บทที่ 294 เปิดงานชุมนุมสวินหลง

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

บทที่294 เปิดงานชุมนุมสวินหลง
“ตอบพระชายาขอรับ นายท่านพักอยู่ที่เรือนพักร้อนชิวเฟิง อีกไม่กี่วันก็คงจะกลับมาแล้ว”

เรือนพักร้อนชิวเฟิง?

ไปที่นั่นทำไมกัน?

“เขาบาดเจ็บเหรอ?” กู้ชูหน่วนถามอย่างระมัดระวัง

“ไม่ใช่ขอรับ นายท่านอาจจะไม่ได้ไปที่เรือนพักร้อนชิวเฟิงนานแล้ว ดังนั้นเลยอยากพักที่นั่นสองสามวัน ข้าน้อยก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ข้าน้อยแค่รับผิดชอบปกป้องพระชายาขอรับ”

กู้ชูหน่วนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง รู้สึกว่าความจริงของเรื่องไม่ได้มีเท่านี้

งานชุมนุมสวินหลงที่ราชวิทยาลัยจะจัดขึ้นนั้นล่าช้าจนมาถึงวันนี้ถึงจะจัดขึ้น

นางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

เจ็ดวันก่อน นางสัญญากับเสี่ยวลู่ของที่จัดงานประมูลเฟิงเซียง วันนี้จะไปตามนัด แต่หากไปตามสัญญาของที่จัดงานประมูลเฟิงเซียง งั้นก็ไม่สามารถไปร่วมงานชุมนุมสวินหลงได้น่ะสิ

ตอนที่นางลังเลว่าจะไปงานประมูลเฟิงเซียงดี หรือไปงานชุมนุมสวินหลงดี ทันใดนั้นก็มีคนใช้ขึ้นมารายงาน

“พระชายาขอรับ ที่จัดงานประมูลเฟิงเซียงส่งข่าวมาว่า ยกเลิกงานประมูลวันนี้ ค่อยจัดอีกทีสิบวันหลังจากนี้ งานประมูลเฟิงเซียงจะเชิญท่านอีกทีหลังจากสิบวันขอรับ”

บังเอิญขนาดนี้เชียว?

หรือว่าที่จัดงานประมูลเฟิงเซียงรู้ว่าวันนี้นางอยากไปร่วมงานชุมนุมสวินหลง?

“รู้แล้ว เจ้าไปบอกงานประมูลเฟิงเซียง สิบวันหลังจากนี้ข้าจะไปตามนัดแน่นอน”

กู้ชูหน่วนกระตุกมุมปาก ให้ชิวเอ๋อร์แต่งหน้าแต่งตัวให้ตัวเองเสร็จแล้ว นางก็ยิ้มแล้วพูดหยอกชิงเฟิงว่า “นายท่านของเจ้าเมื่อก่อนตกลงข้าไว้ว่า จะให้ข้าไปร่วมงานชุมนุมสวินหลง เจ้าคงไม่ได้คิดจะขวางข้าไว้นะ”

ชิงเฟิงขมวดคิ้ว “นายท่านเคยบอกให้ท่านไปร่วมงานชุมนุมสวินหลงได้ แต่นายท่านยังบอกอีกว่า เขาจะไปร่วมงานพร้อมกับท่านขอรับ”

“ในเมื่อบอกให้ข้าไปร่วมงานชุมนุมสวินหลงได้ งั้นตอนนี้ข้าจะไปรายงานที่ราชวิทยาลัย ส่วนนายท่านของเจ้าจะตามไปราชวิทยาลัยไหม หรือจะตามไปงานชุมนุมสวินหลงไหม นั่นก็เรื่องของเขา”

“คือ……”

ชิงเฟิงยังไม่ทันได้เข้าใจเรื่องราว กู้ชูหน่วนก็ออกจากจวนไปแล้ว และกำลังเดินทางไปราชวิทยาลัย

เขาพูดขึ้นอย่างร้อนรนว่า “รีบไปรายงานนายท่าน พระชายาไปร่วมงานชุมนุมสวินหลงแล้ว”

“ขอรับ”

หลังจากไม่ได้มาหลายวัน กู้ชูหน่วนกลับไปที่ราชวิทยาลัยอีกครั้ง บรรยากาศยังคงเหมือนเดิม แต่คนกลับเหมือนผ่านประสบการณ์ไปนานหลายศตวรรษ

เพราะนางเป็นพระชายาหานแล้ว ดังนั้นนักเรียนในราชวิทยาลัยจึงเกรงกลัวนางเล็กน้อย ไม่กล้าดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

หลิวเยว่อวี่ฮุยเห็นนางมา ก็รีบเข้าไปล้อมตัวนาง แล้วพูดว่า “ลูกพี่มาได้สักทีนะ พวกเราคิดถึงแทบแย่เลย ได้ยินมาว่าเทพสงครามขังเจ้าไว้ในจวนอ๋องหาน เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”

“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนที่จะให้คนอื่นรังแกได้ง่ายๆหรือไง?”

หลิวเยว่อวี่ฮุยส่ายหัวอย่างกับกลองป๋องแป๋ง

มีแต่ลูกพี่ที่รังแกคนอื่นได้ ไม่มีใครรังแกลูกพี่ได้หรอก

แต่ยังไงเทพสงครามก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป พวกเขากลัวว่าลูกพี่จะเสียเปรียบ

“เซียวอวี่เซวียนล่ะ? ยังโดนพ่อของเขาขังอยู่ในบ้านเหรอ?”

“ใช่ วันนี้เพิ่งปล่อยออกมา แม่ทัพใหญ่เซียวให้พี่ใหญ่มาร่วมงานชุมนุมสวินหลง จะต้องหาสมบัติล้ำค่าให้เจอหนึ่งอย่าง ส่งให้กู้ชูหน่วนเป็นของขวัญก่อนแต่งงาน” หลิวเยว่ชี้ไปยังเซียวอวี่เซวียนที่หมดอาลัยตายอยาก

ไม่เจอกันนาน เขาดูโทรมไปมาก และผอมลงด้วย ใบหน้าไม่มีอารมณ์ใดๆ จิตใจดูห่อเหี่ยว ดูแล้วช่วงนี้เขาคงมีชีวิตที่ไม่ค่อยดีมากนัก

กู้ชูหน่วนเดินไป โอบไหล่เขาไว้ แล้วพูดหยอกว่า “เสี่ยวเซวียนเซวียน ไม่เจอกันตั้งนาน เจ้าดูหมดอาลัยตายอยากมากเลยนะ ลืมข้าไปแล้วหรือเปล่า?”

“ยัยขี้เหร่ เขาไม่ได้รังแกเจ้าใช่ไหม”

พอเห็นกู้ชูหน่วนมา เซียวอวี่เซวียนก็กระปรี้ประเปร่าขึ้นมามาก สายตาเปล่งประกายขึ้นเล็กน้อย

เขาคิดว่ายัยขี้เหร่แต่งงานไปแล้ว เทพสงครามคงไม่ให้นางมาร่วมงานชุมนุมสวินหลงแน่ ไม่คิดว่ายัยขี้เหร่จะมาได้

“เจ้าคิดว่าไงล่ะ”

เซียวอวี่เซวียนพ้นลมหายใจออกไปยาวๆอย่างโล่งใจ

ตอนนั้นเทพสงครามโมโหหนักมาก เขาคิดว่ายัยขี้เหร่จะโดนลงโทษเสียอีก

หลายวันที่ผ่านมา เขาคิดหาทางหนีออกจากจวนแม่ทัพอยากไปเยี่ยมยัยขี้เหร่ที่จวนอ๋องหาน แต่เขากลับถูกขังในห้องอย่างแน่นหนา ไม่ว่าเขาจะทำยังไงก็หนีออกมาไม่ได้

“ไม่เป็นไรก็ดี ไม่เป็นไรก็ดี”

เขาพูดแล้ว ก้มหน้าเหลือบมองท้องของนาง

นี่ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว ทำไมท้องของนางถึงยังเรียบแบนขนาดนั้น? หรือว่าขาดสารอาหาร?

แต่มองจากสีหน้าของนางแล้ว เหมือนดูดีกว่าครั้งก่อนมาก ขนาดบุคลิกยังเปลี่ยนไปเลย ท่าทางดูไม่เหมือนมีชีวิตอย่างยากลำบากเลย

“งานแต่งเหลืออีกกี่วัน?”

“จัดหลังจากงานชุมนุมสวินหลงจบแล้ว แต่เจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่แต่งงานกับนางแน่นอน”

กู้ชูหน่วนหัวเราะ “ห้ามแต่งอยู่แล้ว”

คนที่ใจคอร้ายกาจ ใจคด ปากคอเราะรายอย่างกู้ชูหยุน จะแต่งงานด้วยทำไม

“ยัยขี้เหร่ เจ้าไม่อยากให้ข้าแต่งงานกับนางใช่หรือไม่?”

เอ่อ……

เซียวอวี่เซวียนจะตื่นเต้นขนาดนี้ทำไม?

การเป็นเพื่อนกัน นางไม่อยากให้เซียวอวี่เซวียนแต่งงานกับคนที่ไร้คุณธรรมใจคอร้ายกาจอยู่แล้ว

นางยิ้มอย่างอบอุ่นเหมือนแดดยามเช้า หลอมละลายหัวใจของทุกคนที่เห็น “เจ้าวางใจได้ รอจบงานชุมนุมสวินหลงแล้ว ข้าจะช่วยเจ้าหลุดพ้นจากการแต่งงานนี้เอง”

เซียวอวี่เซวียนพูดอย่างซึ้งใจว่า “อืม”

ชิงเฟิงติดตามอยู่เคียงข้างกู้ชูหน่วนตลอด เห็นแบบนี้แล้วก็อดไม่ได้ไอคอกแคก อยากเตือนนางว่า ตอนนี้นางแต่งงานมีสามีแล้ว จะเข้าใกล้กับผู้ชายแปลกหน้าไม่ได้

กู้ชูหน่วนมองบนเขา “เป็นหวัดก็ไปรักษาซะ อย่ามาแพร่เชื้อโรคให้คนอื่น”

พวกหลิวเยว่ได้ยินแล้วก็ปิดปากแอบหัวเราะ ชิงเฟิงหน้าแดงระเรื่อ รู้สึกไม่มีหน้าอยู่ตรงนี้ต่อ

กู้ชูหยุนมาแล้ว นางสวมชุดสีขาว ท่าทางสวยงามจนน่าตกตะลึงและโดดเด่นสะดุดตา ใบหน้าที่งดงามนั้นยิ้มอย่างอ่อนโยนและเขินอาย แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูไม่จริงใจ ทำให้คนที่เห็นแล้วไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่

ด้านหลังกู้ชูหยุน ยังมีหนุ่มหล่อจากตระกูลชนชั้นสูงสองคน แบ่งเป็นมู่หยงเฉินกับตงฟางเจ๋อ

ตลอดทางที่เดินผ่านนั้น ทุกคนในราชวิทยาลัยก็ต่างซุบซิบกันอย่างตกตะลึง

“คุณพระ นั่นเป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งมู่หยงเฉินกับตงฟางเจ๋อนี่? พวกเขามาที่นี่ได้ยังไงกัน? หรือว่าพวกเขาจะมาเข้าร่วมงานชุมนุมสวินหลงด้วย?”

“ถ้าพวกเขามาร่วมงานชุมนุมสวินหลง งั้นสมบัติล้ำค่าคงได้ถูกพวกเขาแย่งไปหมดน่ะสิ? พวกเรายังจะหาอะไรได้อีกล่ะ”

“พวกเขาไม่ใช่นักเรียนของราชวิทยาลัยรุ่นนี้สักหน่อย พวกอาจารย์ไม่ให้พวกเขาเข้าร่วมหรอก น่าจะบังเอิญกลับมาราชวิทยาลัย”

“ไม่ใช่แล้ว เมื่อวานราชวิทยาลัยเพิ่งประกาศออกไป ขอแค่เป็นนักเรียนของราชวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหน ก็สามารถเข้าร่วมงานชุมนุมสวินหลงในครั้งนี้ได้ มีชายหญิงผู้มีความสามารถจากรุ่นก่อนๆมาเข้าร่วมด้วยกันเยอะแยะเลย”

“เมื่อก่อนให้เข้าร่วมแค่นักเรียนในรุ่นไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนกฎกะทันหันล่ะ?”

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่า หากข้าอยากหาอะไรในภูเขาสืบมังกรคงจะยากขึ้นกว่าเดิม ข้ายังรู้มาอีกว่า มู่หยงเฉินกับตงฟางเจ๋อเหมือนจะสนใจในตัวกู้ชูหยุนมาก”

“สนใจแล้วยังไง กู้ชูหยุนกับเซียวอวี่เซวียนกำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ได้ข่าวมาว่าพองานชุมนุมสวินหลงจบลง พวกเขาก็จะจัดงานแต่งทันที ไม่ว่าใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้”

กู้ชูหน่วนรู้สึกว่า

ตอนที่มู่หยงเฉินกับตงฟางเจ๋อมองนาง ในสายตานั้นกลับประกายไปด้วยแรงอาฆาต

เป็นแรงอาฆาตที่นางรับรู้และสัมผัสได้

ไม่เพียงแต่มองนางด้วยแรงอาฆาตเท่านั้น ตอนที่มองเซียวอวี่เซวียนก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

เหอะ……

หาสมบัติล้ำค่างั้นเหรอ?

อยากฆ่านางกับเซียวอวี่เซวียนในงานชุมนุมสวินหลงคงเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาน่ะสิไม่ว่า