หลังจากนั้นยี่สิบนาที หลินจือก็เอาอาหารมาส่งถึงที่
แต่เธอไม่ได้ขึ้นไปด้านบน เลี่ยงจากการต้องมาเจอกับเทาเท่
ควีนลงมาเอาด้วยตัวเอง หลังจากที่หลินจือส่งให้เธอแล้วก็กลับไป
จอนห์เห็นอาหารอร่อยที่ควีนหิ้วขึ้นมาแล้ว น้ำลายก็แทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว
เขาไม่ได้ควบคุมอารมณ์เอาไว้ให้ดีชั่วขณะ หยิบตะเกียบขึ้นมากินไปด้วยพลางเอ่ยพูดขึ้นกับควีนอย่างตื่นเต้น : “พี่ ช่วงสองสามวันที่หลินจือมาพักอยู่กับพี่ ผมขอย้ายกลับมานะ”
มีของอร่อยๆให้กินทุกวัน
ไม่รอให้ควีนพูดอะไร เทาเท่ก็ส่งสายตาเย็นชาให้จอนห์ก่อนแล้ว
จอนห์รับรู้ได้ถึงความไม่พอใจที่มาจากเจ้านายของตัวเอง จึงรีบยื่นซุปกระดูกหมูส่งให้ตรงหน้าเทาเท่ : “ประธานเทาเท่ ซุปกระดูกหมูนี่ดูเหมือนจะไม่เผ็ด ลองชิมดูไหมครับ?”
กลิ่นอาหารที่คุ้นเคยโชยเข้าจมูก เขารู้สึกได้ถึงต่อมรับรสนั้นถูกเปลี่ยนขึ้นมาแล้ว
เมื่อก่อนหลินจือจะทำซุปให้เขากินอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะซุปที่บำรุงกระเพาะต่างๆนานา
ตอนแรกเริ่มนั้นเขาก็ยังรู้สึกไม่ชอบ แต่ต่อมาก็พบว่ากินเข้าไปก็จะรู้สึกสบายกระเพาะมาก แล้วค่อยๆยอมรับ แล้วต่อมาก็กลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
หย่ากันมาหนึ่งปีแล้ว เขาก็ไม่ได้กินซุปอร่อยๆแบบนั้นอีกเลย รู้สึกคิดถึงขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง
ดังนั้น เขาจึงรับซุปนั้นจากจอนห์มาอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่นิดเดียว
จอนห์ทำได้เพียงพูดไม่ออก เขาเพียงแค่ทำตามมารยาท และคิดว่าเจ้านายจะสำรวมอาการว่าจะไม่เอา แต่คิดไม่ถึง…..
ควีนเห็นแล้วนั้นก็ทำได้เพียงต้องเอากระดูกหมูส่งให้กับเทาเท่ด้วยเช่นกัน เจ้านายกับลูกน้องทั้งสามคนต่างก็แบ่งปันอาหารเย็นที่หลินจือส่งมาให้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะกระเพาะของเทาเท่ไม่ดีล่ะก็ เขายังคิดอยากจะลองอาหารอีกสองอย่างจริงๆเสียด้วยซ้ำ
*
ช่วงกลางวันของอีกวันหนึ่ง เทาเท่นัดพินอินมาทานข้าวด้วยกัน
พินอินวางสายจากเทาเท่ที่โทรมาหาเธอแล้วนั้น ก็รีบโทรไปหาซูซีอย่างร้อนใจ : “พี่ชายฉันนัดฉันกินข้าวกลางวัน เขาไปรู้อะไรมาหรือเปล่า?”
ความสัมพันธ์พี่ชายคนนั้นของเธอกับเธอนั้นไม่ได้สนิทกันจริงๆ เธอเองก็รู้ว่าตัวเองมักจะสร้างปัญหา ดังนั้นจึงไม่เป็นฝ่ายไปเจอหน้าเทาเท่ เพื่อลดการโดนอบรมสั่งสอน
ดังนั้นจู่ๆเทาเท่มานัดเธอไปกินข้าวด้วย เดิมทีพินอินก็รู้สึกว่าจะต้องมีความลับแดงออกมาแล้ว
ซูซีปลอบใจเธอ : “เป็นไปไม่ได้หรอก เธอซื้อเบอร์นั้น ก็ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนไปตั้งหลายมือไม่ใช่หรอถึงได้ไปอยู่ที่พนักงานของเธอน่ะ?”
“ใช่น่ะสิ” พินอินเอ่ยขึ้น “ฉันเองก็รู้สึกว่าเขาคงจะไม่สามารถหามาถึงฉันได้ชั่วขณะหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นทำไมจู่ๆเขาถึงได้ชวนฉันไปกินข้าวกัน?”
“ไม่แน่ว่าเขาเพียงแค่อยากจะเลี้ยงข้าวเธอจริงๆก็ได้ เธออย่าเพิ่งลนลานไปเลย” ซูซีเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เธอเป็นน้องสาวแท้ๆของเขา เขาไม่ทำอะไรเธอหรอก”
หลังจากที่ถูกซูซีปลอบใจแล้วนั้น พินอินก็นับว่าไม่ได้ตื่นเต้นแล้ว
ใช่ เธอเป็นน้องสาวแท้ๆของเทาเท่ หลินจือมาเทียบกับเธอ เทียบได้ซะที่ไหนกัน
มาถึงร้านอาหารที่เทาเท่นัดไว้ตรงเวลา พินอินยิ้มสวยแล้วนั่งลงตรงข้ามเทาเท่
ค่อยๆเหลือบมองสีหน้าของเทาเท่ พบว่าสงบนิ่งมาก เธอถึงได้แอบโล่งใจ
หลังจากที่เห็นว่าบนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยอาหารที่เธอชอบแล้ว พินอินก็รู้สึกผ่อนคลายลงไปมาก
เทาเท่เป็นฝ่ายเอ่ยถามเธอ : “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”
พินอินกินไปพลางเอ่ยขึ้น : “ก็แบบนั้นแหล่ะค่ะ?”
หลังจากที่เทาเท่กินอย่างสง่างามแล้วจึงเอ่ยพูดขึ้นด้วยท่วงท่าในจังหวะที่พอดี : “เธอมีการวางแผนในอนาคตยังไงบ้าง?”
“อนาคต?” พินอินเอ่ยพูดขึ้นอย่างไม่ได้สนใจนัก “ฉันจะมีแผนอะไรล่ะคะ? ตอนนี้เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่”
การวางแผนชีวิตของเธอ ก็คือใช้ชีวิตอย่างไร้ความกังวลจากการปกป้องของเทาเท่และฟอเรนากรุ๊ปนั่นเอง
ใช้คำพูดของแม่เธอที่พูดไว้ว่า อย่างเธอนั้นเรียกว่ามีชีวิตที่ร่ำรวย
เกิดมาก็มีชีวิตหรูหรา ไม่จำเป็นต้องวิ่งหาทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ เพียงแค่เสพความสุขกับการใช้ชีวิตอย่างสวยๆในทุกๆวันเพียงแค่นั้น
เทาเท่เงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นก็วางส้อมและมีดในมือลงแล้วมองเธอ : “ในเมื่อเธอไม่มีแผน ถ้าอย่างนั้นฉันจะวางแผนแทนเธอเอง”
พินอินยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองว่าประโยคนี้ของเขานั้นหมายความว่าอะไร ก็ได้ยินเขาเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง : “ฉันวางแผนเอาไว้จะส่งเธอไปเรียนต่อต่างประเทศ”
“อะไรนะ?” พินอินร้อนใจและต่อต้านขึ้นมาด้วยความโมโห “ฉันไม่ไป!”
เธอไม่ไปต่างประเทศ อย่างแรกเธอเป็นพวกไม่ขยันเรียนมาโดยตลอด ภาษาอังกฤษอะไรก็ไม่เป็น ไปต่างประเทศภาษาก็คือเป็นหาใหญ่เลยด้วยซ้ำ
และสองสภาพแวดล้อมที่ต่างประเทศเธอกลัวว่าตัวเองจะปรับตัวไม่ได้ อยู่ที่เมืองเจสเวิร์ด มีเทาเท่และฟอเรนากรุ๊ป เธออยากจะได้อะไรก็ได้
ที่สำคัญก็คือ ที่ต่างประเทศไม่มีใครรู้จักว่าเธอเป็นใคร
ในประเทศ โชคดีที่เธอเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่บ้าง แล้วก็เป็นทายาทเศรษฐีที่ใช้ชีวิตเป็นอีกด้วย เธอชอบชีวิตที่มีความรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุนและมีคนให้ความเคารพแบบนี้
เทาเท่เอ่ยพูดขึ้นอย่างจริงจัง : “พินอิน เธอไม่ได้อายุน้อยๆแล้วนะ จะต้องวางแผนชีวิตตัวเองในอนาคตได้แล้ว”
“ฉันไม่ฟัง ฉันไม่ฟัง!” พินอินตะโกนออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ “ฉันไม่ไปต่างประเทศ ไม่ไปต่างประเทศ!”
เทาเท่เองก็หงุดหงิดแล้วเช่นกัน จ้องมองเธอแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด : “เธอไม่ไปต่างประเทศ ทั้งชีวิตนี้จะมัวแต่อยู่ในวงการบันเทิงอยู่แบบนี้อย่างนั้นเหรอ? จะคอยแต่สร้างปัญหาแบบนี้ไปตลอดชีวิตใช่ไหม?”
ตอนที่เทาเท่เอ่ยพูดประโยคสุดท้ายออกมานั้น พินอินก็ขดตัวอย่างขาดความมั่นใจ
และวินาทีต่อมานั้นเธอก็ร้องไห้เสียงดังออกมา : “เทาเท่ พี่เป็นพี่ชายแท้ๆของฉันรึเปล่า? ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่อยากไปต่างประเทศ พี่ก็จะบังคับให้ฉันไป พี่ทำเพื่ออะไรกัน?”
อาหารมื้อนี้พินอินไม่มีอารมณ์กินแล้ว เธอหยิบกระเป๋าตัวเองแล้วลุกขึ้นยืนทันที : “ฉันจะกลับไปบอกแม่ ว่าพี่รังแกฉัน!”
เธอพูดจบแล้วก็วิ่งออกไป เทาเท่โมโหเสียจนสีหน้าซีดไปหมด
แบบเธอที่พูดสามประโยคไม่ได้ก็ร้องไห้โวยวายแบบนี้ ต่อไปมีผู้ชายอยากได้เธอก็แปลกแล้ว!
หลังจากที่พินอินกลับมาถึงบ้านไม่นาน เทาเท่ก็ได้รับสายจากวีนาแม่ของเขา นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้แล้ว
อีกทั้ง แม่ของเขาก็ยิ่งจะโวยวายมากกว่าพินอินอีกด้วย
และเป็นอย่างที่คิด หลังจากที่เขารับสายแล้วก็ได้ยินวีนาที่อยู่ทางปลายสายสะอึกสะอื้นเอ่ยถามเขาขึ้นมา : “เทาเท่ สรุปแล้วทำไมแกจะต้องส่งพินอินไปต่างประเทศด้วย?”
“แกรู้หรือเปล่าว่าน้องเป็นเหมือนหัวใจของแม่เลยนะ?”
“วันๆแกก็เอาแต่ยุ่งจนไม่เห็นหน้าเห็นตา พ่อแกเขาก็–”วีนาพูดมาถึงตรงนี้แล้วก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น “ทุกๆวันในบ้านนี่ก็มีเพียงแค่พินอินที่อยู่เป็นเพื่อนฉัน ถ้าหากแกส่งเธอไปต่างประเทศ นี่ก็เป็นการเอาชีวิตฉันไปด้วยนะ!”
เทาเท่เอ่ยพูดขึ้นอย่างเย็นชา : “พ่อก็ไม่ใช่ว่าอยู่ที่ต่างประเทศระยะยาวเลยเหรอครับ? ส่งพินอินไปพอดีก็ให้พ่อผมดูแลไง”
ความรู้สึกของพ่อเขานั้นความจริงแล้วจืดจางมาก แม้กระทั่งสามารถพูดได้ว่าแตกหักมากไปกว่าครึ่งแล้วก็ได้
สองสามปีก่อนไกอาพ่อของเขาเป็นเพราะความรู้สึกที่มีต่อวีนามาถึงช่วงวันกลางคนแล้วก็เปลี่ยนอย่างจืดชืด จึงมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ข้างนอก ทำให้ความสัมพันธ์กับวีนานั้นแตกหักลง
แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้หย่ากัน ไกอาไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศเป็นระยะเวลานาน
ถ้าหากพินอินไปต่างประเทศ เขาจะส่งเธอไปอยู่กับไกอาทางนั้นอย่างแน่นอน พินอินไม่มีอะไรดีซักอย่าง มีไกอาอยู่คอยดูแลข้างๆ ยังสามารถก่อเรื่องได้น้อยลงหน่อย
แต่วีนากลับรู้สึกโมโหกับความเย็นชานี้ของเขา : “ให้พ่อแกดูแลน้องอย่างนั้นเหรอ? กลัวว่าเวลาทั้งหมดของเขาจะใช้มันไปกับพวกนังจิ้งจอกพวกนั้นน่ะสิ?”
“ฉันไม่สน พินอินจะไปอยู่ต่างประเทศไม่ได้!” วีนายื่นคำขาดสุดท้ายด้วยความแข็งกร้าว
เทาเท่ก็ไม่ปล่อยเช่นกัน พลางเอ่ยขึ้นทีละคำ ทีละประโยค : “แม่ พินอินจะต้องไปต่างประเทศ”
เธอไม่ไปต่างประเทศ ก็ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องกับหลินจืออีกมากน้อยแค่ไหน
“แก–”วีนาที่อยู่ทางปลายสายนั้นโมโหมากอย่างเห็นได้ชัด แล้วไม่ได้เอ่ยพูดออกมาอยู่พักหนึ่ง
“ผมมีธุระ ขอตัวก่อนนะครับ” เทาเท่จึงวางสายไปในทันที ไม่ให้โอกาสวีนาได้พูดอะไรออกมาอีก