยักหน้า:“จัดการแล้วครับ แต่ว่า ท่านประธาน หนังสือพวกนี้ คุณนายเขียนจริงหรือครับ?”

สุดท้ายเคมีจึงถามคำถามนี้ไปอย่างระมัดระวัง

หมดหนทาง หลังจากรู้ความจริงนี้แล้ว มันกระทบใส่เขาอย่างมากจริงๆ ยังไงเขาก็คิดไม่ถึงว่า คู่หมั้นที่อยู่กับท่านประธานมาห้าปีเต็ม จะเป็นนักเขียนตัวปลอม

ส่วนภรรยาเก่าของท่านประธานล่ะ?

กลับเป็นนักเขียนตัวจริง ห่าเอ๊ย หนังสือพวกนี้เป็นเธอเขียน

เคมีตื่นเต้นเล็กน้อย เขาตัดสินใจแล้ว พอคุณนายตื่นมา จะต้องให้เธอเซ็นชื่อให้ตัวเอง ได้ยินว่านักเขียนคนนี้เป็นบุคคลระดับแนวหน้า ของในโลกวรรณกรรมแล้ว

“นายว่างมาก?ฉันไม่รังเกียจที่จะให้ค่าโอทีนายสามเท่า”

“อ๋า?อ่า!!”

เคมีหันกลับแล้ววิ่งทันที:“ไม่ว่างครับไม่ว่าง แม่ผมยังรอผมกลับไปเก็บบ้านอยู่เลย ผมไปละนะครับ ท่านประธาน”

จากนั้นผู้ชายคนนี้ก็วิ่งหนีหายไป

เห็นพวกเด็กๆ สามคนมองหน้า จ้องตากันไปมา ไม่ต้องบอกว่างงแค่ไหน

หนูรินจัง:“ผู้อาเคถูกแด๊ดดี้ว่าอีกแล้ว?”

คุณชายคิว:“พี่ว่าใช่ ก็เขาโง่ขนาดนั้น เวลาที่ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ด้วยกัน จะไปเป็นก้างขวางคอได้ไง?ทั้งๆ ที่รู้ว่าแด๊ดดี้เพิ่งอุ้มหม่ามี๊กลับมา”

ชินจัง:“อือ!”

ชินจังที่กลัวดอกพิกุลจะร่วงอยู่เสมอ จู่ๆ ก็เห็นด้วยกับความคิดของน้องชาย

จากนั้น เด็กทั้งสามคนจึงโทรไปที่คฤหาสน์หิรัญชาเอง เพื่อให้แด๊ดดี้หม่ามี๊กระชับความสัมพันธ์กันมากขึ้น โดยมีคุณชายคิวเป็นตัวนำ

“คุณปู่ ผมคิวคิวนะ ปู่คิดถึงหลานชายคนเล็กของปู่ไหมครับ?”

“เด็กบ้า หลานว่าปู่คิดถึงไหมล่ะ?”

ในสาย คุณท่านที่ได้รับสายจากหลานชายอย่างยากเย็นมาตลอด ก็น้ำตาไหลออกมาอย่างตื่นเต้น

คุณชายคิวจึงสบตายิ้มแย้มกับพี่ชายและน้องสาวทางนี้ จากนั้นพูดไปอย่างเจ้าเล่ห์:“งั้นปู่มารับพวกเราสิครับ พวกเราตัดสินใจแล้ว วันนี้จะไปบ้านปู่ ค้างได้หนึ่งคืนนะ”

“จริงหรือ?”คุณท่านดีใจมาก ยืนขึ้นมาอย่างดีใจ:“โอเคๆๆ ปู่จะส่งคนไปรับพวกหลานเดี๋ยวนี้”

จากนั้นเขาก็วางสาย ไปเตรียมคนขับรถ

คุณท่านคนนี้ ที่จริงสำหรับลูกหลานแล้ว เขาปฏิบัติได้ไม่เลวเลย ไม่ว่าจะลูกชายอย่างแสนรัก หรือว่าหลานชายทั้งสอง ก็เอาใจใส่อย่างหัวแก้วหัวแหวน