บทที่ 262 ความจริงที่อยู่เบื้องหลัง

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 262 ความจริงที่อยู่เบื้องหลัง
เส้นหมี่นอนหลับฝันหวานอย่างยาวนาน

ในฝัน เธอย้อนกลับไปช่วงที่ยังเป็นเด็กสาวอยู่ สภาพครอบครัวดี พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ทุกวันเธอเหมือนเจ้าหญิงที่ถูกประคบประหงมอยู่ในมือ มีความสุขเป็นอย่างมาก

จากนั้น วันนั้น จู่ๆ แม่ก็พาลูกสาวของลุงมา

“หมี่ ช่วงนี้คุณลุงป่วยนะ ต่อไป พี่ฝันจะอยู่ที่บ้านพวกเราแล้ว ลูกจำไว้ว่าต้องดูแลพี่สาวให้ดีนะ เข้าใจไหมจ๊ะ?”

“เข้าใจแล้วค่ะ”

เส้นหมี่จูงลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่าเธอสองปีนี้ อย่างมีความสุข

ต่อมา ลูกพี่ลูกน้องฝ่ายแม่คนนี้ก็กินอยู่กับเธอทุกวัน เพราะได้ยินว่าเส้นหมี่เข้าโรงเรียนดี พี่สาวฝ่ายแม่คนนี้จึงแสดงออกมาว่าเธออยากไปด้วย

พ่อของเธอ จึงให้เธอไปโรงเรียนของเธอด้วย

ตั้งแต่นั้นมา ความสัมพันธ์ของสองคนพี่น้องก็สนิทชิดเชื้อมากขึ้น

“หมี่ เธอทำอะไรอยู่?ทำไมเธอไม่ทำการบ้านล่ะ?”

“ฉันเขียนจดหมายอยู่ เขาไปต่างประเทศแล้ว ฉันอยากส่งจดหมายให้เขาทุกวันเลย”เส้นหมี่ฟุบลงไปบนโต๊ะหนังสือ ทุกตัวอักษรเขียนอย่างตั้งใจเป็นพิเศษ

แต่งฝันนั่งลงข้างโต๊ะหนังสือของเธอ

เธอหยิบจดหมายที่เส้นหมี่เขียนมา แล้วเริ่มเปิดอ่าน:“เขาไปตั้งนานขนาดนั้นแล้ว เธอเขียนทุกวันแบบนี้ เขาเคยตอบเธอไหม?”

สายตาของเส้นหมี่หม่นลงไปทันที:“ไม่เลย……”

เธอไม่เคยหวัง

เพราะว่า จดหมายพวกนี้เธอไม่เคยส่งไปให้

แต่ว่าวันนี้ พี่สาวเธอพูดว่า:“ได้ไงกัน?เธอเขียนอยู่ตลอด เขาไม่เคยตอบเธอกลับเลย เธอไม่น้อยใจหรือ?เอางี้ ต่อไปจดหมายพวกนี้พี่ส่งให้เอง”

“อ๋า?พี่จะช่วยส่งให้ฉันหรือ?”

“ใช่ พี่ช่วยเธอส่งเอง จากนั้นจะคอยดูจดหมายที่ตอบกลับของเขา สบายใจได้ พี่จะทำให้เขาตอบกลับเธอ”

แต่งฝันพูดโน้มน้าวรับประกันให้เธอ

จากนั้น เส้นหมี่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ปล่อยให้เธอหยิบจดหมายพวกนั้นของตัวเองไป

น่าจะเป็นเพราะว่า ที่จริงในใจเธอไม่กล้าพอ และการลงมือของพี่เธอคนนี้ ทำให้เธอมีข้ออ้างส่งจดหมายเหล่านี้พอดี

แล้วก็ เธอน่าจะจินตนาการไปหน่อย หวังว่าจะได้รับจดหมายตอบกลับจริงๆ

แต่น่าเสียดายมาก พอพี่สาวเธอเอาจดหมายไป ก็ยังไม่มีข่าวคราว ทุกครั้งที่เธอกลับมาก็จะบอกเธออย่างเสียใจ บอกว่าไม่มีจดหมายตอบกลับ จากนั้น โน้มน้าวเธออย่ายอมแพ้ เขียนต่อไป จะต้องมีการตอบกลับมาแน่

เส้นหมี่ได้แต่ยกมุมปากที่ซีดขาวขึ้นมา ไม่พูดอะไร

ต่อมา เส้นหมี่ก็ไม่ค่อยเขียนจดหมายแล้ว เธอชอบเขียนหนังสือ เอาสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจเธอหลายปีนี้ เขียนออกมาด้วยภาษาของตัวเอง

พี่สาวแต่งฝันเห็น ก็อิจฉามาก

“หมี่ เธอทำขนาดนี้ได้ไงกัน?ทำเป็นทุกอย่างเลยหรือ?ให้พี่ดูได้ไหมว่าเธอเขียนอย่างไร?”

“โอเค”

เส้นหมี่ในตอนนั้น ใสซื่อมาก ปฏิบัติต่อพี่สาวคนนี้ ไม่มีความเห็นแก่ตัวเลย เธอเห็นเธอเป็นญาติของตัวเองมาตลอด

ได้ยินว่าเธอจะดู ก็คัดลอกที่ตัวเองเขียนดีแล้วให้เธอไปฉบับหนึ่ง

จนถึงมัธยมปลาย บริษัทที่ตระกูลวชิรนันท์ดูแลเกิดภาวะวิกฤตครั้งใหญ่

“ตระกูลวชิรนันท์ของเธอล้มละลาย ทำไมตระกูลอัครนันท์ของเราต้องแบกรับหนี้ด้วย?พ่อแม่ พ่อกับแม่โง่หรือเปล่า?ตระกูลวชิรนันท์เคยให้อะไรพ่อกับแม่ไหม?ให้พ่อแม่เป็นทาสรับใช้พวกเขาแบบนี้หรือ?”

“ฝัน ลูกพูดอะไรอยู่น่ะ?นั่นอาของลูกนะ!ลูกลืมแล้วหรือว่าหลายปีมานี้ลูกอยู่บ้านพวกเขาน่ะ?”

“เหอะๆ พ่อไม่พูดก็ยังดี พอพูดขึ้นมา ฉันก็โกรธเลย ตอนที่ส่งไปบอกพ่อกับแม่ว่า จะดูแลฉันเหมือนลูกสาวแท้ๆ สุดท้ายล่ะ?ที่เส้นหมี่มี ฉันกลับไม่เคยมี แม้แต่เรียน ก็เป็นฉันที่ขอร้องพวกเขา ถึงให้ฉันไปเรียน”

“……”

วันนั้น พอที่บ้านเกิดเรื่อง พ่อถูกจับ แม่ก็ล้มป่วยทันที ตอนที่เส้นหมี่มาหาคุณลุง เธอก็ได้ยินพี่ที่ใช้ชีวิตอยู่กับเธอมาหลายปี พูดถึงพ่อแม่ของเธอแบบนี้จากด้านนอก

ตระกูลวชิรนันท์ไม่ดีกับเธอหรือ?

ตอนที่เส้นหมี่กลับไปอย่างขวัญเสีย ก็รู้สึกเยือกเย็นไปถึงกระดูก

เธอไม่เคยรู้เลยว่า ที่แท้คนๆ หนึ่งก็สามารถลืมหูลืมตาพูดคำพูดพล่อยๆ แบบนี้ออกมาได้ ไม่รู้เลยว่าจะมีคนที่ลืมพระคุณคนได้ขนาดนี้?

ความดีที่เมื่อก่อนพวกเขาตระกูลวชิรนันท์ปฏิบัติต่อเธอ ไม่มีค่าหรือไง?

สุดท้ายเส้นหมี่ไม่อาจพลิกสถานการณ์ให้ครอบครัวของตัวเองได้ ตระกูลวชิรนันท์ของเธอล้มละลาย แม่รับการโจมตีไม่ไหวก็เสียชีวิต พ่อถูกจำคุกสิบกว่าปี ส่วนเธอกลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่มีที่ไป

แต่ว่ายังดี ที่คุณลุงกับป้าของเธอ ไม่ได้ไม่เอาเธอ แต่รับเธอไป

จากนั้น ตำแหน่งของเธอแต่งฝันก็สับเปลี่ยนกัน

เธอกลายเป็นคนที่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ ส่วนเธอแต่งฝัน กลับกลายเป็นคุณหนูของเจ้าของบ้าน

……

ตอนที่เส้นหมี่ค่อยๆ ลืมตามา มองไฟสีส้มสลัวๆ ด้านบนหัว เบ้าตาที่แดงก่ำของเธอก็เคลื่อนไหว น้ำตาสองหยดที่กลั้นไว้ในฝันมานาน จึงไหลออกมาจากหางตาเธอเช่นนี้

“คุณผู้ชาย คุณเส้นหมี่ยังไม่ตื่นอีกหรือคะ?จะให้เรียกหมอแครอทมาตรวจอีกดีไหมคะ?”

“กี่โมงแล้ว?”

“ห้าทุ่มกว่าแล้วค่ะ คุณผู้ชาย คุณเส้นหมี่นอนเกือบจะวันหนึ่งแล้วนะคะ พี่ว่าทางที่ดีให้หมอแครอทมาดูดีกว่า จะได้ไม่มีปัญหาอะไรร้ายแรง”

เป็นเสียงของพี่ภา พอเธอเห็นว่าข้างนอกดึกแล้ว น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความกังวลและร้อนใจ