บทที่295 โรคปากหมา ต้องรักษา
กู้ชูหยุนเดินมาอย่างเชื่องช้า โค้งคำนับเล็กน้อย ทำความเคารพอย่างมีมารยาท แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะน่าฟัง “ชูหยุนขอคารวะพระชายาหาน คุณชายเซียวเจ้าค่ะ”

เซียวอวี่เซวียนบิดหน้าไปทางอื่น ทำเสียงหึอย่างเย็นชา ไม่มองกู้ชูหยุนเลยด้วยซ้ำ

กิริยานี้พิสูจน์ได้ว่าเซียวอวี่เซวียนรังเกียจกู้ชูหยุนมากแค่ไหน ไม่อยากเป็นทองแผ่นเดียวกันด้วยซ้ำ

ตงฟางเจ๋ออารมณ์ร้อนง่าย ก็จึงด่าอย่างโมโหทันที “คุณหนูรองกู้สุภาพเรียบร้อย ทำความเคารพพวกเจ้าอย่างมีมารยาท พวกเจ้ากลับหยิ่งผยองจองหอง ตั้งใจกลั่นแกล้ง พวกเจ้าคิดว่าตัวเองมีตำแหน่งสูงส่งคิดจะรังแกใครก็ได้งั้นเหรอ?”

ตงฟางเจ๋อไม่ได้พูดแค่เจ้า แต่พูดพวกเจ้า เหมารวมกู้ชูหน่วนเข้าไปด้วย

เซียวอวี่เซวียนกำลังจะโต้กลับ กู้ชูหน่วนขวางเขาไว้ก่อน ตัวเองเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว นางกอดอก ปากคาบหญ้าข้าวฟ่างไว้ ท่าทีทั้งหยิ่งทั้งจองหอง

“นักเรียน หากเจ้ามีตำแหน่งเหมือนพวกเรา เจ้าก็ทำตัวหยิ่งจองหอง ดูถูกคนอื่นเหมือนพวกเราได้”

เฮือก……

ทุกคนสูดหายใจเข้าลึกๆ

ตงฟางเจ๋อเป็นยอดฝีมือระดับหนึ่งเชียวนะ ถึงแม้ตำแหน่งจะเทียบกับเทพสงครามไม่ได้ แต่ก็มีหน้ามีตาในพระนคร และเป็นคนใหญ่คนโตที่มีอำนาจพอตัว

คำพูดของกู้ชูหน่วนเห็นได้ชัดว่า นางยอมรับว่านางใช้ตำแหน่งรังแกกู้ชูหยุน

นางพูดแบบนี้รนหาที่ตายชัดๆ เดี๋ยวเข้าไปในภูเขาสืบมังกรแล้ว กู้ชูหน่วนไม่กลัวว่าจะถูกพวกเขาฆ่าในภูเขาสืบมังกรเหรอ?

คำพูดเดียว ทำเอากลิ่นดินปืนปะทุหนักขึ้นเรื่อยๆ

กู้ชูหยุนแสร้งทำเป็นอ่อนแอ ทำท่าสำออยเหมือนจะร้องไห้ ในใจกลับเกลียดพวกเขาอย่างกับอะไรดี

นางพูดสะอื้นเสียงเบาว่า “น้องสาม คุณชายตงฟางไม่ได้หมายความแบบนั้น เขา……”

“เขาจะหมายความว่ายังไงก็ไม่เกี่ยวกับข้า ทางที่ดีพวกเจ้าอย่ามาหาเรื่องข้าดีกว่า ไม่งั้นข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้เป็นจังหวะเลย”

เฮือก……

ทุกคนตกตะลึงอีกครั้ง

กู้ชูหน่วนกำลังรนหาที่ตายอยู่เหรอ?

กู้ชูหยุนพยายามอธิบาย แต่นางกลับหาเรื่องตงฟางเจ๋อไม่หยุด

ตงฟางเจ๋อแสยะยิ้มเย็นชา “ดี ดีมาก ข้าจะดูสิว่า ใครจะตายก่อน”

เขาอาจจะกลัวเทพสงคราม ไม่ได้พูดตรงๆ แต่ในคำพูดนั้นเต็มไปด้วยคำเตือน ใครที่ฟังแล้วก็รู้ความหมายกันทั้งนั้น

ชิงเฟิงแรงอาฆาตปะทุขึ้น “คุณชายตงฟาง ก่อนที่ท่านจะพูดคำนี้ออกมา ทางที่ดีคิดไตร่ตรองความสามารถของตัวเองให้ดี”

ตงฟางเจ๋อโกรธแต่ก็พูดอะไรไม่ได้

ภายในพระนคร ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าชิงเฟิงเจี่ยงเสวียเป็นมือซ้ายขวาของเทพสงคราม ล่วงเกินพวกเขาก็เหมือนล่วงเกินเทพสงคราม

มู่หยงเฉินเปิดพัดออกพรึ่บ หัวเราะแล้วพูดว่า “เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น เข้าใจผิด ไยต้องทำให้บรรยากาศอึดอัดเช่นนี้ด้วย พี่ตงฟางไม่ได้หมายความอย่างนั้น เขาแค่ปากเสีย ทุกครั้งก็ปากร้ายใจดีตลอด”

กู้ชูหน่วนแสยะยิ้มเย็นชา

ปากร้ายใจดีงั้นเหรอ?

นางว่าแรงอาฆาตของเขาหนักเกินไป ยังอ่อนเยาว์มาก คงเก็บซ่อนไว้ไม่อยู่หรอก

เทียบกับตงฟางเจ๋อแล้ว มู่หยงเฉินซ่อนดาบในรอยยิ้ม เป็นคมในฝัก ยิ่งต้องระวังมากกว่าเดิม

กู้ชูหน่วนพูดแฝงความหมายไปว่า “โรคปากหมา ต้องรักษา”

ตงฟางเจ๋อที่เพิ่งจะหายโกรธไป ก็โกรธอีกครั้ง

“เจ้าว่าใครปากหมา?”

“ข้าบอกเจ้าเหรอ? ข้าพูดชื่อหรือยัง?”

“เจ้า……”

“แก๊งๆๆ……”

เสียงระฆังของราชวิทยาลัยดังขึ้น

ทุกคนไม่กล้าประมาท ต่างก็รีบไปรวมตัวกัน

กู้ชูหน่วนกวาดตามองพวกเขาด้วยสายตาที่ดูถูก แล้วโอบไหล่เซียวอวี่เซวียนไปรวมตัว

หลิวเยว่รีบตามไป แล้วพูดเสียงเบาว่า “ลูกพี่ทำแบบนี้มู่หยงเฉินกับตงฟางเจ๋อจะมาแก้แค้นไหม? สองคนนั้นจะเข้าไปในภูเขาสืบมังกรด้วยนะ”

“เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้พวกเขารังแก ก็จะไม่หาเรื่องพวกเขาเหรอ?”

สองคนนี้ตั้งแต่แรกก็คิดที่จะจัดการนางแล้ว ไม่ว่านางจะทำอะไร สุดท้ายก็ต้องแตกหักกันอยู่ดี จะกลัวไปทำไม