หลินจือปลอบใจควีนเบาๆ : “หลายๆเรื่องของครอบครัว เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่แล้ว เราสามารถเปลี่ยนได้ก็มีเพียงแค่ตัวเราเองเท่านั้นแหล่ะ”
ครอบครัวของเธอนั้น ก็ไม่ได้ดีไปกว่าควีนเลยเหมือนกัน
ยกเว้นมารดาที่เสียชีวิตไปแล้วของเธอที่รักและอ่อนโยนต่อเธอ รักและปกป้องเธอ ส่วนเรียวจิกับชาร์ลีนั้นก็ยิ่งแย่กับเธอมาก
ตอนแรกเธอเองก็รู้สึกเสียใจ แต่ต่อมาเธอก็รู้ว่านั่นมีเหตุผล ดังนั้นแล้วเธอจึงไม่ได้ดึงดันอะไรอีก
ควีนพยักหน้าพลางเอ่ยขึ้นด้วยความหดหู่ : “ใช่ เราทำได้เพียงแค่เปลี่ยนตัวเอง”
“ในก้นบึ้งของหัวใจฉันมักจะสาบานอยู่เสมอ ต่อไปถ้าหากฉันมีลูก จะไม่ให้พวกเขาได้รับการปฏิบัติที่ไม่เหมือนกันเพียงเพราะเรื่องเพศอย่างเด็ดขาด”
เพียงแต่น่าเสียดายที่ชีวิตนี้ของเธอกำหนดมาให้ไม่สามารถมีลูกได้
ถ้าหากไม่เป็นเพราะผู้ชายคนที่รักมากคนนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องมาทนกับความลำบากในการต้องมาตั้งครรภ์เป็นสิบเดือนทำไมกัน? และตอนคลอดนั้นก็ยังต้องมารู้สึกเจ็บจนใจแทบขาดอีก?
ส่วนผู้ชายคนนั้นที่เธอรัก ภรรยาของเขาจะไม่มีทางใช่ผู้หญิงที่มีฐานะทางสังคมอย่างเธอ
ทั้งสองคนคุยกันอยู่พักหนึ่ง แล้วควีนก็ลุกขึ้นแล้วว่า : “ฉันต้องกลับบริษัทแล้ว เธออยู่ที่บ้านตามสบายเลยแล้วกันนะ”
หลินจือเป็นฝ่ายเอ่ยพูดขึ้นมาเอง : “เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณเธอ เย็นนี้ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะทำอาหารอร่อยๆเอาไว้เลี้ยงเธอเอง”
“ฉันจำได้ว่าเธอชอบกินเผ็ด ถ้าอย่างนั้นก็ทำเนื้อหมูตุ๋น กับพวกเต้าหู้ผัดเสฉวนพวกนี้ก็แล้วกัน?”
ควีนคิดไม่ถึงว่าหลินจือจะรู้ว่าเธอชอบกินเผ็ด จึงรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที : “ดีจัง ฉันไม่ได้กินอาหารดีๆแบบจริงๆจังๆมาตั้งนานแล้ว”
งานเลขาของเทาเท่ ถึงแม้จะดูมีหน้ามีตาและเงินเดือนสูง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะลำบากทั่วๆไปแบบนั้น การทำงานล่วงเวลาก็เป็นเรื่องปกติที่เคยชินไปแล้ว ปกติแล้วเธอจะกินอาหารที่ทำงานทั้งนั้น
แต่หลังจากที่ควีนเอ่ยพูดแล้วนั้น ก็เอ่ยถามด้วยความกังวลขึ้นมาอีกครั้ง : “แต่ เธอกินเผ็ดได้เหรอ?”
ควีนรู้ว่าเพราะเทาเท่กระเพาะไม่ดีจึงไม่กินเผ็ดเลยแม้แต่นิดเดียว หลินจือก็ใช้ชีวิตอยู่กับเทาเท่มาสามปีแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะเคยชินกับการไม่กินเผ็ดไปแล้ว
ใครจะรู้ว่าหลินจือจะยิ้มแล้วเอ่ยพูดขึ้นมาว่า : “ได้สิ ฉันชอบกินเผ็ดที่สุดเลยเหมือนกันนะ”
ควีนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง : “ถ้าอย่างนั้นตอนที่เธออยู่กับประธานเทาเท่–”
หลินจือแบมือออกอย่างเยาะเย้ยตัวเอง : “ตอนที่ฉันกินเองคนเดียวหรือออกไปกินข้างนอกกับนานิก็จะกินเผ็ด อยู่ที่บ้านถึงจะไม่กินน่ะ”
หลินจือเอ่ยพูดขึ้นตามหลังอีกครั้ง : “เพื่อผู้ชายที่ไม่ได้รักตัวเองคนนึง ต้องมาทรมานตัวเองแบบนี้ เธอว่าตอนนั้นฉันโง่หรือเปล่า?”
ควีน : “………..”
คำถามนี้เธอตอบไม่ได้
หลังจากนั้นควีนก็ไปทำงาน หลินจือเก็บของตัวเองอยู่พักหนึ่ง หลังจากที่จัดการเรียบร้อยแล้วก็โทรออกหานานิ
หลังจากที่นานิได้ยินความน่ารังเกียจของเรียวจิแล้วกัดฟันด่าว่าออกมาด้วยความแค้น : “ไอ้ขยะนี่ อยากจะถูกฉันต่อยใช่ไหม?”
ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยคะแนนของหลินจือดีมาก ทุกๆเทอมจะได้ทุนสูงสุดของโรงเรียน และทุกครั้งเรียวจิก็จะมาหลอกล่อบีบบังคับเอาเงินนี้กับหลินจือ
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นานิโมโหเสียจนทนไม่ไหว จึงลากเรียวจิไปต่อยตีในมุมที่ลับตาคน
ฝีมือในวิชามวยของนานินั้นดีมาก และมีชื่อเสียงทางด้านความป่าเถื่อนอีกด้วย ต่อยเรียวจิเสียจนลงจากเตียงไม่ได้เลยหลายวัน และตั้งแต่หลังจากนั้นก็หยุดไป
หลินจือรู้ว่านานิเองก็รู้สึกสงสารเธอเช่นกัน แต่เธอก็ยังเอ่ยปลอบใจนานิ : “การใช้กำลังแก้ปัญหานี้ไม่ได้หรอกนะ”
นานิเอ่ยขึ้น : “ต่อไปเธอไปพักกับฉันดีกว่า ทางฉันมีมาตรการรักษาความปลอดภัยดี เรียวจิอยากจะเข้าไปก็เข้าไปไม่ได้หรอก”
“ถึงยังไงเวลาส่วนมากของเธอก็อยู่แต่ในบ้านเขียนบทละครอยู่แล้ว เขาหาตัวเธอไม่เจอเดี๋ยวก็หยุดไปเองแหล่ะ”
“เดี๋ยวฉันจะส่งกุญแจไปให้เธอเดี๋ยวนี้เลย ไม่ต้องไปพักกับควีนแล้ว เทาเท่จะได้ลดเจตนาไม่ดีลงบ้าง” นานิเป็นพวกที่มีความกระตือรือร้น บอกว่าทำก็คือทำ
หลินจือรีบห้ามเธอเอาไว้ก่อน : “ไม่ต้องส่งมาหรอก ถ้าหายไปจะยุ่งยากเปล่าๆนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันพักไม่กี่วันเท่านั้นเอง” นานิพูดว่าเทาเท่มีเจตนาไม่ดีอะไรนั่น หลินจือรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย
ใครจะมามีเจตนาไม่ดีกับอดีตภรรยาที่หย่าร้างกันไปแล้ว?
นานิเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งด้วยความกังวล : “ถ้าอย่างนั้นต่อไปเธอวางแผนจะทำยังไงต่อ?”
หลินจือเอ่ยขึ้น : “ฉันจะหลบพวกเขาตลอดอยู่แบบนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ฉันรอดูก่อนว่าต่อไปพวกเขาจะทำยังไง ไม่อย่างนั้นก็ทำได้เพียงแค่ต้องฉีกหน้าพวกเขาแล้วล่ะ”
นานิรู้สึกรังเกียจกับพฤติกรรมที่ไม่ดีของสองพ่อลูกเรียวจิกับชาร์ลีเป็นอย่างมาก : “ผู้ชายสองคน มีมือมีเท้า วันๆไม่คิดจะทำงาน คิดแต่เพียงจะไปเอาเงินจากคนอื่น หน้าไม่อายจริงๆ!”
หลินจือเอ่ยขึ้นอย่างเศร้าสลด : “ถ้าพวกเขาหาความก้าวหน้าบ้าง แม่ฉันก็คงจะไม่ต้องโมโหตายเหมือนกัน”
มารดาของเธอเสียชีวิตเพราะป่วย แต่อาการป่วยนั้นก็เกิดจากภาวะซึมเศร้าความโมโหมาหลายปี และความทุกข์ของเธอเหล่านั้นก็ล้วนแต่มาจากพ่อลูกที่เกียจคร้านคู่นั้น
ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง และยังเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่งอีกด้วย เจอสามีและลูกชายแบบนี้ ก็สามารถทำให้โมโหได้จริงๆ
หลังจากที่คุยกับนานิเสร็จแล้วนั้น หลินจือก็จัดการกับอารมณ์ของตัวเอง แล้วเข้าสู่การสร้างงานเขียนบทของตัวเองต่อ
ผู้ชายเนี่ยอะไรก็ไม่น่าเชื่อถือทั้งนั้น งานนี่แหล่ะที่น่าเชื่อถือที่สุด
งานที่ตั้งใจทำ เงินที่หามาได้ด้วยตัวเอง ตัวเองใช้ได้ถึงจะสบายใจที่สุดแล้ว
ตอนเย็นหลินจือทำเนื้อหมูตุ๋น กับเต้าหู้ผัดเสฉวน และซุปรากบัวซี่โครงหมูอีกด้วย ล้วนแต่เป็นอาหารจานหลักทั้งสิ้น เพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณของตัวเอง
หลังจากที่อาหารจัดวางอยู่บนโต๊ะอาหารแล้วนั้น หลินจือก็มานั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกเพื่อรอควีนเลิกงานแล้วกลับมากินข้าว
ผลปรากฏว่าหลังจากที่รออยู่พักหนึ่งควีนก็โทรเข้ามาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความขอโทษ : “หลินจือ เย็นนี้ฉันไม่ได้กลับไปกินด้วยแล้วนะ งานในมือตอนนี้ยุ่งมากเลย”
หลินจือสามารถเข้าใจได้ถึงงานที่ยุ่งของควีน แต่เธอมองอาหารที่อุดมสมบูรณ์บนโต๊ะอาหารแล้ว ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
อาหารโต๊ะใหญ่ขนาดนี้ เธอคนเดียวกินไม่หมดอยู่แล้ว
ถ้าเอาทั้งหมดใส่ตู้เย็นเอาไว้ รสชาติก็จะต้องเปลี่ยนอย่างแน่นอน
เธอคิดแล้วนั้นก็เลยเอ่ยขึ้น : “ถ้าไม่อย่างนั้นฉันส่งไปให้เธอชุดนึงแล้วกัน เยอะมากเกินไปจริงๆ”
ที่นี่ห่างจากตึกฟอเรนากรุ๊ปเดินไปก็ประมาณสิบนาที เธอถือว่าเป็นการเดินเล่นแล้วกัน
“จริงไหม?” ควีนดีใจมาก “ดีจังเลย!”
“เมื่อกี้เห็นรูปอาหารอร่อยๆที่เธอส่งมาให้ฉันแล้ว ฉันอยากกินจะตายอยู่แล้ว เธอเอามาส่งให้ฉันด้วย เอาใจใส่ดีจริงๆเลย!”
“มันเยอะเกินไปแล้ว ฉันเองก็กินไม่หมดหรอก” หลินจือเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “จอนห์เองก็ทำโอทีด้วยกันไหม?”
ควีนตอบกลับ : “ใช่ เราอยู่ด้วยกันนี่แหล่ะ”
หลินจือเอ่ยขึ้น : “ถ้าอย่างนั้นฉันเอาไปเยอะๆดีกว่า เธอกับจอนห์จะได้กินด้วยกัน”
ควีนชะงักไป หลังจากนั้นจึงพูดขึ้นมา : “โอเค ขอบคุณนะ…..”
เธอกับจอนห์กำลังทำโอที และเจ้านายของพวกเขาจะต้องอยู่ด้วยอย่างแน่นอน แต่หลินจือถามถึงเพียงแค่จอนห์กลับไม่เอ่ยพูดถึงเทาเท่เลย มองออกเลยว่าค่าตอบแทนของเทาเท่สู้จอนห์ไม่ได้เลย
เวลานี้ควีนกับจอนห์กำลังทำโอทีด้วยกันอยู่ในออฟฟิศของเทาเท่ หลังจากที่วางสายไปแล้วควีนก็มองไปยังเทาเท่เป็นอันดับแรก แล้วเอ่ยพูดกับจอนห์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอ : “ตอนเย็นนายสั่งให้ประธานเทาเท่คนเดียวก็แล้วกัน”
เทาเท่กับจอนห์มองเธออย่างงุนงงพร้อมๆกัน เธอเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างยากลำบาก : “ตอนเย็นหลินจือทำอาหารเอาไว้แล้ว บอกว่าเดี๋ยวจะเอามาส่งให้ฉันกับจอนห์ทานค่ะ”
หลังจากที่ควีนพูดจบแล้วก็รีบอธิบายกับเทาเท่อีกครั้ง : “หลินจือทำมามีแต่ของเผ็ดทั้งนั้นเลยค่ะ คงไม่เหมาะกับกระเพาะของคุณนะคะ”
ริมฝีปากของเทาเท่ส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมา เขาสงสัยได้ว่าหลินจือตั้งใจที่จะทำอาหารเผ็ดมา เพราะจะไม่ให้เขากิน