“ไม่งั้นคุณพักกับฉันสองสามวันไหมคะ หลบไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”ควีนชวนเอง
“ควีน ขอบคุณนะคะ แต่ไม่ต้องหรอก”หลินจือปฏิเสธคำแนะนำของควีนไปตามสัญชาตญาณ
เธอรู้สึกขอบคุณควีนมาก แต่ควีนเป็นลูกน้องของเทาเท่ เธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับเทาเท่
และ เธอก็รู้ลึกๆว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเธอจะหลบหนีแล้วแก้ไขได้
เรียวจิกับชาร์ลีแน่ใจว่าเธอกลับมาแล้ว ไม่มีทางหยุดหาเธอแน่
ได้ยินเธอปฏิเสธควีน เทาเท่จึงหันหน้ามองไปที่เธออย่างไม่พอใจ
หลินจือหลบสายตาของเขา ก้มหน้าลงกินข้าวต่อ
กลับเป็นควีน ที่ถามเธออย่างไม่วางใจ:“งั้นคุณจะทำไง?ให้พวกเขาล่วงละเมิดแบบนี้ต่อไป?”
“หรือคุณอยากไปหานานิ?”ควีนเหมือนอ่านความคิดเธอออก“ครั้งที่แล้วตอนเรากินข้าวด้วยกัน นานิบอกว่าช่วงนี้เธอไปถ่ายละครนอกสถานที่ไม่ใช่เหรอ?”
หลินจือ:“……”
ควีนไม่เตือน เธอก็ลืมเรื่องนี้แล้ว
นานิออกไปถ่ายหนังข้างนอกจริงๆ และก่อนไปก็ส่งข้อความวีแชทบอกเธอแล้ว
เธอยังกำชับนานิว่าต้องดูแลตัวเองดีๆ แต่เพราะว่าช่วงนี้เธอเขียนบทจนหัวหมุน เลยไม่มีเวลานึกถึง
นานิไม่อยู่ เธอก็ไปบ้านนานิไม่ได้
เห็นเธอไม่พูด เทาเท่ก็สั่งไปอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่า:“เดี๋ยวให้ควีนกลับไปเก็บของกับคุณ สองสามวันนี้ก็พักที่บ้านเธอซะ”
หลินจือกำลังจะอ้าปากพูดอะไร เขาก็พูดด้วยสีหน้าหม่นออกไปว่า:“คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธน้ำใจของควีนเพราะผม เธอเองก็เป็นเพื่อนกับคุณด้วยความจริงใจ”
เทาเท่พูดจบก็ไปโดยไม่หันมา
นิสัยของควีนเป็นคนเชื่องช้าและอบอุ่น และเย็นชาเล็กน้อย ไม่ใช่ว่าใครก็ตามเธอจะสามารถชวนมาอยู่ชั่วคราวสักวันสองวันได้
เธอชอบหลินจือมาก ดังนั้นจึงยากที่จะรุกอย่างกระตือรือร้นก่อน
ส่วนหลินจือ เมื่อก่อนเธอเคยพูดต่อหน้าเขาว่าควีนเป็นผู้หญิงที่ดี และมักจะนำของอร่อยมาให้ควีนกับคิงสองคนพี่น้องนี้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่อยากคบควีนเป็นเพื่อน
แต่ตอนนี้เธอปฏิเสธควีนแบบนี้ ไม่ต้องคิดเขาก็รู้ว่าเป็นเพราะว่าเขา
คิดไม่ถึงว่าเขาเทาเท่ก็จะมีวันที่ถูกคนไม่ชอบหน้าแบบนี้
หลังจากเทาเท่ออกไป หลินจือมองควีนที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างรู้สึกผิด:“ฉันรู้ความหวังดีของคุณ ฉันแค่——”
ควีนส่ายหน้าตัดบทเธอ:“ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันเข้าใจค่ะ”
หลินจือโล่งอก พูดเบาๆ:“งั้นสองสามวันนี้รบกวนคุณด้วยนะคะ”
ควีนหัวเราะขึ้นมา:“ไม่เป็นไร ฉันต้อนรับมาก”
เพราะว่าร่างกายหลินจือไม่เป็นอะไรหนัก ดังนั้นจากนั้นเธอจึงออกไปจากโรงพยาบาลกับควีน กลับที่พักของเธอตอนนี้เพื่อไปเก็บของ
ในห้องทำงานของไวท์ มือสองข้างของเทาเท่ล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมยืนตรงข้างหน้าต่าง เห็นหลินจือกับควีนนั่งรถออกไปด้วยกันจึงละสายตากลับ
ไวท์เดินมายื่นกาแฟแก้วหนึ่งให้เขา:“นี่แกทำบ้าอะไร?ห่วงใยภรรยาเก่าขนาดนี้?”
เทาเท่หลับตาลงอย่างเฉยเมย:“หรือฉันต้องทนดูเธอโดนเรียวจิล่วงละเมิด?”
ไวท์พูด:“ด้วยความเคารพ แกสามารถเมินเฉยได้ หย่ากันไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องสนใจอีก”
เทาเท่:“……”
ไวท์ไร้หัวใจขนาดนี้เชียว?
ลืมไปแล้วเหรอว่าตอนนั้นหลินจือป้อนอาหารอร่อยๆให้พวกเขาอย่างไร?
ไวท์พูดอีกว่า:“แกไม่รู้จริงๆหรือว่าแกล้งไม่รู้?ตอนนี้หลินจือเจอสิ่งเลวร้ายพวกนี้ ก็เพราะแกทำ”
“ถ้าแกไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเธอ ซูซีจะลงมือกับเธอเหรอ?”ไวท์พูดอย่างสวยงาม เทาเท่หงุดหงิดจนหันหน้ามองไปที่หน้าต่างอีกครั้ง
เขาเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากจอนห์ บอกว่าสืบได้แล้ว
ที่เรียวจิรู้ว่าหลินจืออาศัยอยู่ที่ไหน เพราะมีคนบอกข่าวเขา
เบอร์ที่ส่งข้อความบอกเรียวจิเป็นเบอร์ที่ใช้ครั้งเดียว แต่จอนห์สืบได้ลึกมากไปอีก พบว่าเบอร์นั้นเป็นลูกน้องของพินอินที่ซื้อมา
ชัดเจนว่า น้องสาวแท้ๆของเขาอยู่เบื้องหลัง
และในเมื่อเป็นพินอินทำ งั้นก็ต้องเกี่ยวข้องกับซูซีอย่างแน่นอน
ด้วยพฤติกรรมอย่างนั้นของพินอิน เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เหตุผลให้เธอหยุดเล่นงานหลินจือ ดังนั้นเขามองนอกหน้าต่างไปก็หรี่ตาคิดไปว่า จะจัดการกับน้องสาวเจ้าปัญหาอย่างพินอินนี้อย่างไรดี
ทันใดนั้นในหัวก็มีคำพูดที่ซูซีพูดต่อหน้าเขาไม่นานมานี้ ซูซีบอกว่าพินอินเอาแต่ใช้ชีวิตเสเพลแบบนี้ไม่ดี สู้ส่งเธอไปชุบทองที่ต่างประเทศดีกว่า
หนึ่งปล่อยให้เธอหายไปจากเมืองเจสเวิร์ดช่วงหนึ่ง ให้ผู้คนลืมข่าวความสัมพันธ์ชายหญิงที่คลุมเครือเหล่านั้นของเธอ
สองให้เธออยู่อย่างลำบาก ไม่แน่อาจจะทำให้เธอคิดเป็นบ้าง
ตอนนั้นเทาเท่คิดว่า ถ้าเขาส่งพินอินไปต่างประเทศแม่จะต้องทำใจไม่ได้ และหาเรื่องเขาแน่
พอเขาคิดแล้วก็รู้สึกปวดหัว ดังนั้นจึงไม่ได้ทำอะไร
แต่ตอนนี้เขาคิดว่า ความคิดของซูซีนั้นไม่เลว
ไม่ว่าแม่จะโวยวายหรือไม่ เขาก็ตัดสินใจแล้ว
*
หลินจือเก็บของใช้ไม่กี่อย่างของตัวเองไปง่ายๆ แล้วเอาคอมไป จากนั้นจึงไปที่พักของควีน
คอนโดของควีนตั้งอยู่ใกล้ตึกฟอเรนากรุ๊ป ทำเลดีมาก เนื้อที่ประมาณหนึ่งร้อยห้าสิบตารางเมตร การตกแต่งภายในเป็นสไตล์นอร์ดิกมินิมอลที่เรียบง่าย ซึ่งคล้ายกับบุคลิกของควีนอย่างมาก
ในฐานะผู้ช่วยของเทาเท่ ควีนก็ถือว่าเป็นคนมีเงินของเมืองนี้ รายได้เยอะมาก
ควีนพาหลินจือไปห้องนอนรับแขกที่อยู่ทางใต้:“คุณพักที่นี่ละกัน แสงที่นี่ดี คุณใช้ห้องทำงานของฉันได้ตามต้องการเลย ยังไงตอนกลางวันฉันก็อยู่ที่บริษัท เลยไม่ได้ใช้”
หลินจือรีบพูด:“ขอบคุณค่ะ”
ควีนพาเธอคุ้นเคยกับบรรยากาศทั้งคอนโด จากนั้นทั้งสองก็นั่งลงที่ข้างบาร์
ควีนยิ้มแล้วพูดกับหลินจือ:“ประตูตรงข้ามเป็นห้องของจอนห์ แต่เขาไม่พักที่นี่ค่ะ”
หลินจืออยากรู้อยากเห็นมาก:“ทำไมล่ะ?”
ทำเลดี บรรยากาศดีแบบนี้ ทำไมจอนห์ไม่อยู่?
ควีนพูด:“เพราะว่าบางครั้งแม่ฉันจะมาพักสักสองสามวัน เขาทนไม่ไหวที่แม่ฉันเร่งแต่งงานทั้งวัน เลยย้ายออกไป”
หลินจือหัวเราะ:“เขาน่ารักจริงๆ แม่คุณดีกับพวกคุณมากเลย”
ควีนละสายตาลงไป น้ำเสียงเศร้าเล็กน้อย:“ต้องบอกว่าเธอดีต่อจอนห์ลูกชายคนนี้ต่างหาก”
เห็นหลินจือดูไม่เข้าใจ ควีนจึงพูดอีกว่า:“พวกเราให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ในสายตาแม่ฉันมีแค่จอนห์ลูกชายคนนี้ ไม่มีฉันเลยค่ะ”
“วันๆเธอเอาแต่พูดว่าต่อไปทุกอย่างของเธอกับพ่อฉันจะเป็นของจอนห์ แต่ที่จริงพวกเขามีอะไร?มีแค่เงินเล็กๆน้อยๆนั้น และยังเป็นของฉันที่ให้อีก”
หลินจือแปลกใจเล็กน้อย กล้าเอาเงินจากควีนลูกสาวคนนี้ จากนั้นเอาไว้ให้ลูกชาย?
“ทุกครั้งที่มาก็จะเอาของที่จอนห์ชอบมาให้ ฉันเลยได้กินของจอนห์ไปบ้างเท่านั้น”
“ทุกครั้งเธอจะพักกับฉันที่นี่ บอกว่าไม่อยากให้จอนห์มาดูแลพวกเขา แต่กลับไม่สงสารลูกสาวอย่างฉันที่ทำอาหารสามมื้อต่อวันให้พวกเขา”
“จอนห์เคยประท้วงเธอหลายครั้ง ให้เธออย่าให้ความสำคัญแต่กับลูกชาย ให้เธอมีความยุติธรรม แต่เธอไม่ฟังเลย”
“จอนห์บอกว่าต่อไปจะเอาของที่เป็นของฉันคืนให้ฉัน”ควีนหัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง“ที่จริงที่ฉันแคร์ไม่ใช่เงินพวกนั้น แต่เป็นเธอที่เป็นแม่……แบ่งความรักมาให้ฉันบ้างได้ไหม”
“ถ้าตอนนั้นพวกเราไม่ได้รับการช่วยเหลือจากกองทุนการกุศลของฟอเรนากรุ๊ป ฉันก็คงถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียนเพื่อทำงานให้จอนห์เรียน”
คำพูดของควีนทำให้หลินจือสงสารอย่างมาก ที่บอกว่าทุกครอบครัวต่างมีปัญหาในตัวเอง ที่แท้ก็เป็นแบบนี้จริงๆ